รีวิวซีรีส์ Resident Evil Netflix อ้างอิงเกมตรงๆ แล้วต่อยอดในแบบของตัวเองที่ก็ไม่ได้เลวร้ายนัก (ไม่สปอยล์เนื้อหาสำคัญ)
Resident Evil Netflix
Summary
ตัวเรื่องอ้างอิงเนื้อเรื่องเกมหลังแรคคูนซิตี้โดนนิวเคลียร์เพื่อสร้างเป็นไทม์ไลน์ใหม่ของตัวเอง โดยบิดดัดแปลงบางจุดใหม่ด้วย เป็นความพยายามที่ชวนให้แฟนเกมทั้งเครียดทั้งมีบางจุดที่ชอบปะปนกันไป อย่างเวสเกอร์ที่กลายมาเป็นคนผิวดำ ซึ่งผู้ชมทั่วไปที่ไม่ได้รู้ลึกหรือติดภาพจากในเกมก็คงไม่รู้สึกอะไรมาก แต่ตัวมอนสเตอร์ดึงมาจากเกมตรงๆ แล้วทำได้โอเคเลย CG มีทั้งดีกับกลางๆ ไม่ดีมาก แต่ก็ไม่ได้แย่จนรับไม่ได้ โดยมีการเล่าไทม์ไลน์ช่วงอนาคตเน้นแอ็กชั่นล้วนๆ แล้วตัดสลับบ่อยกลับไปยังอดีตเป็นช่วงดราม่าชีวิตวัยรุ่นที่พยายามค้นหาความจริงของตัวละคร ที่กลายมาเป็นชนวนเหตุล้างโลก ทำให้อารมณ์ของเรื่องดูไม่ต่อเนื่อง โดยรวมตัวเรื่องถือว่าอยู่ในระดับกลางๆ ไม่ดีมาก แต่ก็ไม่แย่จนดูไม่ได้ แต่เรื่องก็มีจุดแย่ที่ชวนให้เครียดอยู่เหมือนกันกับบทที่ออกมาหลายครั้งดูโง่มาก แต่จุดดีก็คือการได้เห็นมุมมองทิศทางเรื่องราวใหม่ๆ ที่ทำให้ซีรีส์ยังพอขยับขยายทำต่อได้ในแนวทางของตัวเองครับ
Overall
6/10User Review
( votes)Pros
- อ้างอิงเนื้อเรื่องเกมแล้วต่อเติมเป็นไทม์ไลน์ใหม่ของตัวเอง
- มีช่วงเล่นดราม่าชีวิตเด็กวัยรุ่นไฮสคูลใน RE อย่างจริงจังครั้งแรก
- เวสเกอร์ผิวดำ เปลี่ยนนิสัยเป็นตัวละครเทาๆ มีมิติมากขึ้น
- พยายามถอดแบบดึงมอนสเตอร์จากในเกมไปใช้ตรงๆ
- มีพากย์ไทย
Cons
- มีบทโง่ๆ ไม่สมเหตุผลอยู่หลายจุดตลอดเรื่อง
- นักแสดงเจดตอนโตไม่มีเสน่ห์ บทก็ออกแนวตัดสินใจโง่ๆ หลายครั้ง
- ตัดสลับอนาคตกับอดีตบ่อยจนทำให้เรื่องดูค้างๆ คาๆ เหตุการณ์ไม่ต่อเนื่อง
- CG มีลอยๆ อยู่บ้าง
Resident Evil ซีรีส์ Netflix 8 ตอนจบซีซั่น 1 เล่าถึงเรื่องราวนิวแรคคูนซิตี้ที่ถูกสร้างโดยอัมเบรลล่าโฉมใหม่ และกำลังพัฒนายาชื่อ จอย ที่กลายมาเป็นฝันร้ายซ้ำรอยอีกครั้ง
รีวิวซีรีส์ Resident Evil SS1 Netflix
เกมดังที่ถูกดัดแปลงทำหนัง แอนิเมชั่น มาสารพัด แต่นี่คือครั้งแรกที่เป็นซีรีส์คนแสดง แล้วก็เป็นเรื่องราวอ้างอิงต่อจากเกมจริงๆ ไม่ใช่แนวดัดแปลงแบบเวอร์ชั่นหนังที่มีอลิซเป็นตัวเอก โดยเรื่องราวในเรื่องเริ่มปี 2036 ที่โลกล่มสลายไปแล้วจากเหตุการณ์สยองขวัญในนิวแรคคูนซิตี้ปี 2022 เป็นการเล่าสองไทม์ไลน์อนาคตกับปัจจุบันไปพร้อมกัน โดยมีตัวเอกคือ พี่น้องฝาแฝดอุ้มบุญ เจดกับบิลลี่ ลูกสาวของ อัลเบิร์ต เวสเกอร์ อดีตตัวร้ายหลักที่อยู่เบื้องหลัง RE ภาคเกม 1-5 ซึ่งคนที่เล่นเกมมาคงมีคำถามว่าทำไมเวสเกอร์ยังอยู่ และทำไมกลายมาเป็นคนผิวดำ Netflix หาเรื่อง WOKE บิดเบือนตัวละครหรือเปล่า ก็ตอบเลยว่าใช่ เพราะในเรื่องจะมีฉากที่เล่าไปถึงตัวเวสเกอร์แบบดั้งเดิม ในชุดแบบเดิมใส่แว่นดำ แล้วก็อ้างอิงถึงการตายของเวสเกอร์ที่ตรงกับในเกมว่าตายในลาวาภาค 5 และที่เราดูในซีรีส์ชุดนี้คืออะไร อันนี้ใครอยากรู้กดอ่านสปอยล์เอาเองนะครับ
เวสเกอร์เวอร์ชั่นนี้คือร่างโคลนนักวิจัยของตัวเขาเองที่เคยมีบอกในภาคเกม แล้วโดนจับมาใช้งานโดยเอเวอลีนลูกสาว ด็อกเตอร์เจมส์ มาคัส ที่ร่วมก่อตั้งอัมเบรลล่าในเกม
ซีรีส์บิดสีผิวของเวสเกอร์ก็จริง แต่ถ้ามองข้ามจุดนั้นไปนี่ก็คือทำให้ได้เล่นเรื่องราวใหม่ๆ ของนิวเวสเกอร์ที่กลายมาเป็นพ่อลูกสองในช่วงวัยรุ่น ที่ต้องรับมือกับปัญหาความขบถในตัวเธอ และยังมาเป็นศูนย์กลางของเรื่องมากกว่าแนวผู้บงการลับๆ อย่างภาคเกม ทำให้บทของนิวเวสเกอร์มีอะไรน่าสนใจหลายอย่าง เช่นการที่เขากลายเป็นคนเทาๆ เอียงไปทางคนดีพ่อของลูกสาวที่รักเธอจริงๆ แต่ก็มีผลประโยชน์จากลูกมาเกี่ยวข้องด้วย และการไม่เห็นด้วยกับตัวยาจอยที่จะมาเป็นเหตุร้ายใหม่ของภาคนี้ก็อีก ตัวบทพยายามอย่างมากที่จะลบเวสเกอร์ในเวอร์ชั่นตัวร้ายแบบเดิมออกไปให้หมด ซึ่งถ้าดูจนจบก็จะรู้ว่าทำได้สำเร็จด้วย นี่คือเวสเกอร์ที่มีมิติเลือดเนื้อเหมือนมนุษย์มากกว่าเดิม แต่ก็ยังคงมีความร้ายและน่าสงสัยในเจตนาหลายอย่างของเขาอยู่ และเขาก็เป็นตัวเดินเรื่องหลักด้วย แม้จะไม่ได้อยู่ในช่วงเวลาอนาคต ปรากฎแค่ในช่วงปัจจุบัน แต่ก็เป็นตัวละครที่ทำให้เรื่องช่วงนี้น่าสนใจกว่าช่วงอนาคตที่เน้นแค่ลูกสาวของเขา ส่วนตัวผู้เขียนให้ผ่านกับการดัดแปลงครั้งนี้ แต่อาจจะไม่ถูกใจแฟนเกมแน่นอน (จริงๆ ผู้เขียนก็เล่น RE 1-5 มาก่อนนะ)
นิวเวสเกอร์มีบทเด่นก็จริง แต่ตัวเรื่องหลักคือเจดกับบิลลี่ ซึ่งพล็อตเรื่องใช้ 2 ไทม์ไลน์เล่าความเป็นมาของทั้งคู่ โดยขยักเรื่องราวของบิลลี่คนน้องไว้เล่าในอนาคตช่วงหลัง ให้เจดเป็นตัวหลักในช่วงนั้นเดินเรื่องตลอดตั้งแต่ต้นจนจบ แต่ในปัจจุบันปี 2022 เจดกับบิลลี่จะเป็นตัวเดินเรื่องคู่กันตลอด ซึ่งทั้งคู่คือชนวนเหตุที่ไปกระตุ้นให้เกิดหายนะในเมืองนี้ตามสูตรเดิมๆ ของ RE นั่นแหละครับ แล้วก็เพิ่มดราม่าความสัมพันธ์พี่น้องกับเรื่องปัญหาวัยรุ่นในโรงเรียนเข้ามา มีเรื่องรักแซมเข้ามาบ้าง โดยยิงยาวเนื้อหาวัยรุ่นไปจนถึงช่วงหลังๆ ของซีรีส์เลย ซึ่งก็เข้าใจได้เพราะนี่เป็นสูตรของเน็ตฟลิกซ์ที่ต้องมีแนวนี้ใส่เข้ามา สำหรับแฟนๆ ดั้งเดิมที่อยากได้ลุยๆ การที่ต้องมาเจอฉากตัดสลับแอ็กชั่นในอนาคตที่เจดต้องเจอกับพวกมอนสเตอร์ ซอมบี้ คนเลว อัมเบรลล่าในยุคครองโลก กลับมาช่วงตัวละครเป็นเด็กกับชีวิตวัยรุ่น ก็เป็นอะไรที่น่าจะน่าเบื่อมากแน่ๆ แต่ถ้าเป็นคนดูซีรีส์เน็ตฟลิกซ์อยู่แล้วจุดนี้ก็อาจจะชิน แล้วจริงๆ เรื่องที่วางไว้ก็มีเหตุผลเพื่อให้ความสัมพันธ์ต่างๆ ของ 2 ตัวละครนี้กับตัวละครอื่นอย่างพ่อเวสเกอร์ เพื่อนชาย ดูมีน้ำหนักมากขึ้น และทำให้เจดกับบิลลี่ได้เติบโตขึ้นจากตอนแรกที่เป็นแค่สองสาวเอาใจแต่สร้างเรื่องปวดหัวไปวันๆ ตรงนี้อาจจะไม่ถึงกับเป็นดราม่าที่ดีอะไรมาก แต่ก็ไม่ได้ถึงกับแบบมีไว้ทำไม หรือมีแต่น้ำไม่มีเนื้อก็ไม่ใช่ครับ
ฉากแอ็กชั่นในเรื่องส่วนใหญ่จะเทไปที่ฉากในอนาคต ซึ่งตัวเรื่องเปิดโอกาสให้เจดได้เป็นเหมือนฮีโร่หญิงที่พยายามหาทางกู้โลกจากหายนะที่เกิดขึ้นไปแล้ว โดยเป็นการเดินทางตามหาวิธีจัดการฝูงซอมบี้ที่มีจำนวนถึง 6 พันล้านตัวทั่วโลก แล้วหาทางให้มนุษย์ที่เหลืออยู่รอดกับพวกนี้ได้ ซึ่งก็เป็นไอเดียที่ฉีกไปนิดๆ เหมือนเอาเหตุการณ์ระบาดของโควิดไปใช้ตรงๆ (ในเรื่องก็พูดถึงโควิดอยู่หลายครั้งด้วย) ซึ่งการเดินทางนี้เธอจะถูกอัมเบรลล่าตามล่าตัว มีฉากที่พยายามดึงเอาตัวสัตว์ประหลาดมาจากในเกมตลอดทาง อย่างมนุษย์เลื่อย ลิกเกอร์ จระเข้ยักษ์ ส่วนในอดีตจะแค่เผยๆ ว่ามีตัวแบบ เนเมซิส ไทแรนท์ อยู่แต่ยังไม่ออกมา ซึ่งก็พอจะตอบสนองแฟนเกมได้ระดับหนึ่ง ส่วน CG พวกนี้ออกมาดีบ้างกับกลางๆ แต่รวมๆ ก็ไม่ได้ถึงกับดูแย่ ยังถือว่าตอบโจทย์แฟนเกมที่ไ้ด้มาเห็นเจ้าตัวพวกนี้อีกครั้งในแบบซีรีส์เช่นกัน
โดยรวมตัวเรื่องถือว่าอยู่ในระดับกลางๆ ไม่ดีมาก แต่ก็ไม่แย่จนดูไม่ได้ แต่เรื่องก็มีจุดแย่ที่ชวนให้เครียดอยู่เหมือนกันกับบทที่ออกมาหลายครั้งดูโง่มาก อย่างตอนเปิดเรื่องที่เจดต้องเอากระต่ายไปล่อซอมบี้เพื่อศึกษา แต่ตัวเองก็โดนตู้คอนเทนเนอร์เกี่ยวเลือดออกเลยโดนซอมบี้ไล่ทึ้งแทนซะงั้น หรือการบุกอัมเบรลล่าของสองเด็กสาวที่ไม่มี รปภ. ในตอนดึกสักคน ในเรื่องจะมีจุดแปลกๆ ที่ทั้งดูโง่กับไม่สมเหตุผลอยู่หลายครั้ง และที่แย่แบบชัดๆ อีกอย่างก็คือตัวละครเจดในช่วงวัยผู้ใหญ่ไม่มีเสน่ห์ (แสดงโดย Ella Balinska) ต่างกับตอนเด็กมากที่ถือว่าแคสมาค่อนข้างดีเหมาะสมกับบททั้งคู่ ทำให้เจดช่วงผู้ใหญ่ดูแล้วไม่ชวนอิน แถมยังขยันทำเรื่องโง่ๆ มากกว่าตอนเด็กอีก ขนาดที่เป็นแม่คนแล้วน่าจะฉลาดรอบคอบกว่านี้ ส่วนบิลลี่ที่เป็นน้องสาวตอนโตกับตอนเด็กถือว่าโอเคเลยกับบทบาทที่ต่างกันออกไป แต่ก็มีความคล้ายทั้งรูปร่างหน้าตาอยู่ แล้วบทก็เปิดโอกาสให้ทั้งคู่ได้เล่นอะไรมากกว่าเจด อาจจะมีเรื่องโง่ๆ บ้างอย่างการเป็นวีแกนรักสัตว์เลยไปบุกอัมเบรลล่า แต่ก็ไม่ถึงขนาดทำให้ตัวละครนี้ดูแย่หรือน่ารำคาญตลอดเรื่อง เพราะบทของเธอเป็นชนวนสำคัญของเรื่องนี้มากกว่าเจดครับ
ซีรีส์เดินเรื่องลากยาวปัจจุบันกับอดีตคู่กันไปตลอดจนถึงนาทีท้ายๆ ของเรื่องเลยก็ยังไม่ถึงจุดหายนะของนิวแรคคูนซิตี้แบบที่คิดในตอนแรก เรียกว่าเป็นการเก็บจุดนี้ไว้ขายต่อในซีซั่น โดยทิ้งเรื่องไว้ให้คล้ายๆ เกมช่วงภาค 2 ที่เมืองหายนะไปแล้ว พร้อมทั้งตัวละครที่แฟนเกมชอบมากๆ แบบที่ไม่ต้องเอ่ยถึงเดาก็ถูกแน่นอน (แต่มาแค่ชื่อยังไม่เห็นตัว) ซึ่งก็ต้องรอดูกันต่อไปว่าจากผลตอบรับแฟนๆ ที่ไม่ดีกับซีรีส์ชุดนี้จะทำให้ Netflix ยังพยายามสร้างซีซั่น 2 ต่อหรือไม่ครับ