playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Scream 6 สร้างภาพให้ดูสดใหม่ แต่เนื้อในยังวนในอ่างไปไม่สุด (ไม่สปอยล์)

Summary

ภาคที่พยายามสร้างภาพทำให้ดูสดใหม่ สูตรใหม่ กฎใหม่ โลเกชั่นใหม่ แต่เนื้อในตัวบทก็ยังพึ่งใบบุญเก่า ปราณีตัวละครเก่า ไม่กล้าฉีกไปให้สุดทางสดใหม่อย่างที่ประกาศไว้ ทำให้เรื่องจริงๆ ก็ยังวนในอ่างแทบทั้งหมด แต่การได้ฉากในโลเกชั่นใหม่เมืองใหญ่ การฆ่าในที่สาธารณะที่ดูบ้าคลั่งกว่าเดิม ก็ทำให้ภาคนี้ยังดูมีความสดชวนลุ้นระทึกในแบบใหม่อยู่บ้าง (แม้จะอ่อนเหตุผลเรื่องการหลบหนีของโกสเฟซไปมากๆ) รวมถึงการนำกิมมิคทุกภาคมารวมกันกับฆาตกรที่ยังทำให้เซอร์ไพรส์ได้อยู่กับฉากไล่ล่าบ้าคลั่งปิดท้าย ก็ยังถือว่าตอบสนองแฟนๆ แนวนี้ได้ดีพอครับ

Overall
7/10
7/10
Sending
User Review
0 (0 votes)

Pros

  • รวมกิมมิคทุกภาคไว้ในภาคนี้
  • เมืองใหม่นิวยอร์ค
  • ฉากโหดฆ่าในที่สาธารณะ

Cons

  • อ่อนเหตุผลในเรื่องการหลบหนีของโกสเฟซแทบทุกฉาก
  • พยายามตั้งกฎใหม่ แต่กลับไปไม่สุดแล้วก็วนในอ่าง

ตัวอย่าง Scream 6

ADBRO

รีวิว Scream 6 (ไม่สปอยล์)

ภาคที่วางตัวเองไว้ในจุดที่ต้องการรีบูตให้ทุกอย่างดูสดใหม่กว่าภาคก่อนที่พยายามไปรอบหนึ่งแล้ว โดยย้ายโลเกชั่นจากวูดโบโรมายังนิวยอร์ค ซึ่งก็ได้ผลในแง่ของความท้าทายจากสเกลที่ใหญ่ขึ้น และทุกอย่างต้องฉีกแตกต่างไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ตัวเรื่องจึงวางทฤษฎีใหม่ สูตรใหม่ โดยการให้ตัวละครเนิร์ดหนังสยองขวัญมาอธิบายกฎใหม่ (ที่เป็นฉากประจำของทุกภาคนั่นแหละ) ว่านี่คือ “แฟรนไชนส์” ไม่ใช่ภาคต่อ กฎเดิมๆ อย่างตัวละครหลักเก่าๆ ต้องตายได้หมด ใครก็เป็นฆาตกรได้ ทุกอย่างต้องทำเพื่อให้เกิดความสดใหม่ดึงคนกลับมาดู

ทั้งหมดที่ว่ามาคือ ความพยายามที่ดูดีจริงๆ ตั้งแต่ตัวอย่างที่ทำได้น่าดูมาก แต่พอเอาเข้าจริงๆ กลับกลายเป็นแค่ “ความพยายามทำให้ดูใหม่ แต่ก็ยังไม่ได้ฉีกหรือไปให้สุดแบบที่ควรจะเป็น” แม้ฉากเปิดเรื่องจะดูสดใหม่ทำให้คนดูว้าวได้แต่แรกกับการเปิดเผยหน้าตาของฆาตกร แต่หลังจากจบฉากนั้นทุกอย่างก็ยังเข้าวังวนของบทสูตรสำเร็จเดิมๆ ตัวละครหลักขาประจำถูกไล่ล่า พยายามให้มีฉากเหมือนจนมุม แต่สุดท้ายก็ไม่กล้าปิดฉากอย่างที่ควรจะทำได้แล้ว เหมือนกับตัวละครดิวอี้ในภาคก่อน ซึ่งมันส่งผลให้เรื่องดูย้อนแย้งมากทันทีกับฉากฆ่าตัวละครใหม่ในภาคนี้ที่แทงรัวๆ ไม่ยั้ง โกสเฟซใช้ปืนยิงได้ ดูโหดแบบไม่มีเลี้ยงไข้ แต่นั่นคือใช้กับตัวละครใหม่เท่านั้น ตัวหลักเก่าก็ยังปราณีไว้ทำให้เรื่องวนในอ่าง ไม่สมกับที่ตั้งใจออกกฏใหม่มาใช้อย่างที่ว่าไว้เลย

สิ่งที่ทำให้เรื่องนี้ยังดูดีอยู่ก็คือ พวกฉากไล่ล่าฆ่ากันในเมืองใหญ่ ที่ดูว่าโกสเฟซตัวนี้ใจกล้าไล่ฆ่าคนในที่สาธารณะได้ อย่างฉากในร้านขายของ รถไฟใต้ดิน ซึ่งเรื่องก็ทำออกมาได้หวาดเสียว ลุ้นระทึก ดูเป็นความกล้าบ้าบิ่นที่ทำให้คนดูลุ้นว่าโกสเฟซจะฆ่าในที่แบบนี้ได้ไง ซึ่งก็ได้ผลในทางกระตุ้นอารมณ์คนดูให้ลุ้นระทึกตามได้จริงๆ แต่ปัญหาก็ตามมาคือการที่โกสเฟซในภาคนี้กลับหนีไปง่ายๆ ซึ่งจริงๆ ทุกภาคมันก็มีอะไรแบบนี้แหละ แต่การที่อยู่ในเมืองเล็กๆ อย่างภาคก่อนๆ มันทำให้พออนุโลมเชื่อได้ ไม่ใช่การหนีไปดื้อๆ ในฉากพวกนี้ที่ดูแล้วยังไงก็ไม่น่าเป็นไปได้ ด้วยเทคโนโลยีมากมายในปัจจุบัน อย่างกล้องวงจรปิดที่ไม่เคยมีใช้นำสืบในเรื่องเลยสักครั้ง ซึ่งคนเขียนบทก็คงจนปัญญากับการหาคำอธิบายเรื่องนี้ จึงทำซ้ำฉากแบบนี้หลายรอบ เหมือนให้คนดูรู้กันว่าไม่ต้องมีคำอธิบายอะไรละกัน ดูเอาสนุกเป็นพอ

สิ่งที่เรื่องพยายามเพิ่มมาใหม่คือการดึงเอาตัวละครเก่าสาวเนิร์ดหนังสยองขวัญ Kirby Reed มาใช้ในลุคใหม่ FBI ที่เข้ามาติดตามคดีนี้โดยเฉพาะ ซึ่งก็ดูโอเคกับบทบาทลุคใหม่นี้ของเธอ แม้ตัวจะเตี้ยมากกับหน้าเด็กสุดๆ จนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็น FBI ได้ (ในตัวเรื่องก็มีมุกแซวเธอเรื่องนี้) แต่ทั้งนี้บทของเธอก็ยังถือว่ามาแบบมีบทบาทที่น่าจดจำ และเป็นตัวละครสำคัญมากต่อๆ ไปอีกด้วย

ส่วนที่ผู้เขียนชอบจริงๆ คือการพยายามดึงเอากิมมิคทุกภาคมารวมกันในภาคนี้ ทำให้เรื่องนี้เหมือนเป็นงานคาราวะทุกภาคเพื่อพุ่งไปยังเป้าหมายที่สดใหม่กว่าต่อไป และการเฉลยว่าโกสเฟซภาคนี้คือใครก็ยังทำให้เราเซอร์ไพรซ์ได้อยู่ รวมถึงฉากสุดท้ายที่ไล่ล่าฆ่ากันอย่างบ้าคลั่งก็ยังถือว่าเป็นการเซอร์วิสปิดท้ายเรื่องที่ดีพอให้ประทับใจอยู่ไม่น้อยครับ

 

แต่สุดท้ายแม้จะไม่ใช่ภาคที่สดใหม่อย่างที่ควรจะเป็น (ได้แล้ว) แต่ก็ยังถือว่าตอบสนองแฟนๆ แนวนี้ได้ และไม่ควรจะพลาดชมอยู่ดีนั่นแหละครับ

 

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!