รีวิว RUSTIN (Netflix) หนังเผยขั้นตอนประวัติศาสตร์การชุมนุมครั้งใหญ่ของอเมริกาที่ดูสนุกเข้าใจง่าย
RUSTIN
Summary
โดยรวมเป็นหนังประวัติศาสตร์คนผิวสีในอเมริกาที่ดูสนุกย่อยง่าย และไม่ไกลตัวไปเพราะเป็นเรื่องการต่อต้านการถูกเลือกปฏิบัติ หนังทำให้เห็นขั้นตอนของการชุมนุมผลักดันกฎหมายที่ยิ่งใหญ่ของอเมริกาว่าต้องร่วมแรงร่วมใจกันขนาดไหนเพื่อให้ได้มา แม้ตอนนั้นจะเป็นประชาธิปไตยแล้วก็ตาม แต่ก็ยังมีการแบ่งแยกเลือกปฏิบัติอยู่ และมีเรื่องชีวิตของเกย์ผิวดำของรัสตินในยุคที่ยังผิดกฎหมายมาร่วมด้วย โดยเนื้อหาอาจจะน่าขมขื่นแต่ก็ไม่เครียดหรือมีฉากอะไรให้เห็นนอกจากจูบเท่านั้น แนะนำเลยว่าถ้าใครชอบแนวสิทธิเรียกร้องการเมืองควรดูเป็นอย่างยิ่งครับ
Overall
7/10User Review
( vote)Pros
- ชีวิตของนักเคลื่อนไหวผิวดำ บายาร์ด รัสติน
- ประวัติศาสตร์การชุมนุมเดินขบวนครั้งใหญ่ของอเมริกาในปี 1963
- เรื่องราวของเกย์ผิวดำในยุคที่ยังผิดกฎหมาย
- หนังดูสนุกไหลลื่นไม่เครียด
- มีพากย์ไทย
Cons
- เนื้อเรื่องไม่ได้เข้มข้นมากเท่าที่ควร
- มีบางเรื่องอาจจะไม่ตรงกับเรื่องจริงนัก
RUSTIN รัสติน Original Netflix หนังประวัติศาสตร์การชุมนุมเดินขบวนครั้งใหญ่ของอเมริกาที่ทำเนียบขาวในปี 1963 เพื่อผลักดันกฎหมายสิทธิพลเมืองเพื่อป้องกันการเลือกปฏิบัติเพราะ เชื้อชาติ สีผิว เพศ ศาสนา ชาติกำเนิด โดยมีผู้นำเป็นนักเคลื่อนไหวผิวดำ บายาร์ด รัสติน ที่เป็นเกย์!
รีวิว RUSTIN รัสติน
นี่เป็นหนัง Netflix ที่ส่งเข้าโรงภาพยนตร์แบบจำกัดเพื่อนำเข้าชิงรางวัลออสการ์ โดยเป็นหนังเบื้องหลังประวัติศาสตร์การชุมนุมเดินขบวนครั้งใหญ่ของอเมริกาที่ทำเนียบขาวในปี 1963 ที่มีผู้เข้าร่วมกว่า 250,000 คน โดยไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้นเลย ซึ่งหนังเรื่องนี้คือการเล่าขั้นตอนการชุมนุมนี้ว่ามีอุปสรรคมากมายอย่างไรตั้งแต่แรก ซึ่งเป็นกลุ่มสหภาพคนดำด้วยกันที่กลัวมีปัญหากับรัฐบาลในสมัยนั้น ยุคของ จอห์น เอฟ เคนเนดี้ ซึ่งแม้จะเป็นประธานาธิบดีที่ดี แต่กับกฎหมายนี้ไม่ได้เป็นเช่นนั้น จึงเกิดการใช้อำนาจจากข้างบนกดดันลงมาทุกวิธีที่ทำได้ อย่างการขุดคุ้ยประวัติด้านเสียของรัสติน ซึ่งเขาเป็นเกย์ในยุคที่ยังต้องปิดบังไว้เพราะผิดกฎหมาย หนังไล่ลำดับปัญหาและการต่อสู้ของรัสตินทั้งในเรื่องการทำชุมนุมอย่างเป็นระบบและเรื่องส่วนตัวของเขาที่กำลังมีความรักสามเส้าที่เสี่ยงเป็นอันตรายกับการชุมนุมที่เขาเป็นผู้นำ ซึ่งทั้งสองด้านนี้เฉลี่ยบทสอดคล้องกันได้ดี แล้วก็ไม่ได้ทำให้เรื่องเครียดหนักมาก แม้ประเด็นของเกย์ผิวดำจะดูขมขื่นกว่าปกติ แต่หนังวางตัวให้เป็นหนังที่ไม่เครียดมาก ดูง่าย และจบปมปัญหาต่างๆ ได้ไวจนไม่รู้สึกหดหู่อะไรมาก ซึ่งนี่เป็นข้อดีที่ทำให้ผู้ชมที่สนใจหนังประวัติศาสตร์สามารถสนุกไปกับเรื่องได้ แต่ก็อาจจะทำให้โทนเรื่องดูเบาบางลงด้วยเช่นกัน
นอกจากตัวรัสตินแล้ว หนังก็ยังมีตัวละครสำคัญในประวัติศาสตร์นี้คือ มาร์ติน ลูเธอร์ คิง กับประโยคอมตะ ในคำปราศรัย “I Have a Dream” หรือ “ข้าพเจ้ามีความฝัน” อันโด่งดัง ซึ่งหนังได้ทำให้เห็นความสัมพันธ์ของเขากับรัสตินที่มีปัญหากันมาก่อน และตั้งใจไม่พูดคุยกันจนกระทั่งรัสตินรู้ว่าต้องพึ่งเขาถึงจะทำให้การชุมนี้สำเร็จ หนังแสดงให้เห็นเรื่องราวความสัมพันธ์ของทั้งคู่ในแบบเพื่อนสนิท จนนำไปสู่การขึ้นปราศรัยในครั้งนี้ ซึ่งนักแสดงก็เล่นได้สมบทบาท
หนังยังมีตัวละครคนขาวที่สำคัญคือ รอย เขาเป็นคนทำงานให้รัสติน เหมือนเป็นเลขาส่วนตัวที่พักอาศัยอยู่ด้วยกันในฐานะเสมือนคนรัก จนกะทั่งรัสตินพบคนใหม่และนำเขาเข้ามาจนเป็นปัญหา ซึ่งรอยเองเป็นตัวละครผิวขาวคนเดียวในเรื่องที่มีบทบาทสำคัญกับรัสติน และก็แสดงให้เห็นถึงปัญหาการกดขี่ที่รวมไปถึงคนขาวที่เป็นเกย์อย่างเขาด้วยเช่นกัน
โดยรวมเป็นหนังประวัติศาสตร์คนผิวสีในอเมริกาที่ดูสนุกย่อยง่าย และไม่ไกลตัวไปเพราะเป็นเรื่องการต่อต้านการถูกเลือกปฏิบัติ หนังทำให้เห็นขั้นตอนของการชุมนุมผลักดันกฎหมายที่ยิ่งใหญ่ของอเมริกาว่าต้องร่วมแรงร่วมใจกันขนาดไหนเพื่อให้ได้มา แม้ตอนนั้นจะเป็นประชาธิปไตยแล้วก็ตาม แต่ก็ยังมีการแบ่งแยกเลือกปฏิบัติอยู่ และมีเรื่องชีวิตของเกย์ผิวดำของรัสตินในยุคที่ยังผิดกฎหมายมาร่วมด้วย โดยเนื้อหาอาจจะน่าขมขื่นแต่ก็ไม่เครียดหรือมีฉากอะไรให้เห็นนอกจากจูบเท่านั้น แนะนำเลยว่าถ้าใครชอบแนวสิทธิเรียกร้องการเมืองควรดูเป็นอย่างยิ่งครับ