รีวิว Reborn Rich ห้ำหั่นกันได้สนุกตลอดเรื่อง แต่กลับไม่สุดในตอนจบ (ไม่มีสปอยล์)
Reborn Rich
Summary
เป็นซีรีส์ที่ดีมากเรื่องหนึ่ง สนุกในระดับสมกับเรตติ้งที่สูง แค่มีปัญหากับตอนจบสุดท้ายหลายอย่าง จนทำให้ไม่สุดแบบน่าเสียดาย แต่ถ้าใครที่ไม่คาดหวังตอนจบที่สมบูรณ์ก็สามารถสนุกกับเรื่องราวการต่อสู้ทางธุรกิจผ่านประวัติศาสตร์จริงแทรกมาด้วย รวมถึงดราม่าสะเทือนอารมณ์ชนชั้นทางสังคมเกาหลี ความสัมพันธ์ปู่กับหลานที่ห้ำหั่นกันแบบดุเดือด แต่ก็ผูกพันกันอยู่ลึกๆ ในตัว ถือว่าเป็นส่วนน่าติดตามที่สุดของเรื่องนี้แล้วครับ
Overall
8/10User Review
( votes)Pros
- แนวธุรกิจเข้มข้นผสมแฟนตาซีลงไปนิดๆ
- แทรกประวัติศาสตร์สำคัญๆ ของโลกและของเกาหลี
- สะท้อนปัญหาความเหลื่อมล้ำสังคมเกาหลีได้อย่างสุดขั้ว
- ดราม่าครอบครัวแชโบล
- ซง จุง-กี หน้าเด็กมาก แต่เท่เหมือนเดิม
Cons
- ตอนจบที่แถแบบไม่สมเหตุผลหลายอย่าง
- ตัวพระเอกเล่นสองบทหน้าเดียวกัน อยู่ที่ทำงานเดียวกัน แต่ไม่มีคนทัก
- เรื่องจริงในประวัติศาสตร์หลายอย่างถูกหยิบมาใส่แบบผิวๆ ไปหน่อย
- บทนางเอกในเรื่องเบาบาง ไม่เน้นเลิฟไลน์ (สำหรับคนไม่ชอบก็อาจจะถือว่าดี)
Reborn Rich ซีรีส์ห้ำหั่นกันทางธุรกิจผสมประวัติศาสตร์จริงของโลกและเกาหลี มีทั้งหมด 16 ตอนจบแล้วที่ Viu (คาดว่าของ Netflix จะตามมาภายหลัง)
รีวิว Reborn Rich (ไม่มีสปอยล์ส่วนสำคัญ)
ซีรีส์จากเว็บตูนในชื่อเดียวกันที่ทำเรตติ้งสูงเกือบแซงหน้า The world of married ไปได้ โดยมีพระเอก “ซงจุงกี” ที่คนน่าจะติดใจจำได้จากทนายมาเฟียมาเล่นใน 2 บท 2 ร่าง ส่วนนางเอกคือ “ชินฮยอนบิน” และมี” ลี ซอง มิน” นักแสดงอาวุโสมารับบทคุณปู่มหาเศรษฐีที่เป็นเหมือนกึ่งๆ ตัวร้ายของเรื่อง
เนื้อเรื่องคือ ฮยอนอู พระเอกเป็นพนักงานของตระกูล ซุนยังกรุ๊ป ที่เป็นตระกูลใหญ่กลุ่มแชโบลที่มีอิทธิพลกับเศรษฐกิจของเกาหลีใต้โดยตรง ตัวเขาทำงานอย่างซื่อสัตย์กับครอบครัวนี้มาตลอด แต่กลับถูกหลอกไปฆ่าทิ้งในเมืองนอก แต่แล้วเขากลับฟื้นขึ้นมาในร่างของ จินโดจุน หลานชายคนเล็กสุดของตระกูล และย้อนอดีตไปปี 1987 เขาจึงมีชีวิตเติบโตกลับมาเพื่อสืบหาและล้างแค้นคนในตระกูลนี้ที่ใครสักคนเป็นผู้สั่งฆ่าเขา โดยใช้วิธีการทางธุรกิจที่เขาล่วงรู้อนาคตมาลงทุนเพื่อสะสมเงินต่อกรกับธุรกิจของซุนยังที่มีคุณปู่ผู้ก่อตั้งบริหารอยู่
เป็นซีรีส์ที่เล่นเรื่องพล็อตแนวย้อนเวลาแบบกลับชาติมาเกิดใหม่รวมกัน ซึ่งจุดเด่นแนวทางของเรื่องก็คือการต่อสู้ทางธุรกิจมากกว่าสืบหาคนร้าย โดยพระเอกจะวางแผนตั้งแต่เด็กทางธุรกิจจนไปเริ่มจริงๆ ตอน 20 กว่าช่วงมหาลัยที่ซีรีส์ตัดข้ามมาตอนโตเลย แล้วเราก็จะได้เห็นกลวิธีการทำเงินของพระเอกที่รู้อนาคตมาใช้ โดยเป็นประวัติศาสตร์ของทั้งเกาหลีและของโลกที่มีอิทธิพลมายังเกาหลีในเวลานั้นด้วย อย่างพวกธุรกิจไอทีดังๆ สมัยยังพึ่งเริ่มก่อตั้งอย่าง อเมซอน หรือพวกสื่อบันเทิงอย่างหนังดังไตตานิค ส่วนของเกาหลีก็จะเป็นเหมือนการเอาประวัติบริษัทดังอย่างซัมซุง ฮุนได แอลจี มายำๆ รวมกันให้เป็นตระกูลสมมุติในเรื่อง แล้วก็แทรกเรื่องจริงทางประวัติศาสตร์บางอย่างผสมลงไปให้เหมือนบริษัทในเรื่องได้เป็นคนทำเรื่องนั้นๆ เอง คล้ายๆ หนังดังอย่างฟอเรสกั๊ม ซึ่งวิธีการเล่าเรื่องสมมุติผสมกลมกลืนไปประวัติศาสตร์จริงจึงทำให้เรื่องดูน่าติดตามว่าพระเอกจะเอาความรู้ในช่วงเวลาไหนมาใช้ในทางธุรกิจ โดยไม่ได้เป็นแค่การซื้อหุ้นหรือลงทุน แต่ยังเอามาใช้พลิกแพลงเล่นเป็นปมย่อยๆ แบบอื่นอีก อย่างการล่วงรู้ว่ากรณีปัญหาคอมพิวเตอร์ Y2K ที่คนตอนนั้นตื่นตระหนกจะไม่มีปัญหา หรือวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ที่โดน IMF ขูดรีดแบบที่ไทยก็คล้ายๆ กัน พระเอกเอาจังหวะสำคัญเหล่านี้พลิกแพลงเล่นเข้ากับแผนการของตัวเองได้อย่างเหมาะเจาะ ซึ่งเป็นส่วนสนุกที่สุดแล้วของเรื่องนี้ที่คนติดตามดูกัน
และตัวเรื่องก็ไม่ได้มีด้านของธุรกิจของพระเอกเพียงอย่างเดียว แต่มีเรื่องของ ประธานจินยังชอล คุณปู่ของพระเอกในร่างนี้ที่เป็นผู้ก่อตั้งซุนยัง และครอบงำอำนาจทั้งหมดของบริษัทไว้ ไม่ยอมให้ลูกหลานง่ายๆ ด้วยกฎที่ทุกอย่างเข้มงวดมาก เงินคือสำคัญกว่าทุกอย่าง แผนการของพระเอกที่จะยึดซุนยัง ตัวละครนี้จึงเหมือนคู่ปรับตัวร้ายของเรื่อง ซึ่งปู่ก็ดูแข็งกร้าวร้ายๆ จริง แต่ตัวเรื่องกลับเล่าแบบให้ทั้งคู่เหมือนเป็นคู่ปรับที่สู้กันทางธุรกิจได้อย่างสูสี และมีอารมณ์ดราม่าความผูกพันปู่หลานซ่อนอยู่ภายใต้สมรภูมิทางธุรกิจอีกชั้นด้วย ซึ่งตัวเรื่องค่อยๆ พัฒนาจุดนี้ไปจนสร้างความผูกพันให้ผู้ชมรักตัวละครนี้ได้อย่างไม่น่าเชื่อ
นอกจากนี้คนในตระกูลทั้งหมดยังเป็นตัวร้ายที่มีบทบาทคอยก่อกวนต่อสู้ทางธุรกิจกับพระเอกตลอดเรื่อง โดยมีตัวร้ายที่บางการฆ่าพระเอกในตอนแรกซ่อนอยู่อีกชั้น แต่ตัวเรื่องจะไม่ได้ให้ความสำคัญกับการสืบหาผู้บงการสักเท่าไหร่ คือเริ่มมาตอนแรกแล้วไปปิดเรื่องนี้เอาตอนท้าย EP16 เลย ตัวซีรีส์จึงเดินเรื่องผ่านการต่อสู้ชิงไหวพริบทางธุรกิจแทบจะทั้งเรื่อง 90%
ในส่วนของเรื่องความรักก็เช่นกัน ตัวเรื่องมีเพียงแค่ผิวๆ แทรกแบบน้อยมาก โดยนางเอกคือเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัย แสดงโดย ชินฮยอนบิน มีบทแบบกระโดดๆ จากตอนแรกสมัยเรียนนิดหน่อย โดยเธอเป็นคนในตระกูลอัยการ จึงอยากเดินตามรอยนี้แล้วก็ถูกพระเอกท้าทายหลาอย่าง เขม่นกันจนกลายเป็นผูกพัน แต่ตัวเรื่องแสดงตรงนี้ให้เห็นแค่ผิวๆ บทของเธอจึงเป็นแค่น้ำจิ้มของเรื่องโดยมีส่วนสำคัญก็คือเป็นอัยการที่จะมาสืบคดีที่เกี่ยวข้องกับตระกูลซูนยังบ่อยๆ รวมถึงตัวพระเอก เป็นเหมือนโลกที่แตกต่างกันเพราะเอกจะดำเนินแผนการแบบเทาๆ ในบางครั้งซึ่งขัดกับอุดมการณ์ของเธอจนทำให้เป็นความรักที่ยากจะลงเอยกันได้ มากกว่าจะเป็นแนวรักโรแมนติก ซึ่งมีฉากโรแมนติกเต็มๆ น้อยมากไม่เกิน 2-3 ฉาก ฉากจูบมีครั้งเดียวด้วย ซึ่งใครที่หวังเลิฟไลน์สไตล์เกาหลีนี่ไม่ต้องหวังเลย และตัวละครนางเอกก็แนวอัยการทำงานโทรมๆ จนดูไม่สวยอะไรมากด้วย
จุดที่ตัวเรื่องทำได้ดีอีกอย่างคือการสะท้อนปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคมที่สูงลิ่วของเกาหลี โดยตามชื่อเรื่องคือพระเอกที่เกิดใหม่ในตระกูลโคตรรวยแชโบลกับพระเอกร่างเดิมก็ยังใช้ชีวิตอยู่ในโลกเดียวกัน กลายเป็นภาพความแตกต่างที่สะท้อนให้เห็นว่าไม่ว่าจะพยายามแค่ไหน คนจนในเกาหลีก็ยากที่จะขึ้นมาในระดับนี้ได้เพราะแชโบลมีทั้งอำนาจเงินเส้นสายทางธุรกิจ การเมือง ที่แชร์ความร่ำรวยช่วยกันปกป้องพวกเดียวกันเองไว้ ซึ่งแม้ตัวพระเอกในร่างใหม่จะพยายามกลับไปช่วยครอบครัว แต่เรื่องก็บีบคั้นให้เห็นว่าไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความจริงตรงนี้ได้อยู่ดี จุดจบของแม่พระเอกที่เกิดจากความโลภของนายทุนก็ยังวนกลับมาทำร้ายเขาซ้ำอีกครั้ง ซึ่งน่าจะทำให้ผู้ชมเกาหลีอินกับตรงนี้มากขึ้นจากการที่ตัวเรื่องเอาความจริงมาเล่นร่วมกับประวัติศาสตร์ช่วงเวลาลำบากที่คนเกาหลีต้องเผชิญ ในขณะที่กลุ่มทุนใหญ่ของประเทศแทบไม่ได้รู้สึกอะไร ยังพยายามแสวงหาความร่ำรวยจากทุกข์ของชนชั้นล่างลงไปอยู่ดี
จุดด้อยของ Reborn Rich (ไม่สปอยล์)
จุดด้อยของเรื่องนี้เอาจริงๆ คือทั้งเรื่องมีแค่ประปรายแบบแผนการของพระเอกมันเกิดจากการล่วงรู้อนาคต ก็เลยไม่ได้เป็นตัวละครที่ใช้ฝีมือทางธุรกิจมากแบบเรื่องแนวนี้โดยตรง (อย่างอีเทวอนคลาสก็เข้มกว่ามาก) ตัวบทฏ็นำประวัติศาสตร์มาใช้แบบผิวๆ แค่ประกอบ ไม่ได้มีเชิงลึกจริงจังแบบคนเขียนทำการบ้านอะไรมามากด้วย แต่รวมๆ พวกนี้ก็ไม่ได้ถือว่าซีเรียสอะไรมาก ไปมีปัญหาจริงๆ ก็คือช่วงหลังตอน 11 ไปตัวเรื่องวนเวียนอยู่กับการแก่งแย่งชิงหุ้นในบริษัท เป็นแนวสืบสวนมีแผนฆาตกรรมงอกเพิ่มมา ซึ่งช่วงนี้จะเริ่มวนเวียนแบบไม่ไปไหนสักทีกับเรื่องพวกนี้เยอะ ไม่สนุกเท่าช่วงลุยธุรกิจแบบครึ่งแรก แต่ก็ยังถือว่าพอได้ไม่ออกทะเลหรือดรอปมาก จนมาถึงตอนสุดท้ายของเรื่องที่หลายอย่างเหมือนแถให้จบลงไวๆ เหตุผลหลายอย่างในตอนสุดท้ายไม่ได้เลย ไม่เมคเซนส์ใดๆ ทั้งสิ้น แล้วก็รวบรัดบีบอัดเรื่องให้จบไวๆ ไปเลย โดยที่ขาดเหตุผลอธิบายจุดสำคัญหลายอย่างของเรื่องให้เคลียร์ เรียกว่ามีคำถามตามมาหลังดูจบมากมาย แต่ก็รู้ว่าเรื่องไม่มีคำตอบให้ลงตัวอย่างที่หวังไว้ตอนแรก กลายเป็นตอนจบที่ไม่สุดไม่เคลียร์ในที่สุด
สรุปเป็นซีรีส์ที่ดีมากเรื่องหนึ่ง สนุกในระดับสมกับเรตติ้งที่สูง แต่แค่มีปัญหากับตอนจบสุดท้ายหลายอย่าง จนทำให้ไม่สุดแบบน่าเสียดาย แต่ถ้าใครที่ไม่คาดหวังตอนจบที่สมบูรณ์ก็สามารถสนุกกับเรื่องราวการต่อสู้ทางธุรกิจผ่านประวัติศาสตร์จริงแทรกมาด้วย รวมถึงดราม่าสะเทือนอารมณ์ระหว่างปู่กับหลานที่ถือว่าเป็นส่วนน่าติดตามที่สุดของเรื่องนี้แล้วครับ
ติดตามรีวิวหนัง Netflix เรื่องอื่นคลิกที่นี่