รีวิว Blasted หนังไซไฟทุนต่ำที่สร้างออกมาแบบมักง่ายสุดๆ จาก Netflix
Blasted
Summary
หนังเกรด C โลวคลาสมากๆ ด้วยพล็อตห่วยๆ ตัวเรื่องไม่สมเหตุผล พยายามจะตลก แต่ออกแนวงี่เง่าปัญญาอ่อนมากกว่า ข้ามได้ข้ามเลย นี่เป็นหนัง Netflix ที่ยิ่งกว่าห่วย แต่ถ้าคุณจะดูแค่ฆ่าเวลาก็เปิดได้เพราะมีพากย์ไทยมาให้พร้อมครับ
Overall
2/10User Review
( vote)Pros
- พล็อตแนวไซไฟตลกกับเลเซอร์เกมปราบเอเลี่ยน
- มีพากย์ไทย
Cons
- เนื้อเรื่องออกแนวมักง่ายไร้เหตุผลรองรับ
- แนวตลกแต่ไม่มีอะไรให้ตลกเลย
- ออกแบบเอเลี่ยนได้ทุนต่ำมากๆ แค่ตาเรืองแสง
- ยัดดราม่าเพื่อนฝูงมาเยอะแยะ
Blasted หนัง Netflix จากนอร์เวย์ แนวไซไฟคอมเมดี้ ที่สองหนุ่มแก๊งปืนเลเซอร์เพนท์บอลไปพบเจอเอเลี่ยนที่เล่าลือกันในป่า ก่อนจะบุกตะลุยดงเอเลี่ยนด้วยปืนเลเซอร์เกม
อีกหนึ่งหนังเกรดบีทุนต่ำสุดๆ ของ Netflix ที่ยังขยันทำออกมาต่อเนื่อง ซึ่งในเกรดบีของโรงภาพยนตร์นี่อาจจะมีไอเดียดีๆ แหวกแนวแต่งบน้อยเลยทำออกมาตามสภาพที่จำกัด แต่กับเกรดบีของเน็ตฟลิกซ์นี่เหมือนตรงกันข้าม เป็นหนังที่ทำออกมาโดยไม่มีพล็อตเรื่องหรือไอเดียอะไรใหม่เลย แค่มีทุนมาให้ทำก็ทำส่งๆ ไป ทำให้ผลงานในเน็ตฟลิกซ์กลายเป็นหนังคุณภาพต่ำมากๆ จนจริงๆ น่าจะใช้คำว่าเกรด C ของเน็ตฟลิกซ์แทนน่าจะดีกว่า ซึ่งเรื่องนี้ก็อยู่ในจำพวกนี้แหละครับ
หนังวางมาเป็นแนวตลกก็จริง แต่เรื่องกลับไม่มีอะไรให้ขำเลยสักนิด ไม่มีเสียงหัวเราะออกมาได้แน่ๆ เพราะมันไม่มีอะไรให้ตลก นอกจากความปัญญาอ่อนของเรื่องตั้งแต่พล็อตสองคู่หูที่ชอบเล่นพวกเพนท์บอล เลเซอร์เกม แล้วกลับมาเจอกันอีกครั้งในงานสละโสดของเพื่อน แต่กลายมาเป็นต้องเจอเอเลี่ยนสิงคนในป่า ก็เลยใช้ปืนนี้แหละเป็นอาวุธที่ไล่ยิงแล้วดันได้ผล เอเลี่ยนดันแพ้เลเซอร์แบบไม่มีเหตุผลอะไรรองรับเลย ทั้งเรื่องเอเลี่ยนคือตัวโง่ๆ ที่เอฟเฟ็กต์ตรงนี้ก็ไม่ลงทุน แค่ทำตาเรืองแสงได้จบ นี่คือเอเลี่ยนแล้ว ทั้งเรื่องเต็มไปด้วยความมักง่ายทุนต่ำ ไร้ซึ่งความครีเอทใดๆ ทั้งสิ้น เส้นเรื่องไม่มีอไะรนอกจากเพื่อนในกลุ่มโดนจับไปเลยต้องบุกตะลุยไปยังรังเพื่อช่วยเพื่อนออกมา แอ็กชั่นในเรื่องก็เหมือนเล่นขายของ เอเลี่ยนเป็นคนวิ่งเข้าใส่ ขว้างของใส่ตัวเอกที่ใช้ปืนเลเซอร์ยิงเล่นเป็นขนมกรุบกรอบ ตอนท้ายลงทุนนิดนึงให้มีบอสสัตว์ประหลาดเหมือนแจ๊บบ้าของสตาร์วอร์ แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้เรื่องดีขึ้นเลย แถมยังพยายามทำภาคต่อในตอนจบทิ้งท้ายเอนด์เครดิตอีก
เท่านั้นยังไม่พอตัวเรื่องยังพยายามจะเล่นปมดราม่าในกลุ่มเพื่อนที่ห่างหายไปแล้วกลับมาพบกัน ทำให้หมางเมินหรือมีเรื่องติดใจมาแต่อดีต ซึ่งก็เล่ายืดยาวถึงตรงนี้ กว่าเรื่องจะไปเจอเอเลี่ยนก็ปาไปเกินครึ่งชั่วโมงแล้ว ระหว่างทางก็พยายามให้การผจญภัยนี้เป็นการสานสัมพันธ์กลับมาอีกครั้ง ซึ่งก็เป็นพล็อตเรื่องสูตรสำเร็จธรรมดาทั่วไปที่น่าเบื่อเอามากๆ
ข้ามได้ข้ามเลย นี่เป็นหนัง Netflix ที่ยิ่งกว่าห่วย แต่ถ้าคุณจะดูแค่ฆ่าเวลาก็เปิดได้เพราะมีพากย์ไทยมาให้พร้อมครับ