รีวิว The Decline คอร์สแบทเทิลรอยัล หาผู้รอดตายเมื่อโลกล่มสลาย
The Decline
สรุป
ถือเป็นหนัง Original Netflix แท้ๆ ฟอร์มเล็ก ที่ทำได้ดีกว่าหนังโรงหลายเรื่อง ธีมของเรื่องก็เข้ากับสถาณการณ์โรคระบาดในตอนนี้ได้ดี ความโหดสมจริงในเรื่องจัดมาเต็มที่ไม่มีปิดบัง (แต่มีไม่กี่ฉาก) เป็นหนังดูสนุกจบได้สั้นๆ ในเวลาไม่นาน อาจจะไม่ได้ดีที่สุด แต่ก็ไม่น่าจะผิดหวังอะไรเช่นกันครับ
Overall
7/10User Review
( votes)Pros
- ฉากโหดดิบแบบแบทเทิลรอยัล
- มียุทธวิธีการรบแบบทหารต่อสู้กัน
- ตัวเอกผู้หญิงเด่นกว่าผู้ชาย
- สภาพแวดล้อมธรรมชาติโหดร้ายที่ฆ่าคนได้
Cons
- หนังสั้นทำให้ตัดจบตัวละครแต่ละตัวไวไป
- ตัวละครไม่มีการปูปูมหลังให้ครบทุกคน
The Decline (เอาตัวรอด) หนัง Original Netflix ของแคนาดา เรื่องราวของกลุ่มคนที่เข้าร่วมคอร์สอบรมการเอาชีวิตรอดถ้าโลกล่มสลาย แต่กลับกลายเป็นฝันร้ายของทุกคน
ตัวอย่าง The Decline (เอาตัวรอด) Netflix
มีสปอยล์เนื้อหาบางส่วน แต่ไม่ใช่จุดหักมุมของเรื่อง
หนังทริลเลอร์ระทึกขวัญผสมแอ็กชั่นการเอาชีวิตรอดจากแคมป์ที่เปิดฝึกอบรมให้ผู้ที่สนใจในการเอาชีวิตรอดด้วยตัวเอง แต่แล้วเรื่องราวกลับพลิกผันเมื่อมีอุบัติเหตุทำให้คนตายเกิดขึ้น จนกลายเป็นชนวนเหตุให้ผิดใจกัน และเปลี่ยนคอร์สฝึกซ้อมให้กลายเป็นเกมล่าคนกับคน พร้อมการเอาชีวิตรอดให้ได้ของจริง
เป็นหนังที่เกือบเข้าธีมโลกหายนะจากโควิด 19 ตอนนี้อยู่เหมือนกัน เนื่องจากตัวละครที่มาร่วมเข้าคอร์สอบรมนี้ต่างเป็นพวกวิตกจริตกับเหตุการณ์หายนะของโลกที่อาจจะเกิดขึ้นมาได้ในแบบต่างๆ ตั้งแต่ภัยธรรมชาติ สงคราม โรคระบาด ซึ่งคอร์สในเรื่องมาจากยูทูบเบอร์คนดังที่สอนเรื่องการเอาชีวิตรอดด้วยตัวเองให้ได้ ทำให้พวกเขาเหล่านี้สนใจเข้าแคมป์ของจริงที่เจ้าของแชนแนลจัดขึ้น โดยเป็นพื้นที่ห่างไกลผู้คนที่มีทุกอย่างทั้งไฟฟ้า ประปา ที่พัก แบ่งโซนทำงานเหมือนหมู่บ้านเล็กๆ ที่พร้อมจะอยู่ได้ด้วยตนเองถ้าเกิดหายนะกับโลกขึ้น
หนังช่วงแรกเป็นช่วงฝึกซ้อมการใช้ชีวิตด้วยตัวเองของพวกเขาเหล่านี้ที่มีกัน 7 ชีวิต แต่ดูเหมือนทหารฝึกซ้อมรบซะมากกว่า เพราะมีกระทั่งการฝึกจู่โจมเป้าหมาย การฝึกทำกับดักระเบิดฆ่าคน ซึ่งคนดูเองคงค่อยๆ เอะใจว่ามันเกินกว่าการเอาชีวิตรอดธรรมดาแล้วแน่ๆ จนเรื่องราวผ่านไป 30 นาทีจุดพลิกผันของเรื่องจึงเริ่มขึ้น เมื่อมีอุบัติเหตุกับการฝึกซ้อมจนสมาชิกในแคมป์ตาย การโต้เถียงว่าจะเอายังไงดีกับเรื่องนี้จึงเกิดขึ้น เมื่อความเห็นไม่ลงรอยกันจึงกลายเป็นแบ่งฝักฝ่ายออกมาต่อสู้กันเอง ระหว่างทีมที่ต้องการปกปิดคดีที่เกิดขึ้นกับทีมที่ต้องการหนีออกไปแจ้งความให้ตำรวจมาช่วย ซึ่งเรื่องราวหลังจากนี้ไปถือว่าทำได้ระทึกได้ตลอดเวลาพอสมควร เพราะไม่ใช่แค่ถือปืนไล่ยิงกัน แต่มีกับดักในป่าที่พร้อมปลิดชีพคนได้ในทันที อีกทั้งต้องเอาตัวรอดจากสภาพแวดล้อมธรรมชาติที่โหดร้ายถึงตายได้เหมือนกัน
จุดเด่นของเรื่องคือความสมจริงแบบโหดๆ ในเรื่องแบบเดียวกับแนวหนัง “แบทเทิลรอยัล” ซึ่งเป็นการเอาชีวิตรอดของคนปกติที่ต้องมาเจอสภาพการบีบคั้นปลดปล่อยสัญชาตญาณดิบให้กลายเป็นฆาตกรกันได้ง่ายๆ หนังค่อยๆ เผยให้เห็นว่าคนดีๆ ในเวลาปกติ กลายมาเป็นคนโหดเหี้ยมได้ขนาดไหนในเวลาเพียงชั่วข้ามคืน แม้ตัวเรื่องอาจจะไม่ใช่แนวแอ็กชั่นโดยตรง แต่ก็มีหลายฉากที่เป็นการไล่ยิงกันในแบบยุทธวิถีการรบ มีการลอบเร้นกำบังกาย วางกับดักซุ่มยิง จนไปถึงฉากแอ็กชั่นซัดกันตัวๆ ลากยาวปิดท้ายเรื่องในบ้านพักที่ใช้สิ่งของรอบกายมาเป็นอาวุธ และตัดต่อออกมาได้ลุ้นระทึก มีตัดสลับหลอกคนดูนิดๆ เป็นฉากปิดเรื่องที่ทำออกมาได้โอเคเลย
หนังมีจุดหักมุมชวนช็อคนิดๆ แบบคาดไม่ถึงในระหว่างทางของเรื่อง แต่ก็สมเหตุผลและช่วยให้เรื่องราวไปต่อในแบบสนุกขึ้น แม้จะรู้สึกตะหงิดๆ กับการที่หนังเลือกเล่นแบบนี้
ช่วงหลังของเรื่องพระเอกที่เราเห็นตั้งแต่แรกกลับถูกยิงตายแบบไม่รู้ตัวจากการซุ่มยิง และก็ตายจริงแบบฉับพลันที่หัวโดนกระสุนระเบิดเละในทันที
จุดเสียของเรื่องคงเป็นความสั้นของหนังที่สั้นมากเพียง 73 นาทีไม่รวมเครดิต ทำให้เรื่องราวต้องรีบฆ่าตัวละครแต่ละคนไวไป แบบจู่ๆ ก็ตายงง หรือไม่ก็ตัดมาอีกทีตายแล้ว ทำให้คนดูไม่ทันจะได้อินหรือลุ้นระทึกได้มากพอ แต่ก็ยังดีที่หนังได้ความสมจริงโหดๆ ทั้งจากคนล่าคนและธรรมชาติในเรื่องมาทดแทนในจุดนี้ไป
ถือเป็นหนัง Original Netflix แท้ๆ ฟอร์มเล็กที่ทำได้ดีกว่าหนังโรงหลายเรื่อง ธีมของเรื่องก็เข้ากับสถาณการณ์โรคระบาดในตอนนี้ได้ดี ความโหดสมจริงในเรื่องจัดมาเต็มที่ไม่มีปิดบัง (แต่มีไม่กี่ฉาก) เป็นหนังดูสนุกจบได้สั้นๆ ในเวลาไม่นาน อาจจะไม่ได้ดีที่สุด แต่ก็ไม่น่าจะผิดหวังอะไรเช่นกันครับ