รีวิว Scissor Seven SS1-2 แอนิเมชั่นจีน Netflix เรื่องแรก แอ็กชั่นมันส์เว่อร์แบบดราก้อนบอล แถมดราม่าซึ้งกินใจ

Scissor Seven เซเว่น นักฆ่ากรรไกร การ์ตูนแอนิเมชั่น Netflix จากประเทศจีนเรื่องแรก เรื่องราวของช่างตัดผมที่ฝันอยากเป็นสุดยอดนักฆ่า ก็เลยเปิดร้านตัดผมบังหน้ารับงานฆ่าคนด้วยกรรไกร

คะแนนเฉลี่ย IMDB

ตัวอย่าง Scissor Seven เซเว่น นักฆ่ากรรไกร

รีวิว Scissor Seven ซีซั่น 1

ต้องเรียกว่าเซอร์ไพรส์มากๆ กับแอนิเมชั่นเรื่องนี้ที่หน้าตาภายนอกดูเหมือนงั้นๆ แต่พอได้ดูเท่านั้นแหละ บอกเลยนี่เป็น 1 ในการ์ตูนแอนิเมชั่นที่ห้ามพลาดเป็นอันขาด และก็เป็นแนวแบบที่ใครก็ดูได้ ไม่ใช่แค่จำเพาะเจาะจงสายใดสายหนึ่งเท่านั้น เพราะเรื่องราวมีครบทุกอย่าง แอ็กชั่น มันส์ บู้ ตลกฮาสุดๆ แถมซึ้งทุกตอนอีกต่างหาก!

ดูคนอย่าดูแค่ภายนอก ดูแอนิเมชั่นเรื่องนี้ก็อย่าดูแค่ปก เรื่องราวของพระเอกเรื่องนี้ก็เหมือนกันครับ พระเอกชื่อ 7 หรือ “เซเว่น” กับรูปลักษณ์ภายนอกเห่ยสุดๆ มีสกิลดีติดตัวคือ การควบคุมกรรไกรระดับเซียน แต่เขาฝันอยากเป็นสุดยอดนักฆ่า เพื่อนซี้ที่เป็นไก่เนื้อ (ย้ำว่าไก่เนื้อจริงๆ ตอนหลังจะมีอธิบายว่าทำไม) ก็เลยลงทุนเปิดร้านตัดผมบังหน้า เป็นผู้จัดการรับงานฆ่าคนให้พระเอก พร้อมทั้งให้ไข่แปลงร่างที่ปาแล้วเป็นควันปกคลุมตัว เปลี่ยนให้พระเอกเป็นอะไรก็ได้ แล้วก็ตั้งเป้าให้พระเอกไต่ขึ้นไปให้ติด 100 อันดับนักฆ่าของโลก (ตอนนี้อันดับ 12,324) แต่กลายเป็นว่าพระเอกรับงานไหนเป็นเจ๊งไปทุกราย แถมกลายเป็นช่วยเหลือเยียวยาใจให้เหยื่ออีกต่างหาก

แอนิเมชั่นแบ่งเป็นตอนสั้นๆ แค่ 10 นาทีจบ แบ่งเป็นเคสที่พระเอกได้รับทีละตอน เรื่องราวมีต่อกันบ้างบางครั้ง บอกเลยว่านอกจากความฮาเต็มพิกัดที่ทุกตอนยัดเข้ามาถี่ยิบแล้ว อย่าพึ่งคิดว่าเรื่องจะสั้นจนเป็นการ์ตูนแก๊กเบาสมองล้วนๆ แอนิเมชั่นเรื่องนี้ยังมีจุดเด่นตรงที่หักมุมจบเรื่องราวได้ซึ้งกินใจทุกตอน และไม่ใช่แค่ซึ้งเพื่อเรียกน้ำตาคนดูแต่ยังมีการมองต่างมุมกับสังคมในแบบที่ชวนให้ฉุกคิดเอามากๆ ว่าสิ่งที่พระเอกคิดถูกต้องกว่าสิ่งที่สังคมปกติมองกันหรือเปล่า? อย่างการมองต่างมุมเรื่องของคนสะสมกางเกงในผู้หญิง ที่ต้องบอกว่าอึ้งไปเลยเหมือนกันกับการหักมุมเรื่องราวให้ออกมาดีได้ แถมกระตุกหัวใจและสมองให้ชวนคิดว่าสิ่งนี้ผิดจริงๆ หรือไม่? และไม่ใช่แค่การทำเรื่องราวจบในตอน แต่ทุกตอนทุกตัวละครจะแอบมีส่วนเชื่อมโยงต่อกันภายหลัง ก่อนที่จะนำมารวมกันได้อย่างน่าประทับใจ แบบที่ไม่มีตัวละครจากตอนไหนเลยที่ออกมาแบบเสียเปล่า

ถึงเรื่องนี้จะเป็นการ์ตูนแก๊กตลกสายฮาแบบกาวมากๆ แต่กลับผูกซ่อนปมเรื่องราวที่แท้จริงไว้ใหญ่โตอลังการ เป็นจักรวาลยุทธภพกำลังภายในล้ำๆ ที่คออนิเมะญี่ปุ่นน่าจะไม่ค่อยได้ดูมาก่อน เรียกว่าเรื่องราวจริงๆ ของเรื่องนี้คือ หนังจีนกำลังภายในดีๆ เลยนี่แหละ มีพรรคต่างๆ ยุทธภพ จอมดาบ กำลังภายใน การล้างแค้นที่เข้มข้น แต่แค่เรื่องราวส่วนนี้ถูกซ่อนไว้ในตอนแรก ซึ่งเมื่อเปิดโลกส่วนนี้มาก็ยิ่งสนุกขึ้นไปใหญ่ เพราะนี่เป็นการ์ตูนแอ็กชั่นแบบกำลังภายใน + ดราก้อนบอล ยิงแสงปล่อยพลังกันถล่มทลาย เว่อร์ได้สุดๆ แต่ก็ยังคงพื้นฐานกำลังภายในกับวิชาดาบไว้ในแบบที่ไม่เชย แล้วก็ลึกล้ำ+เท่สุดๆ ไม่ต่างอะไรจากการ์ตูนญี่ปุ่นเลย

ดูเหมือนแค่กำลังภายในยังไม่พอ ทีมสร้างยังยำโลกกังฟูเข้ามาในเรื่องราวได้อย่างแนบเนียน แม้จะไม่เว่อร์เท่าช่วงกำลังภายใน แต่ก็มันส์แบบวิชาการต่อสู้ตัวๆ แถมมีดราม่าลึกซึ้งกินใจเหมือนหนังกังฟูดีๆ แนวยิปมันเลย ซึ่งทีมสร้างก็บรรจงใส่พวก Easter egg หลายอย่างจากหนังมาเชื่อมโยงกับเนื้อหาในเรื่อง อย่างช่วงกังฟูก็มีฉากซ้อมกับหุ่นไม้แบบยิปมันให้ได้เห็นกัน แถมเรื่องราวช่วงนี้ก็ยังมาพร้อมคำคมกินใจดีๆ สไตล์หนังจีนที่มักสอดแทรกปรัชญาต่างๆ ไว้ในเรื่อง โดยที่โทนของเรื่องราวก็ยังมีตลกควบคู่ไปด้วย แต่จะเป็นช่วงตลกร้ายเสียดสีมนุษย์ที่ต้องบอกว่า ทีมสร้างผูกเรื่องนี้เข้ามาแบบคิดได้ยังไง นับถือเลยจริงๆ

จุดที่ดูแล้วเป็นจุดเสียอย่างเดียวของเรื่องนี้ก็คงเป็นงานภาพที่ไม่ได้ดูจริงจังมาก ออกจะเหมือนการ์ตูนแก๊กอย่างชินจังซะด้วยซ้ำ แต่ก็แล้วแต่มุมมองของแต่ละคนครับ เพราะถ้าลายเส้นโทนจริงจังมากไป เรื่องราวคงหลุดโลกกาวมากขนาดนี้ไม่ได้เหมือนกัน แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นงานภาพหยาบๆ เรียกว่ามีคุณภาพมากอยู่ แต่จะเป็นลายเส้นหนาๆ แบบสไตล์จีน หน้าตาตัวละครออกไปทางจีนๆ หน่อยเท่านั้นครับ แต่ก็สวย โดยเฉพาะตัวนางเอกนี่ทำออกมามีเสน่ห์น่าติดตามเลย

สุดท้ายก็ต้องย้ำเลยว่านี่เป็นงานแอนิเมชั่นที่เซอร์ไพรส์คนดูมากๆ เรื่องราวหลอมรวมหลากหลายอารมณ์เข้าด้วยกัน ทั้งตลกหลุดโลก แอ็กชั่นสุดเว่อร์ เรื่องราวสุดน่ารัก ผสมกับดราม่าฟีลกู๊ดซึ้งๆ ทุกตอน แถมเนื้อหาเสียดสีสังคมมนุษย์หลายอย่างก็ทำเอาชวนให้คิดว่า การ์ตูนเรื่องนี้ไม่ใช่แค่ทำมาให้เด็กดูแน่นอนครับ เรียกว่าทุกเพศทุกวัยดูเรื่องนี้ได้อย่างสนุกบันเทิง และมีความลึกซึ้งของเรื่องราวในแบบไม่คาดคิดเลยครับ

ตอนนี้ใน Netflix มีถึงซีซั่น 1 รวมทั้งหมด 14 ตอน และก็ยังพึ่งแค่เป็นจุดเริ่มเรื่อง ดูจบอาจจะค้างสักหน่อย แต่ก็ไม่ขนาดคาใจอะไรครับ

รีวิว Scissor Seven ซีซั่น 2 (ไม่มีสปอยล์)

ซีซั่น 1 คือเราได้รู้ความลับอะไรหลายๆ อย่างเกี่ยวกับตัวพระเอกไปแล้ว และตอนท้ายเรื่องก็ส่งมาเข้าสู่โลกของหนังกำลังภายในจีน ซีซั่น 2 จึงเดินหน้าไปเข้าเนื้อเรื่องจริงจัง แล้วก็ไม่เขวไปไหนจนจบซีซั่น โดยเรื่องเริ่มที่เหล่านักฆ่าถูกส่งมาต่อเนื่องเพื่อจัดการกับตัวละครทั้งหมดที่พระเอกต่อสู้ด้วยในซีซั่นแรก คราวนี้พระเอกจึงต้องทำหน้าที่ปกป้องพวกเขาเหล่านี้แทน และแต่ละตอนจะค่อยๆ เปิดเผยเบื้องลึกของตัวละครเหล่านั้นบนเกาะที่มีความลับลึกลงไปอีกว่าพวกนี้จริงๆ แล้วที่สู้กับพระเอกได้ในซีซั่นแรก แท้จริงแล้วไม่ใช่ธรรมดาแทบทั้งนั้น

ในซีซั่นนี้จึงหันมาเน้นที่แอ็กชั่นมากขึ้นกว่าซีซั่นแรกหลายเท่า มีฉากต่อสู้ที่มันส์กว่าท้ายซีซั่นแรกที่ว่าเว่อร์มากๆ แล้วขึ้นไปอีก กับตัวร้ายใหม่ที่เปิดตัวว่าเป็น 1 ใน 7 นักฆ่าทีมเดียวกับพระเอกสมัยก่อนสูญเสียความทรงจำ ซึ่งก็เป็นแนวกำลังภายในซัดกันเต็มขั้นแบบไม่กะเอาฮาอะไรกันอีกแล้ว พร้อมกับเปิดเผยความลับของคุณป้าประธานเจียงที่ต้องตกตะลึง แม้เรื่องช่วงนี้จะไม่ได้กะเอาฮา แต่ว่าก็ยังคงความลึกซึ้งของเนื้อหาไว้ได้เหมือนเดิม ก็ต้องชมคนเขียนว่าเก่งจริงกับการมองต่างมุมแล้วหยิบจุดนี้มาทำให้เป็นเรื่องราวซึ้งๆ ได้

ตัวเรื่องมีพัฒนาการความรักของพระเอกกับนักฆ่าสาวในซีซั่นแรกเพิ่มเติม ซึ่งก็ทำออกมาได้กำลังดี แม้อาจจะยังไม่ถึงช่วงฟินได้เต็มๆ เพราะโดนฉากบู้มาคั่นไว้ตลอดเวลา แต่ก็มีความฮากับการได้เห็นพระเอกในโหมดพยายามจีบสาวให้สำเร็จ

ปัญหาของซีซั่นนี้คือเรื่องมันค่อนข้างหนักขึ้น จริงจังขึ้น ลดความฮาลงไปมากไม่เท่ากับภาคแรก สำหรับคนที่อยากดูฉากแอ็กชั่นแบบท้ายซีซั่นแรกก็คงไม่ผิดหวัง แต่ถ้าคนอยากดูเรื่องราวดราม่าแนวการ์ตูนแก๊กอันนี้ค่อนข้างเฟลมากอยู่ ตัวเรื่องมีฉากตลกปนอยู่นิดหน่อยเท่านั้น ไม่ใช่เพราะมุกแป๊ก แต่คือไม่ได้ใส่มาเท่ากับซีซั่นแรกที่ฮากันแทบตลอดเวลา ซึ่งมุกตลกพวกนี้ทำให้เรื่องดูเพลินกว่า กลมกล่อมกว่า แต่ก็ไม่ใช่ความผิดของคนเขียนบทนักเพราะเรื่องมันค่อนข้างเข้าสู่โหมดจริงจัง ก็เลยไม่เอื้อให้ทำอะไรได้แบบนั้น (ถ้ายัดมาก็คงแปลกๆ เหมือนกัน)

Scissor Seven ซีซั่นนี้ตอนน้อยลงด้วยมีเพียงแค่ 10 ตอน ทำให้ดูแปบเดียวจบไวขึ้นไปอีก รู้สึกว่าไม่ค่อยอิ่ม และก็ยังขยายเนื้อเรื่องออกไปไม่มากพอ แค่ลงลึกเรื่องที่มาของพระเอกเพิ่มเท่านั้น ความลับบางอย่างของคนในเกาะที่เปิดเผยเพิ่มก็ไม่เอามาต่อกับตอนจบ ทำให้รู้สึกได้เลยว่าซีซั่นนี้เรื่องราวไม่ค่อยไปไหนไกลสักเท่าไหร่เลย ก็ต้องรอดูว่าซีซั่น 3 กันต่อไปครับ

• อ่านรีวิวอนิเมะเรื่องอื่นเพิ่มเติมใน Netflix คลิกที่นี่