playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Severance ss2 (apple TV+) แยกโลกความทรงจำที่ยิ่งทวีความซับซ้อน

Severance ซีซั่น 2

Summary

Severance ซีซั่น 2 ยังคงรักษาเอกลักษณ์ความแปลกประหลาดของซีรีส์ไว้ได้เป็นอย่างดี พร้อมกับพัฒนาเรื่องราวให้ซับซ้อนและน่าติดตามมากขึ้น การขยายไปยังโลกจริงของคนนอกทำให้ผู้ชมได้เห็นมิติใหม่ๆ ของตัวละคร รวมถึงการมีปฏิสัมพันธ์กันทางอ้อมที่เรื่องราวครีเอทท้าทายได้แปลกใหม่แบบที่ไม่มีเรื่องไหนทำได้แน่นอน ถึงแม้จะยังมีปริศนามากมายที่ยังไม่ได้รับคำตอบ แต่ซีรีส์ก็เผยให้เห็นถึงโครงเรื่องขนาดใหญ่ที่มีการวางแผนทำไว้รองรับเป็นอย่างดี ไม่ใช่การด้นสดทำต่อไปเรื่อยๆ แบบที่ซีรีส์แนวปริศนาลึกลับหลายเรื่องมักทำกัน ซึ่งนี่คือข้อดีมากสำหับผู้ที่ชื่นชอบซีรีส์ที่ท้าทายความคิดนอกกรอบสุดๆ แบบที่ไม่มีเรื่องไหนทำได้มาก่อนครับ

Overall
8.5/10
8.5/10
Sending
User Review
0 (0 votes)

Pros

  • เพิ่มความลึกให้เรื่องราวไปยังสถานที่ใหม่มากขึ้น
  • เฉลยจุดสำคัญโดยมีโครงเรื่องใหญ่รองรับไว้แล้ว
  • การพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครทำได้ดี

 

Cons

  • ยังมีปริศนาค้างคาไว้เยอะมาก
  • ตัวเรื่องค่อนช้างสโลวเบิร์นแบบเดิม

ADBRO

Severance ss2 ซีรีส์แนวดราม่าไซไฟของ Apple TV+ นำเสนอการกลับมาทำงานในลูมอนของทีมเดิมอีกครั้ง แต่คราวนี้พวกเขามุ่งค้นหาคำตอบเบื้องหลังสิ่งที่พวกเขากำลังทำและร่วมก่อการกบฏจากภายใน โดยมีพันธมิตรจากโลกภายนอกร่วมมือด้วย

รีวิว Severance (Apple TV+) แยกโลกแยกความจำชีวิตสุดพิสดาร (ไม่มีสปอยล์)

รีวิว Severance ss2 (ไม่สปอยล์เนื้อหาสำคัญ)

หลังจากผ่านซีซั่นแรกไป นี่คือซีรีส์ที่พิลึกพิลั่นและแปลกประหลาดที่สุดเท่าที่เคยรับชมมาอย่างไม่ต้องสงสัย กระนั้น ความประหลาดที่ผู้ชมได้สัมผัสมาแล้วในซีซั่นแรกกลับดูเป็นเพียงจุดเริ่มต้น เมื่อซีซั่นที่สองนี้ได้ทั้งเฉลยปริศนาและเพิ่มความประหลาดดั้งเดิมให้ทวีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้นไปอีก ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์ของซีรีส์ที่ยังคงรักษาไว้ได้อย่างดีเยี่ยม และผู้ชมที่ผ่านการรับชมซีซั่นแรกมาแล้วก็น่าจะพร้อมจะดำดิ่งต่อไปกับความแปลกประหลาดนี้เช่นกัน

ในตอนเริ่มเรื่อง มาร์คได้พบกับลูกทีมคนใหม่ แต่บุคคลเหล่านี้เป็นเพียงตัวละครประกอบที่ปรากฏในเวลาอันสั้น เนื่องจากไม่นานนักเขาก็ได้ร่วมงานกับทีมเดิมอีกครั้ง ซึ่งบทซีรีส์สร้างเหตุผลรองรับการกลับมาทำงานของทุกคนได้อย่างแนบเนียน โดยนำเสนอเรื่องราวของ “คนนอก” ของตัวละครแต่ละคนที่ได้รับผลกระทบจาก “คนใน” ที่ถูกเปิดเผยในตอนท้ายของซีซั่น 1 ซีรีส์เปิดโอกาสให้ผู้ชมได้สำรวจอีกด้านหนึ่งของชีวิตตัวละครอย่างลึกซึ้ง เผยให้เห็นว่าพวกเขาแตกต่างจาก “คนใน” มากเพียงใด อีกทั้งยังช่วยให้ซีรีส์มีโอกาสขยายขอบเขตการเล่าเรื่องออกไปสู่โลกภายนอกมากกว่าที่จะจำกัดอยู่เพียงในพื้นที่เดิมดังเช่นในซีซั่นแรก ส่งผลให้เรื่องราวมีความสนุกสนานมากขึ้น เมื่อ “คนนอก” และ “คนใน” ได้มีปฏิสัมพันธ์กันในรูปแบบที่แตกต่าง แม้จะเป็นการเชื่อมโยงโดยอ้อม แต่ก็เป็นแนวคิดที่ไม่มีซีรีส์เรื่องใดนำเสนอได้อย่างลงตัวเช่นนี้ ดังเช่นประเด็นที่การกลายเป็นกิ๊กกับภรรยาของตัวเองโดยไม่รู้ตัว

ซีรีส์นำเสนอความแปลกประหลาดของการแยกความทรงจำที่ลึกซึ้งกว่าในซีซั่นแรก เมื่อเราได้พบว่ามันไม่ได้มีเพียงสองบุคลิกภาพแต่อาจมีได้นับไม่ถ้วน แม้ว่าเรื่องราวจะไม่เปิดเผยความลับทั้งหมดของลูมอน แต่ก็พอจะคาดเดาได้ว่าสิ่งที่บริษัทกำลังดำเนินการนั้นเป็นการปฏิวัติโลกอย่างที่พวกเขาคาดหวังไว้จริงๆ เพียงแต่ว่าวิธีการของลูมอนเปรียบเสมือนคุกที่แยกขังจิตใจแต่ละส่วนของบุคคล ซึ่งแม้ “คนนอก” จะยินยอมผ่านสัญญาการทำงาน แต่ก็เป็นเรื่องที่ขัดต่อหลักจริยธรรม ซีรีส์นำเสนอแนวคิดเรื่องความเป็นปัจเจกบุคคลได้อย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะผ่านตัวละครมาร์คที่พยายามรวมสองโลก (หรือรวมความทรงจำ) บางส่วนเข้าด้วยกัน แต่เมื่อทั้งสองบุคลิกได้ล่วงรู้ถึงความต้องการของอีกฝ่าย พวกเขากลับกลายเป็นคนละคนที่มีแนวทางชีวิตแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

ความซับซ้อนปรากฏชัดในประเด็นความรักของมาร์คที่มีต่อผู้หญิงสองคนในสองโลกที่แยกจากกัน โดยที่พวกเธอไม่สามารถรวมโลกเข้าด้วยกันได้เหมือนอย่างที่มาร์คพยายามทำ โดยเฉพาะกรณีของเฮลลี่ ลูกสาวประธานบริษัทที่แฝงตัวเข้ามาทำงานในทีม และยังได้พัฒนาความสัมพันธ์กับ “มาร์คคนใน” ซึ่งยิ่งเพิ่มความซับซ้อนให้กับเรื่องราว นี่คือประเด็นหลักของภาคนี้ที่ทุกอย่างมุ่งไปสู่บทสรุปที่ “มาร์คทั้งสองร่าง” จะได้มีโอกาสเผชิญหน้ากันในรูปแบบที่แปลกประหลาดอย่างยิ่ง แต่ก็แสดงให้เห็นถึงความสร้างสรรค์ในการนำเสนอเรื่องราวที่ไม่เคยมีซีรีส์เรื่องใดกล้าทำมาก่อน

ซีซั่นนี้ยังเพิ่มตัวละครใหม่เข้ามาหลายคน มิสเตอร์มิลชิคได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นหัวหน้าแผนกและบริหารจัดการทีมใหม่ โดยมี ‘มิสหวง’ (แสดงโดย Sarah Bock) เข้ามารับตำแหน่งผู้ช่วยแทนเขา นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัวผู้บริหารระดับสูงของลูมอน รวมถึงอีแกน บิดาของเฮลลี่ ที่ปรากฏตัวหลายครั้งในลักษณะลึกลับ แทบไม่เปิดเผยข้อมูลใดๆ เลย พร้อมกับการเพิ่มปริศนาเกี่ยวกับตำนานคล้ายไบเบิลประจำบริษัท จนดูเหมือนว่าลูมอนมีอำนาจในการกำหนดชะตาชีวิตของผู้คนทั้งโลก

แม้ว่าซีซั่นนี้จะยังคงเต็มไปด้วยความลับอีกมากมาย (ซึ่งผู้ชมคงคาดหวังไว้แล้ว) แต่ซีรีส์ก็เปิดเผยข้อมูลสำคัญหลายประการ โดยเฉพาะในตอนที่ 8 ที่เล่าเรื่องราวของโคเบล อดีตหัวหน้าแผนกที่ถูกไล่ออก ซีรีส์เปิดเผยต้นกำเนิดของลูมอนที่เริ่มต้นจากเมืองเล็กๆ โดยมีโคเบลเป็นหนึ่งในทีมงานผู้ถือครองความลับสูงสุดของบริษัท รวมถึงการไขปริศนากลุ่มตัวเลขที่ทีมงานจัดการทุกวันว่าคืออะไรกันแน่ และตัวเลขเหล่านี้นำไปสู่สิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นได้อย่างไร สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าซีรีส์มีโครงเรื่องหลักที่วางแผนไว้อย่างรอบคอบ ไม่ใช่เพียงการด้นสดไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะในตอนที่ 10 ที่เรื่องราวทวีความเข้มข้นราวกับทุกอย่างระเบิดออกมาพร้อมกัน แม้ว่าผู้ชมจะยังไม่ได้เห็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นหลังจุดแตกหักนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการก่อกบฏพร้อมกันของ “คนใน” ทั้งหมด

 

โดยรวม Severance ซีซั่น 2 ยังคงรักษาเอกลักษณ์ความแปลกประหลาดของซีรีส์ไว้ได้เป็นอย่างดี พร้อมกับพัฒนาเรื่องราวให้ซับซ้อนและน่าติดตามมากขึ้น การขยายไปยังโลกจริงของคนนอกทำให้ผู้ชมได้เห็นมิติใหม่ๆ ของตัวละคร รวมถึงการมีปฏิสัมพันธ์กันทางอ้อมที่เรื่องราวครีเอทท้าทายได้แปลกใหม่แบบที่ไม่มีเรื่องไหนทำได้แน่นอน ถึงแม้จะยังมีปริศนามากมายที่ยังไม่ได้รับคำตอบ แต่ซีรีส์ก็เผยให้เห็นถึงโครงเรื่องขนาดใหญ่ที่มีการวางแผนทำไว้รองรับเป็นอย่างดี ไม่ใช่การด้นสดทำต่อไปเรื่อยๆ แบบที่ซีรีส์แนวปริศนาลึกลับหลายเรื่องมักทำกัน ซึ่งนี่คือข้อดีมากสำหับผู้ที่ชื่นชอบซีรีส์ที่ท้าทายความคิดนอกกรอบสุดๆ แบบที่ไม่มีเรื่องไหนทำได้มาก่อนครับ

ติดตามอ่านรีวิวหนัง/ซีรีส์ใน Apple TV+ คลิกที่นี่

รีวิว Black Doves พิราบเงา (Netflix) ซีรีส์สายลับที่ตัวละครมีเสน่ห์ซับซ้อนคมคายสุดๆ
------------------------------------------------------------