playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

Rim of the World ผ่าพิภพสุดขอบโลก หนังโคลนนิ่งสูตรสำเร็จของ Stranger Things ในคราบ ID4

สรุป

หนังดูโหดตอนแรก แต่เด็กลงๆ จนแทบจะคนละเรื่องกับตอนแรก แต่ก็ยังถือว่าดูได้เพลินๆ ฆ่าเวลาได้อยู่

Overall
6.5/10
6.5/10
Sending
User Review
0 (0 votes)
Comments Rating 0 (0 reviews)

Pros

  • มุกจิกกัดหนังเรื่องอื่นเยอะ
  • เด็กๆ ในเรื่องน่ารัก
  • เอเลี่ยนโหดเอาเรื่อง

Cons

  • หนังตอนแรกผิดกับตอนหลังมากไป
  • หนังขาดความสมเหตุผลมากไปหน่อย
  • CG ยานรบเอเลี่ยนดูลอยๆ

Rim of the World ผ่าพิภพสุดขอบโลก หลังๆ หนังแนวผจญภัยย้อนยุคด้วยตัวละครเด็กกำลังมาแรง ซึ่งเกิดมาจากความสำเร็จมหาศาลของซีรีส์ Stranger Things ของ Netflix เป็นตัวจุดประกาย และสร้างแนวทางสัญลักษณ์ต่างๆ ไว้ให้หนังผจญภัยวัยเด็กเรื่องต่อๆ มาได้ลอกเลียนไปใช้ อย่าง การรวมแก๊งปั่นจักรยานผจญภัย ความรักใสๆ ในวัยเด็ก แบบนี้เป็นต้น ซึ่ง Rim of the World ก็แทบจะโคลนนิ่ง Stranger Things มาทั้งดุ้นเลยทีเดียว

Rim of the Worldหนังเรื่องนี้เป็น Original Netflix ก็แน่นอนว่าออกทุนสร้างโดยเน็ตฟลิกซ์ ซึ่งดูแล้วเหมือนเน็ตฟลิกซ์ต้องการทดลองถอดสูตรสำเร็จ Stranger Things ของตัวเองจากซีรีส์มาเป็นหนัง โดยการเปลี่ยนเรื่องเล่าจากหนังเด็กผจญภัยในมิติสยองขวัญ กลายเป็นหนังแอ็กชั่นเอเลี่ยนบุกโลกแบบมินิ ID4 แทน ซึ่งก็ไม่เคยมีแนวนี้มาก่อนเหมือนกัน (เท่าที่ผู้เขียนนึกออกนะครับ) ดูจากเทรลเลอร์ก็น่าติดตามมาก เหมือนส่วนผสมแปลกใหม่ที่ลงตัว โดยตัวหนังเปิดเรื่องมาแนะนำตัวละครพอหอมปากหอมคอ ด้วยการที่เด็กตัวเอกทั้ง 4 คน จากคนละที่ นิสัยคนละแบบ มาเข้าค่ายฤดูร้อน ซึ่งทั้ง 4 คนก็เหมือนถอดสูตรคาแร็กเตอร์จาก Stranger Things มาเลย เริ่มที่ตัวเอกหลักต้องเนิร์ด รอบรู้เรื่องต่างๆ แต่ขาดการเข้าสังคมจริง (อเล็กซ์) ผู้หญิงคนเดียวของกลุ่มก็เป็นสาวกล้า บู๊ มั่นใจในตัวเอง ซึ่งในเรื่องนี้วางให้เป็นเด็กสาวชาวจีนชื่อ “เซินเซิน” มีตัวตลกประจำกลุ่มเป็นเด็กอ้วนผิวสีชื่อ “แดริอุส” และก็หนุ่มน้อยที่โตกว่าใครเพื่อนสักหน่อย นิสัยห้าวๆ ลุยๆ ชื่อ “เกเบรียล” โดยทั้ง 4 คนกลายเป็นกลุ่มเด็กที่มีกุญแจสำคัญ (ซึ่งเป็นกุญแจจริงๆ ด้วย) ที่จะช่วยให้พลิกชนะเอเลี่ยนที่มาบุกโลกได้

หนังเดินเรื่องด้วยการที่เอเลี่ยนบุกมาแบบไม่ต้องมีที่มาที่ไปจากนอกโลก แล้วก็บุกทั่วโลกพร้อมกัน ซึ่งดูแล้วไม่มีทางชนะได้เลยเพราะวิทยาการของเลี่ยนก็ล้ำกว่าโลกมาก (ตามสูตร) ซึ่งช่วงแรกหนังทำออกมาได้ระทึกน่าติดตามมาก เพราะเป็นฉากไล่ล่าของเอเลี่ยนกับเด็กทั้ง 4 ที่ความโหดของเอเลี่ยนก็ไม่ปราณีเลย มีฉากฆ่าคนสดๆ แม้จะไม่เห็นเลือดสาด แต่ก็สยองขวัญพอตัว แถมการไล่ล่านี้ยังต่อเนื่องไม่หยุด เนื่องจากเอเลี่ยนมีพลังการฟื้นคืนสภาพเซลล์ในร่างกาย แล้วก็ล็อคเป้าหมายหัวเด็กทั้ง 4 ตามล่าเหมือนหุ่นเหล็กเทอมิเนเตอร์ยังไงอย่างนั้นเลย (ผู้กำกับเรื่องนี้ทำคนเหล็กภาค Terminator Salvation มาก่อนด้วย) หนังช่วงแรกดูมีแอ็กชั่นไล่ล่าโหดๆ แต่สนุกน่าติดตามมาก แต่แล้วไม่รู้ทำอีท่าไหน พอเดินเรื่องไปเรื่อยๆ ความสนุก แอ็กชั่นลุ้นๆ แบบตอนแรก ก็ค่อยๆ ลดระดับลงจนกลายเป็นหนังเด็กสุดๆ ผิดฟีลตอนต้นไปเลย

นอกจากปัญหาเผชิญกับเอเลี่ยนแล้ว หนังยังพยายามยัดปมปัญหาส่วนตัวให้ทุกตัวละคร แล้วก็ใช้การผจญภัยแต่ละช่วง มีภารกิจให้แต่ละคนได้เป็นผู้กล้าเผชิญหน้าพร้อมกับแก้ไขปมส่วนตัวที่คั่งค้างไว้ ซึ่งดูก็เหมือนจะดี แต่ด้วยความที่เวลาในหนังสั้นมากแค่ 1 ชั่วโมง 39 นาที ทำให้การยัดปมมาแล้วพยายามเคลียร์ปมต่างๆ ดูลวกๆ ไปหมด แม้แต่การให้เด็กปิ๊งพบรักกันก็ดูง่ายดาย ไม่เข้ากับเหตุการณ์ที่กำลังชี้เป็นชี้ตายโลกมนุษย์เลย สุดท้ายก็ไม่อินแต่อย่างใดในสักเรื่องที่หนังพยายามใส่เข้ามา เชื่อว่าถ้าเรื่องนี้ไปขยายเป็นซีรีส์น่าจะทำได้ดีกว่านี้ และก็มีโอกาสเป็นซีรีส์คู่ขนาน Stranger Things อีกเรื่องเลยก็ได้

แม้การเดินเรื่องจะดูง่ายๆ ไม่เมคเซนส์มากมาย แต่สิ่งที่ทำให้เรื่องนี้ยังเป็นหนังที่ดูเพลินสนุกได้อยู่ก็คือ ความน่ารักของเด็กๆ แต่ละคนที่แสดงได้ดี มีความน่าเอ็นดู กวนๆ ครบเครื่อง รวมถึงการให้เด็กกลุ่มนี้ได้เล่นมุกตลกคำคมที่หยิบมาจากหนังเรื่องอื่นๆ แบบที่คนดูหนังมาเยอะๆ หน่อยน่าจะตามทัน อย่างมุกหมาตัวเดียวของจอนห์วิค มุกเอเลี่ยนวางไข่ในร่างคน มีแอบหยอดมาตลอดเรื่องดูขำเล็กๆ ดีครับ

Alien Rim of the Worldเอฟเฟ็กต์ในเรื่องแม้ดูหลอกๆ อย่างพวกยานต่างดาว แต่ก็ไม่ได้แย่อะไรมาก ส่วนตัวเอเลี่ยนที่ตั้งใจให้โหดทั้งแหวะ ก็ดูโอเคดีกว่าหนังเกรดบีทั่วไปเยอะ ให้ราวๆ B+ ละกันถ้าประเมิณ แต่ข้อเสียคือ ทั้งเรื่องมีแค่ตัวเดียว กับหมาเอเลี่ยน 2 ตัว ดูสเกลระดับ ID4 แต่มีเอเลี่ยนให้เห็นแค่กระจิ๊ดริด แถมไม่มีเหตุผลอธิบายอะไรไว้ในเรื่องเลยว่ามาบุกโลกทำไมด้วย (แต่ก็แอบมีมุกจิกกัดหนังเอเลี่ยนบุกโลกเรื่องอื่นไปด้วย)

รวมๆ แล้ว Rim of the World ก็ไม่ได้แย่ แต่ก็ไม่ดีมาก แต่ถ้าเด็กเล็กๆ ดูเลยน่าจะชอบพอตัว เพราะตรงกลุ่มเป้าหมายกว่าครับ หนังเหมาะกับดูฆ่าเวลาสั้นๆ เพราะหนังสั้นจริงๆ และก็ไม่ยืดเย้อเลย หนังไปไวเร่งให้จบแบบง่ายๆ ไม่ต้องมีหักมุมอะไรๆ ก็ชิลๆ ไปหมดครับ

ความเห็นจากเรา: SKIP IT 

Rim of the World ผ่าพิภพสุดขอบโลก เทรลเลอร์ซับไทย

ดูรีวิวหนังเน็ตฟลิกซ์เรื่องอื่นได้ที่นี่

Leave a comment
The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!