รีวิว Record of Youth ซีรีส์ตะกายสู่ฝันของคนรุ่นใหม่ที่เต็มไปด้วยอุปสรรคจากความต่างของ Gen ( อัพเดทจบ)
Record of Youth
สรุป
Record of Youth เส้นทางดาว มีปมดราม่าการพยายามไล่ตามฝันของคนรุ่นใหม่ที่มีรายละเอียดมากมายเหมือนจริง จากทั้งเรื่องในวงการนายแบบและวงการบันเทิง รวมถึงปัญหาความไม่ลงรอยกันของคน Gen เก่ากับใหม่ แต่เรื่องจะเน้นบทสนทนาที่เยอะมาก เรื่องราวเลยไม่ค่อยไปไหน วนเวียนอยู่กับดราม่าชีวิตความรักของพระเอกกับครอบครัว ซึ่งก็ดูน้ำเน่าและก็ออกแนวเยิ่นเย้อจนน่าเบื่อ เรื่องนี้เลยกลายเป็นเน้นแค่จุดขายความหล่อเท่ใสๆ ของพัคโบกอมโดยตรงกับอาชีพดาราที่ดูเหมือนเล่นเป็นตัวเองเลยก็ว่าได้ และก็เป็นคนแบกทั้งเรื่องไว้ ในขณะที่นางเอกบทดูพยายามให้เป็นความคิดของคนรุ่นใหม่ แต่หลายอย่างที่แสดงออกมาขัดๆ ออกแนวเข้าใจยาก มีความย้อนแย้งในตัวเองสูง และก็ไม่ได้สวยน่ารักพอที่จะให้รู้สึกน่าติดตามอะไรนัก แต่เรื่องก็ใช้เธอป็นเหมือนตัวแทนให้กับคนดูที่เป็นติ่งดาราโดยตรง ซึ่งคนที่ชื่นชอบดาราเกาหลีโดยตรงก็คงฟินกับฉากโรแมนติกในแบบนางเอกเป็นตัวแทนตัวเองแบบนี้
Overall
5/10User Review
( votes)Pros
- ตีแผ่ปัญหาของวงการนายแบบและวงการบันเทิงเชิงลึก
- การเล่าเรื่องราวความฝันของคนรุ่นใหม่ที่เลือกเส้นทางชีวิตในแบบไม่มั่นคง แต่ได้ทำสิ่งที่ชอบ
- ผลงานก่อนเข้ารับใช้ชาติของ Park Bo-Gum ที่เหมือนกับในเรื่อง
- ปมปัญหาครอบครัวไม่สนับสนุนความฝันของเด็กรุ่นใหม่
- เรื่องราวของคนสูงวัยในโลกยุคปัจจุบัน
Cons
- บทสนทนาที่เยอะมากจนเกินไปของทุกตัวละคร
- นางเอกไม่ได้สวยแบบพิมพ์นิยมเกาหลี
- บทของนางเอกดูพยายามให้เข้าใจยากจนมีแต่ความย้อนแย้งไม่เป็นธรรมชาติ
- เรื่องราวดูเรียบๆ เดาง่ายไม่มีจุดพีคหรือเซอร์ไพรส์อะไรจนจบ
- พล็อตรักสามเส้าที่ไม่ได้แปลกใหม่ ออกแนวน้ำเน่ามาก
- ฉายรีเพลย์ลำดับเรื่องซ้ำในตอนต่อไปบ่อยจนเรื่องไม่ค่อยไปไหน
- ตัวละครสมทบเยอะ แต่เรื่องราวไมไ่ด้มีความสำคัญกับเส้นเรื่องหลัก
- บทสรุปที่ค้างๆ คาๆ ของทุกตัวละคร
Record of Youth เส้นทางดาว ซีรีส์เกาหลีที่หยิบจับเอาเรื่องความฝันของหนุ่มสาวมาบอกเล่าให้เห็นถึงความยากลำบากในการก้าวสู่ฝันในวงการบันเทิง
ตัวอย่าง Record of Youth เส้นทางดาว
ซีรีส์ที่มีธีมของเรื่องนำเสนอความฝันของหนุ่มสาวช่วงเริ่มต้นวันทำงาน (อายุ 20) ในการก้าวสู่เส้นทางอาชีพในฝันวงการบันเทิง ซึ่งมีอุปสรรคนานานับประการที่ต้องฝ่าฟันไปให้ได้ โดยอุปสรรคสำคัญที่สุดคึอ ปัญหาครอบครัวที่ไม่พร้อมสนับสนุนความฝันที่ถูกมองว่าเลื่อนลอยอยู่ไกลจากความเป็นจริงที่เอื้อมถึงได้
เรื่องราวเริ่มต้นที่พระเอก Sa Hye-Jun (รับบทโดย Park Bo-Gum) หนุ่มวัย 20 ปีที่เป็นนายแบบท็อปโมเดลมานาน 7 ปี แต่เขาอยากก้าวเข้าไปสู่วงการบันเทิงเป็นนักแสดง ซึ่งเขาพยายามไปออดิชั่นตลอด แต่กลับไม่ได้รับการตอบรับกลับมาเลย ผิดกับเพื่อน Won Hae-Hyo (รับบทโดย Byeon Woo-seok) ที่เข้าวงการพร้อมกันและได้ทุกอย่างที่ต้องการ อีกทั้งปัญหาครอบครัวที่ไม่สนับสนุนยิ่งทำให้เขาตกที่นั่งลำบากในเส้นทางสู่ฝันที่เลือนรางมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงช่วงเวลาที่ต้องเข้ากรมไปเป็นทหาร ซึ่งกลายเป็นจุดสิ้นสุดความฝันก้าวเข้าสู่โลกความเป็นจริงของเขา แต่ในช่วงเวลานี้เองเขากลับได้พบกับหญิงสาววัยเดียวกัน An Jeong-Ha (รับบทโดย Park so-dam ที่เล่นหนังเรื่อง Parasite) ที่ยึดอาชีพช่างแต่งหน้า และแอบเป็นติ่งแฟนคลับติดตามเขามานานตั้งแต่เริ่มเข้าวงการโดยไม่บอก และนี่เป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตของทั้งคู่ในเวลาต่อมา…
นี่เป็นซีรีส์ที่พยายามบอกเล่าเรื่องราวของคนรุ่นใหม่ที่ก้าวเข้ามาสู่เส้นทางการทำงานของจริง ซึ่งแม้เรื่องจะเริ่มจากที่ตัวเอกทั้ง 2 คนเป็นนายแบบอยู่แล้ว แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาต้องการ และวงการบันเทิงคือความฝันที่ต้องก้าวเข้าไปให้ได้ ตัวเรื่องเอาวงการนายแบบมาชำแหละในหลายแง่มุม ทั้งการดันเด็กด้วยความชอบรักใคร่ส่วนตัว ปัญหาสัญญาจ้างงานและการเอาเปรียบของต้นสังกัด รวมถึงการที่วงการนายแบบของเกาหลีไม่ได้เป็นอาชีพที่ทำเงินหรือมั่นคงในชีวิตแบบที่คนภายนอกคิด
ตัวเรื่องพุ่งเป้าไปที่การเปลี่ยนเส้นทางชีวิตจากนายมาเป็นดาราของพระเอก ซึ่งปัญหาอุปสรรคใหญ่คือการไม่มีเส้นสายในวงการ และมองข้ามความสามารถทางการแสดง แต่เลือกเอาจากปัจจัยภายนอกอย่างจำนวนคนติดตามโซเชียลมีเดียแทน ในรายละเอียดของอุปสรรคเหล่านี้ตัวเรื่องใส่มาค่อนข้างดี ส่วนหนึ่งก็คงเพราะเป็นการเอาเรื่องจริงมาตีแผ่ให้ผู้ชมได้เห็นกันว่าไม่ใช่แค่หล่อเป็นนายแบบแล้วจะเป็นดาราได้อย่างที่คิด ชีวิตจริงมีเรื่องที่ต้องซิกแซกมากกว่าที่เห็น และการที่เป็นคนมีนิสัยตรงๆ ไม่ยอมเลี้ยวหรือซิกแซกหาทางนอกระบบของพระเอก (ในเรื่องมีฉากที่ดีไซน์เนอร์ที่ถูกใจพระเอกยื่นข้อเสนอดันเข้าสู่วงการให้ แต่พระเอกก็ไม่รับ) ก็เลยทำให้ความฝันในวงการนี้ยิ่งเป็นไปไม่ได้เข้าไปอีก
เรื่องใส่อุปสรรคในแวดวงบันเทิงแล้วก็ยังสร้างปมปัญหาครอบครัวไม่สนับสนุนให้หนักหนาสาหัสเข้าไปอีก ด้วยการให้พ่อกับพี่ชายมีอคติกับความฝันของพระเอก แม้แม่จะไม่ว่าและแอบเข้าข้าง แต่ปู่ที่สนิทกับพระเอกดันเคยมีฝันในแบบเดียวกัน และก็ถูกหลอกจนสร้างหนี้ให้ลูกชาย (พ่อของพระเอก) ต้องมาใช้หนี้แทนตั้งแต่เด็กจนร่างกายในวัย 60 เริ่มทรุดมีปัญหาสุขภาพ และก็ไม่ยอมให้อภัยที่พ่อกลายมาเป็นคนไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตในบั้นปลาย และต้องใช้ชีวิตเงียบๆ ไม่ให้เป็นภาระกับลูกหลานก็พอ ส่วนของปัญหาครอบครัวนี้ที่จริงก็อิงมาจากเรื่องจริงในปัจจุบันอยู่แล้ว ที่คนรุ่นเก่ามักไม่เข้าใจความฝันของคนรุ่นใหม่กับงานที่ต่างออกไปจากรุ่นพ่อแม่ จนทำให้เกิดช่องว่างระหว่างวัยกระทบกระทั่งกัน ซึ่งเรื่องนี้ก็ผูกปมจุดชนวนให้ความขัดแย้งนี่พุ่งเป้าไปที่ความฝันของพระเอกโดยตรง
ตัวเรื่องสร้างพระเอกให้มีอุปสรรคมากแทบทุกอย่าง และก็สร้างให้บทของเพื่อนพระเอกมีชีวิตที่ตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง เกิดมาในตระกูลร่ำรวยมีอันจะกิน แม่ซัพพอร์ทส่งเสริมให้เป็นดารา งานวิ่งเข้าหาอยากได้อะไรก็ดูสำเร็จง่ายไปหมด แต่ตัวเขาเองกลับพยายามอย่างหนักให้พ้นจากเส้นสายทุกอย่าง ให้ได้มาด้วยความสามารถของตัวเอง แต่เขากลับไม่รู้ตัวว่าแม่เป็นคนกรุยทางใช้เส้นสายให้เขาอย่างลับๆ ตลอดมา และก็กลายเป็นปมชนวนเหตุที่ทำให้เพื่อนไม่ได้รับโอกาสเข้ามาเป็นนักแสดงอย่างไม่คาดคิด
ในส่วนของนางเอกบทค่อนข้างแปลก โดยให้เธอเป็นคนหาเลี้ยงตัวเองจากอาชีพแต่งหน้า และมีนิสัยแปลกแตกต่างในการใช้ชีวิตเป็นของตัวเองไม่เหมือนผู้หญิงทั่วไป คาแรกเตอร์เป็นคนรุ่นใหม่ มีเรื่องราวการกดขี่จากรุ่นพี่ในที่ทำงานที่เป็นคนรุ่นเก่า แต่เรื่องก็ไม่ได้ทำให้เธอดูน่าสงสารอะไรมาก เพราะเธอก็ตอบโต้กลับแรงๆ ในแบบมุมมองความคิดและภาษาที่คนรุ่นใหม่ใช้เหมือนกัน
ในอีกด้านหนึ่งเธอก็เป็นติ่งของพระเอกอยู่อย่างลับๆ ก่อนที่จะมาพบกันในช่วงที่เส้นทางความฝันของพระเอกกำลังดับลง ซึ่งกลายเป็นความรักของทั้งคู่ในแบบคนมีฝันรุ่นใหม่มาเจอกัน ที่มักเลือกใช้ชีวิตแตกต่างจากคนรุ่นก่อนด้วยการทำสิ่งที่อยากทำ มากกว่าชีวิตตามรอยแบบแผนเดิมๆ ของคนรุ่นก่อน แม้จะถูกมองว่าไม่มั่นคงก็ตาม ก่อนที่นางเอกจะกลายมาเป็นช่างแต่งหน้าให้กับพระเอกในเวลาต่อมา
ฉากโรแมนติกของเรื่องนี้
เรื่องราวความรักในเรื่องนี้เป็นไปแบบตาม Gen คนรุ่นใหม่ ตัวนางเอกแม้เป็นติ่งพระเอก แต่ก็ถูกให้บทจำกัดความรู้สึกตัวเองไว้แค่เป็นติ่ง เป็นความรักในจินตนาการ แม้จะได้ใกล้ชิดสนิทกับพระเอกแต่ก็ต้องปิดกั้นความรู้สึกรักไว้ ซึ่งอาจจะดูแปลกสักหน่อยกับการกระทำหลายๆ อย่างของนางเอกในเรื่องนี้ แต่เรื่องก็ให้เธอเป็นเหมือนมุมของคนที่รักศิลปินพร้อมสนับสนุนให้กำลังใจเพื่อให้ตัวพระเอกก้าวไปยังฝันให้ได้ ซึ่งหลัง EP2 ขึ้นไป ตัวเรื่องเทบทให้กับฉากพบเจอกันของทั้งคู่ๆ เต็มที่ เป็นเหมือนจินตนาการให้กับผู้ชมที่เป็นติ่งพัคโบกอมได้ฟินจิ้นแทนตัวเองเป็นนางเอกในเรื่องไปในตัว ซึ่ง Park So dam ที่เล่นเป็นนางเอกของเรื่องอาจจะไม่ได้สวยแบบนางเอกเกาหลีปกติ แต่ก็แคสมาเพื่อให้เหมาะกับบท และดูเป็นคนธรรมดาได้ดี
ตัวเรื่องยังมีความรักของคู่รองคือเพื่อนของพระเอกตัวหลักทั้งคู่ ที่แอบคบกับน้องสาวของ Won Hae-Hyo ซึ่งมีความต่างของฐานะและอะไรหลายๆ อย่างมาเป็นประเด็นทำให้พวกเขายังไม่กล้าเปิดตัว
เรื่องราวที่เต็มไปดราม่าและบทสนทนาเยอะมาก
แม้เรื่องจะใส่ปมปัญหาชีวิตที่ดูจริงจัง มีที่มาที่ไปละเอียดสมเหตุผล และยังเล่าเรื่องทันสมัยสอดคล้องไปกับความเป็นจริงของยุคสมัยนี้ แต่ตัวเรื่องก็ดูเยอะเกินไปกับหลายๆ อย่างที่พยายามอัดเข้ามา ทั้งปมดราม่าที่ใส่มาต่อเนื่องแทบไม่เว้นช่วงเวลาผ่อนคลายให้ผู้ชมเลย จนอารมณ์ของเรื่องดูหนักเครียดไม่มีมุมความสนุกบันเทิงกลับมาสักเท่าไหร่ ในช่วง 2 EP แรก ก่อนที่ EP 3-4 ตัวเรื่องถึงเริ่มผ่อนคลายด้วยช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของพระเอกที่กำลังจะตัดสินใจเข้ากรมดีหรือกลับมามุ่งหน้าหางานนักแสดงอีกครั้ง ซึ่งก็ทำให้เรื่องดูสนุกขึ้น และก็เริ่มเข้าสู่เรื่องการทำงานเป็นดาราของพระเอกในบทเล็กๆ แต่ช่วยทำให้เขามั่นใจไปกับการก้าวเดินในเส้นทางนี้
ตัวเรื่องยังเต็มไปด้วยบทสนทนาเยอะแยะมากมาย เต็มไปด้วยบทพูดของตัวละครที่ทั้งพูดกับตัวเอง เสียงในใจ กับการสนทนาตอบโต้กันไปมา อย่าง นางเอกพูดกับตัวเองอยู่บ่อยๆ ก่อนทำอะไรขึ้นโซเชียลมีเดีย หรือบทสนทนาของแม่พระเอกกับนายจ้างที่มีเสียงในใจของแม่พระเอกที่คิดอีกแบบกับนายจ้างอยู่ตลอดเวลา ซึ่งความเยอะมากของเรื่องนี้อาจจะทำให้ผู้ชมที่ไม่ได้ชอบแนวนี้เบื่อๆ ได้เหมือนกัน
การแสดงที่เน้นหล่อตลอดเวลาของตัวเอก
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะบทให้สองตัวเอกของเรื่องเป็นนายแบบหรือเปล่า การแสดงของทั้งคู่ก็เลยเหมือนพยายามเก๊กหล่อกันอยู่ตลอดเวลาจนเกินพอดี และบุคลิกของตัวพระเอกเองก็ขัดๆ กับการไม่ยอมใคร โดยใช้หน้านิ่งๆ เป็นการแก้ปัญหาแบบไม่พูด โดยไม่สนใจว่าจะตัดทางความฝันในเรื่องไปแบบไม่ลังเล และไม่มีขยายความให้คนดูเข้าใจลึกๆ ซึ่งโอเคถ้าไม่คิดมากก็มองข้ามไปได้ ตัวเรื่องทำมาขายพัคโบกอมโดยตรงในบทที่ก็เหมือนเป็นตัวเองอยู่แล้ว
เรื่องของคนสูงอายุในยุคสมัยใหม่
ตัวเรื่องนอกจากมุมของคนรุ่นใหม่แล้ว ยังมีการนำเสนอมุมของรุ่นพ่อที่สร้างครอบครัวมาด้วยอาชีพช่างไม้ ก่อสร้าง และก็มองว่างานที่เลี้ยงตัวเองได้ควรจะเป็นแบบที่ใช้แรงงาน ซึ่งกลายเป็นความขัดแย้งกับลูกชายคนเล็กตลอดเวลา เมื่อมีตัวเปรียบเทียบกับพี่ชายคนโตที่จบมาทำงานสายการเงินในบริษัท ที่ดูแล้วได้ดีกว่า มีเงินแน่นอนมากกว่าการไล่ตามความฝันแบบของพระเอก
ในเรื่องยังมีเรื่องของผู้สูงอายุมากกว่าพ่อของพระเอก ซึ่งมีส่วนสำคัญในเรื่องมากในบทคุณปู่ที่เข้าใจสนับสนุนหลานทุกอย่าง ซึ่งคุณปู่เล่นคู่กับพระเอกได้ดีมาก และทำออกมาได้น่าสนใจในมุมผู้สูงอายุที่ต้องคอยทำตัวไม่ให้เป็นภาระปัญหากับคนในบ้าน แต่กลับขัดแย้งพลั้งเผลอพูดอะไรไม่เข้าหูลูกชายคนเดียวมาตลอด และก็ตามไม่ทันกับศัพท์ใหม่ๆ ของคนรุ่นหลานวัยรุ่นในปัจจุบัน ซึ่งก็ดูถอดมาจากเรื่องจริงของผู้สูงอายุที่ต้องอาศัยอยู่กับครอบครัวลูกหลานในปัจจุบันตรงๆ เลย
ตัวคุณปู่เองยังมีบทให้ต้องเข้ามาแวดวงนายแบบอวุโส ซึ่งเป็นเรื่องราวของคนรุ่นเก่าก่อนยุคเบบี้บูมไปอีก ซึ่งในปัจจุบันถูกมองว่าไร้ประสิทธิภาพในการทำงาน และการพัฒนาเพื่อตามโลกยุคใหม่ ในเรื่องจะเผยให้เห็นมุมของโลกยุคใหม่ที่ยังมีพื้นที่ให้กับคนรุ่นนี้เช่นกัน
พล็อตรักสามเส้าแบบเดิมๆ
สำหรับเรื่องนี้แทบไม่ต้องลุ้นเรื่องความรักของพระเอกนางเอก เพราะเรื่องปูแบบนอนมาแต่แรกว่านางเอกเป็นติ่งพระเอกมานานตั้งแต่เริ่มเข้าวงการ และก็เป็นติ่งแบบตัวจริงที่พร้อมจะอยู่สงบๆ สนับสนุนพระเอกเท่านั้น แต่เรื่องก็ไม่ได้รีรออะไร แค่ EP6 ก็ตัดบทให้สารภาพรักกันแล้ว ซึ่งก็ดูไวไปมากสำหรับซีรีส์แนวนี้ แต่เรื่องคงน่าจะต้องการเข้าเรื่องไวเพื่อให้มีปมสามเส้ากับเพื่อนพระเอกที่หลงรักนางเอกเหมือนกัน และการที่ต้องเลือกมิตรภาพกับความรักครั้งนี้อาจจะจบไม่สวย เป็นชนวนแตกหักในเวลาต่อมา แต่บทก็ไม่ได้เทไปทางพระรองอะไรเลย แถมยังจืดจางจนไม่มีความรู้สึกว่าจะสร้างเรื่องรักสามเส้าเข้ามาในเรื่องนี้ทำไม
เจาะปัญหารอบด้านในชีวิตของดารา
หลังมาถึงครึ่งเรื่องพระเอกก็ก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดของอาชีพแบบง่ายๆ ซึ่งบทค่อนข้างกระโดดให้พระเอกประสบความสำเร็จไปเลย เพื่อที่จะลงรายละเอียดถึงปัญหาต่างๆ ที่จะตามมารอบด้านกว่าเดิม อย่าง การต้องปกปิดว่ามีแฟน ครอบครัวก็ถูกคนรู้จักถามกดดันให้พระเอกช่วยเหลือครอบครัว เพราะคิดว่าเป็นดาราต้องรวย เลี้ยงพ่อแม่ได้ ซึ่งมันขัดกับความต้องการของพ่อแม่เองที่ไม่ได้อยากขอเงินลุก ทั้งๆ ที่มีการงานทำอยู่ ที่หนักก็คือการขุดคุ้ยอดีตมาเต้าข่าวโจมตีมากมาย อย่างกรณีว่าพระเอกเป็นเกย์เพราะผ่านงานเดินแบบกับดีไซเนอร์เกย์มาก่อน หรือแม้แต่พวกคอมเมนต์แย่ๆ ดารามีหนทางรับมือจัดการกับพวกนี้แบบไหน ซึ่งตัวเรื่องช่วงหลังพระเอกจะเต็มไปด้วยปัญหาจากากรเป็นดาราดังแทนช่วงแรกที่เป็นปัญหาจากครอบครัว ซึ่งก็สนุกดีตรงที่เราจะได้เห็นเบื้องหลังวงการต่างๆ ที่จ้องหากินกับชื่อเสียงของดาราดัง ซึ่งใครที่เป็นติ่งดาราก็คงเข้าใจเห็นใจกับชีวิตเบื้องหลังดาราที่ลำบากหลายอย่างเพิ่มขึ้นไปอีก
สรุป
Record of Youth เส้นทางดาว มีปมดราม่าการพยายามไล่ตามฝันของคนรุ่นใหม่ที่มีรายละเอียดมากมายเหมือนจริง จากทั้งเรื่องในวงการนายแบบและวงการบันเทิง รวมถึงปัญหาความไม่ลงรอยกันของคน Gen เก่ากับใหม่ แต่เรื่องจะเน้นบทสนทนาที่เยอะมาก เรื่องราวเลยไม่ค่อยไปไหน วนเวียนอยู่กับดราม่าชีวิตความรักของพระเอกกับครอบครัว ซึ่งก็ดูน้ำเน่าและก็ออกแนวเยิ่นเย้อจนน่าเบื่อ เรื่องนี้เลยกลายเป็นเน้นแค่จุดขายความหล่อเท่ใสๆ ของพัคโบกอมโดยตรงกับอาชีพดาราที่ดูเหมือนเล่นเป็นตัวเองเลยก็ว่าได้ และก็เป็นคนแบกทั้งเรื่องไว้ ในขณะที่นางเอกบทดูพยายามให้เป็นความคิดของคนรุ่นใหม่ แต่หลายอย่างที่แสดงออกมาขัดๆ ออกแนวเข้าใจยากจนเกินไป และก็ไม่ได้สวยน่ารักพอที่จะให้รู้สึกน่าติดตาม แต่เรื่องก็ใช้เธอป็นเหมือนตัวแทนให้กับคนดูที่เป็นติ่งดาราโดยตรง ซึ่งคนที่ชื่นชอบดาราเกาหลีโดยตรงก็คงฟินกับฉากโรแมนติกในแบบนางเอกเป็นตัวแทนตัวเองแบบนี้