playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Reacher SS2 เล่าเบื้องลึกที่มาของรีชเชอร์พร้อมทีมที่ดุเดือดขึ้นเยอะ! (ไม่สปอยล์)

Summary

โดยรวมซีรีส์ทำได้สนุกกว่าซีซั่นแรก มีความสนุกในทุกตอนที่กลมกล่อมทั้งแอ็กชั่นที่ดุเดือดมากกับดราม่าชีวิตความเป็นมาของรีชเชอร์ที่ไม่ได้ถูกเล่าในซีซั่น 1 โดยมีลูกทีมเพิ่มเข้ามาเป็นตัวละครใหม่หลายคน แต่ว่าก็เนื้อหาก็ยังไม่ได้สดใหม่นัก ยังคงเป็นไปตามสูตรเดิมที่รีชเชอร์จัดการทุกอย่างได้ง่ายๆ มีจุดไม่สมเหตุผลเยอะ และมีจุดที่แย่ในตอนท้ายก็คือการโชว์บอสตัวร้ายนักฆ่าลึกลับให้เก่งสุดๆ มาตลอดเรื่อง แต่ตอนจบกลับตายแบบง่ายๆ ไม่มีกระทั่งฉากต่อสู้เลยสักนิด ซึ่งน่าผิดหวังอยู่เหมือนกัน แต่เรื่องก็จบแบบเคลียร์ปมทุกอย่างได้ดี แนะนำว่ายังไงก็ต้องดูเพราะตอนนี้กลายเป็นอีกหนึ่งซีรีส์เรือธงของ prime ไปแล้วครับ

Overall
7.5/10
7.5/10
Sending
User Review
5 (1 vote)

Pros

  • เพิ่มเบื้องลึกของตัวละครรีชเชอร์ขึ้นมาก
  • มีตัวละครลูกทีมของรีชเชอร์เข้ามาประจำซีรีส์
  • ฉากแอ็กชั่นเยอะกว่าซีซั่น 1
  • มีพากย์ไทย

Cons

  • เนื้อหาไม่ได้สดใหม่นัก
  • ยังมีจุดไม่สมเหตุผลหลายอย่าง
  • บอสนักฆ่าตายแบบน่าผิดหวัง

ADBRO

Reacher SS2 ซีซั่น 2 มี 8 ตอน ทำจากนิยายชุดของ Lee Child ชื่อ Bad Luck and Trouble” หรือ “ถอดสมการฆ่า” เมื่อสมาชิกลูกทีมหน่วยทหารเก่าของรีชเชอร์ตายไปทีละคน ทำให้เขากับลูกทีมที่เหลือมารวมตัวกันเพื่อตามล่าคนร้ายที่วางแผนไล่เก็บพวกเขาทั้งทีม

 

รีวิว Reacher SS1

รีวิว Reacher Amazon Prime ซีรีส์ แจ็ค รีชเชอร์ สร้างใหม่ให้ใกล้เคียงต้นฉบับของ Lee Child

รีวิว Reacher SS2 8 ตอน (ไม่สปอยล์)

 

 

ภาคต่อที่เหมือนเนื้อเรื่องกับตัวละครกระชับเข้าที่ดีแล้วเลยดุเดือดกว่าภาคแรก แต่ไม่ได้มาในรูปแบบรีชเชอร์ลุยเดี่ยวคนเดียว แต่มาเป็นทีมที่ชื่อ “หน่วยร้อยสิบ” ซึ่งเป็นการเล่าเรื่องย้อนอดีตที่ภาคแรกผู้ชมแทบไม่รู้แบ็คกราวด์ชีวิตของเขาเลย ในภาคนี้จึงแบ่งเรื่องเล่าเป็น 2 ช่วงสลับไปมาอดีตกับปัจจุบัน 

เนื้อเรื่องในอดีตคือ จุดเริ่มของหน่วยร้อยสิบ เป็นเรื่องราวที่รีชเชอร์เริ่มก่อตั้งหน่วยทหารนี้ขึ้นมาตั้งวันแรกและหาเรื่องลองใจทีมงานที่คัดเลือกมาทันที มีคดีระหว่างทำภารกิจสืบสวนที่สร้างชื่อให้หน่วยไปจนถึงตอนสุดท้ายที่หน่วยนี้สลายเพราะอะไร แล้วทำไมรีชเชอร์ถึงกลายมาเป็นคนเร่ร่อนในปัจจุบัน ซึ่งทั้งหมดเป็นการเฉลยที่มาที่ไปของรีชเชอร์พร้อมทั้งตัวตนนิสัยของเขากับลูกทีมที่ไว้ใจกันสุดชีวิตได้ยังไง โดยเนื้อเรื่องในอดีตนี้มีควบคู่ไปกับเหตุการณ์น่าสงสัยในปัจจุบัน เมื่อลูกทีมบางคนที่ยังหายตัวไปอาจจะเกี่ยวข้องกับคนร้ายในคดีนี้ ซึ่งเท่ากับว่ารีชเชอร์เองมองคนผิด ทำให้เขาย้อนคิดไปยังช่วงเวลาเหล่านั้น ซึ่งจุดนี้เนื้อเรื่องตั้งใจทำไว้เป็นปริศนาที่เชื่อมโยงกันไปตลอดเรื่องจนถึงตอนสุดท้ายถึงเฉลยว่าคนๆ นี้เป็นหนึ่งในคนร้ายจริงหรือไม่?

เนื้อเรื่องปัจจุบันคือการตามไล่สืบว่าใครกันที่ไล่ฆ่าลูกทีมของเขาที่กระจัดกระจายกันอยู่หลายที่ในอเมริกา แต่โดนฆ่าแล้วนำมาทิ้งในป่าลึกโดยการโยนจากเฮลิคอปเตอร์ โดยมีปริศนาเป็นชุดตัวเลขที่เป็นเบาะแสเหลือไว้ ซึ่งโยงใยหลายทอดกับทั้งทหารและนักการเมืองกลายเป็นคดีใหญ่ระดับชาติ ซึ่งเกินมือรีชเชอร์มากและเขาก็ไม่สามารถสืบคดีนี้เพียงคนเดียวได้จึงต้องพึ่งลูกทีมที่ยังเหลืออยู่อีก 3 คนมาช่วยและเป็นการป้องกันตัวไม่ให้ถูกตามล่า โดยมีตัวละคร Frances Neagley นักสืบหญิงผิวดำที่เป็นอดีตทหารคู่ซี้ของรีชเชอร์กลับมา ที่เหลือคือ David O’Donnell (แสดงโดย Shaun Sipos) ทหารขี้เล่นที่มีครอบครัวไปแล้ว กับคนสุดท้าย Karla Dixon (แสดงโดย Serinda Swan)ทหารหญิงนักบัญชีที่กลายมาเป็นนางเอกในซีซั่นนี้ ซึ่งตัวละครนี้เด่นสุดในกลุ่ม ด้วยความฉลาดทางการคำนวนตัวเลขบวกับความสวยและมีบทอ่อยรีชเชอร์ตั้งแต่ในช่วงอดีตจนถึงปัจจุบัน ซึ่งรีชเชอร์เองจะทนไหวหรือไม่ก็ต้องลองไปรับชมกันดูครับ แต่เธอช่วยทำให้ตัวละครรีชเชอร์ดูมีมิติความเป็นมนุษย์ปุถุชนขึ้นมาเยอะเลยครับ

ตัวร้ายภาคนี้ถูกเปิดมาตั้งแต่ตอนแรก โดยเป็นตัวละครนักฆ่าลึกลับที่มาคอยตามเก็บกวาดจากคำสั่งของบอสอีกคน ซึ่งทั้งคู่คือบอสของเรื่องนี้คู่กัน โดยแบ่งกันทำงานคนละด้าน ตัวนักฆ่าจะมีฉากที่เดินทางไปหลายรัฐอยู่ตลอด ซึ่งทีมของรีชเชอร์ก็ต้องแบ่งทีมตามไปสืบหาเขา โดยมีช่วงแบ่งทีมสลับไปมาอยู่หลายครั้ง ทำให้เห็นวิธีการของลูกทีมที่มีความเชี่ยวชาญต่างกัน ส่วนบอสที่ออกคำสั่งเป็นแนวส่งลูกน้องมาไล่จัดการรีชเชอร์ โดยมีทั้งแก๊งมอเตอร์ไซค์ มือปืน ซึ่งฉากพวกนี้คือส่วนของแอ็กชั่นหนักๆ ของเรื่องที่ไม่ใช่รีชเชอร์เก็บคนเดียว แต่เป็นการโชว์ความสามารถทั้งทีมที่เก่งพอๆ กัน โดยมีทั้งสกิลการต่อสู้ประชิดตัวอย่าง Frances Neagley จะใช้ศอกไม่ใช้หมัด ซึ่งมาจากศิลปะการต่อสู้ของอินโดนีเซียที่ออกแบบให้เธอโดยเฉพาะ ส่วนอีกสองคนจะเป็นการต่อสู้แบบปกติและก็มีการใช้ปืนที่มากขึ้นกว่าซีซั่น 1 เยอะ ส่วนรีชเชอร์จะได้บทเปิดฉากกับปิดฉากตัวร้ายแบบกวนๆ โดยเป็นมุกตลกโดยไม่ต้องแสดงตลก และ Alan Ritchson ก็แสดงฉากพวกนี้แบบตัวโตหน้าตายนิ่งๆ มียิ้มนิดๆ แบบอำมหิตเงียบๆ ได้ดีเช่นเดิมครับ 

นอกจากนี้เรื่องยังมีตัวละครตำรวจที่ทำคดีลูกทีมของรีชเชอร์ที่ตายไปและสืบมาจนเจอเขาได้ แต่ก็กลายเป็นคู่ขัดแย้งปะฉะดะกันตลอดเรื่อง เมื่อรีชเชอร์เล่นแรงก่อนเพราะเข้าใจผิดว่าเขาเป็นคนร้ายที่แอบตามมา ซึ่งบทนี้ในตอนแรกดูเป็นตัวละครที่มีไว้หลอกผู้ชมในตอนแรกว่าอาจจะหักมุมเป็นตำรวจไม่ดีที่รีชเชอร์ไม่เคยไว้ใจตำรวจเสมอ แต่ต่อมาก็ถูกเล่าออกมาแนวเดียวกับสารวัตรสืบสวนผิวดำ Oscar Finlay ในซีซั่น 1 ซึ่งเขาก็กลายมาเป็นผู้ช่วยรีชเชอร์สืบสวนคดีในซีซั่นนี้ด้วยเช่นกัน 

โดยรวมซีรีส์ทำได้สนุกกว่าซีซั่นแรก มีความสนุกในทุกตอนที่กลมกล่อมทั้งแอ็กชั่นที่ดุเดือดมากกับดราม่าชีวิตความเป็นมาของรีชเชอร์ที่ไม่ได้ถูกเล่าในซีซั่น 1 โดยมีลูกทีมเพิ่มเข้ามาเป็นตัวละครใหม่หลายคน แต่ว่าก็เนื้อหาก็ยังไม่ได้สดใหม่นัก ยังคงเป็นไปตามสูตรเดิมที่รีชเชอร์จัดการทุกอย่างได้ง่ายๆ มีจุดไม่สมเหตุผลเยอะ และมีจุดที่แย่ในตอนท้ายก็คือการโชว์บอสตัวร้ายนักฆ่าลึกลับให้เก่งสุดๆ มาตลอดเรื่อง แต่ตอนจบกลับตายแบบง่ายๆ ไม่มีกระทั่งฉากต่อสู้เลยสักนิด ซึ่งน่าผิดหวังอยู่เหมือนกัน แต่เรื่องก็จบแบบเคลียร์ปมทุกอย่างได้ดี แนะนำว่ายังไงก็ต้องดูเพราะตอนนี้กลายเป็นอีกหนึ่งซีรีส์เรือธงของ prime ไปแล้วครับ

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!