รีวิว Shadow and Bone SS2 ภาคต่อที่สนุก เต็มไปด้วยฉากเท่ๆ สกิลเว่อร์วังกว่าเดิมมาก (ไม่มีสปอยล์)
Shadow and Bone SS2
Summary
ใครที่ชอบแนวแฟนตาซีอลังๆ ภาคนี้จัดเต็มขึ้นมากจากพลังของทุกตัวละครที่เพิ่มขึ้นหมด มีตัวละครใหม่น่าสนใจขึ้นหลายตัว แต่ข้อเสียเรื่องฉากรักน้ำเน่าในภาคนี้ก็มีเยอะขึ้นตามไปด้วย (แต่ก็มีเหตุผลว่าทำไมถึงเน้นส่วนนี้มากเพราะเชื่อมโยงกับปมในตอนท้ายเรื่อง) ตัวเรื่องยังเล่าเรื่องแบ่งกลุ่มแบบภาคแรกเป็นแนวแฟนตาซีของนางเอกกับแนวรวมทีมอาชญากรรมของแก๊งโจรอีกาเป็นเส้นเรื่องหลัก โดยที่ทั้งสองเรื่องนี้จะมาบรรจบกันภายหลัง (แก๊งอีกาจะสนุกและเท่กว่าแนวแฟนตาซีของนางเอก) ด้วยความที่ตัวละครเยอะมาก แถมแบ่งกลุ่มซอยเรื่องเป็นคู่แยกกันอีก ทำให้ต้องเล่าเรื่องสลับกันบ่อยจนดูแล้วรำคาญอยู่บ้าง แต่ทั้งหมดก็ถูกทำออกมากระชับไว ไม่ยืด เน้นแต่เนื้อๆ เพียงแค่ 7 ตอนเรื่องราวของแดนพยับเงาก็จบลงในซีซั่นนี้ ก่อนค่อยๆ ปูไปสู่ภาคใหม่ที่เว่อร์วังอลังการกว่าในตอนท้ายของ EP8 ฉีกแนวเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมดได้น่าติดตามมาก!
Overall
8.5/10User Review
( vote)Pros
- ฉากแฟนตาซีเยอะขึ้นอลังขึ้น
- จบเรื่องราวหลักของแดนพยับเงา
- เพิ่มตัวละครใหม่หลายตัว
- มีพากย์ไทย
Cons
- ฉากรักยังถูกยัดมาเยอะมาก
- สลับเรื่องบ่อยจนดูแล้วรำคาญอยู่บ้าง
- เส้นเรื่องคนรักนีนาแยกออกไปจนเป็นส่วนเกินเรื่อง
Shadow and Bone SS2 ตำนานกรีชา ซีซั่น 2 ภาคต่อซีรีส์จากนิยายแฟนตาซีวัยรุ่นชื่อดัง สงครามในตำนานระหว่างเจ้าแห่งความมืดกับผู้ใช้พลังสุริยะ พร้อมปิดฉากเรื่องราวทั้งหมดลงในซีซั่นนี้
รีวิว Shadow and Bone SS2
อาลีนา สตาร์คอฟและมัล โอเร็ตเซฟจะต้องรวบรวมพันธมิตรใหม่ที่ทรงพลังและเริ่มเดินทางท่องไปทั่วทวีปเพื่อตามหาสิ่งมีชีวิตในตำนาน 2 ตัวที่จะเพิ่มพลังให้กับเธอ จึงจะมีโอกาสต่อกรกับนายพลคิริแกนได้ ส่วนสถานการณ์ในเคตเทอร์ดัมนั้น การปล้นสุดเสี่ยงส่งให้พวกโครว์ต้องสร้างพันธมิตรใหม่กับผู้เรียกสุริยะในตำนาน
มีไม่บ่อยนักที่ซีรีส์แฟนตาซีของ Netflix จะหลุดรอดมาสร้างภาคต่อได้โดยที่ยังคงทุนสร้าง และหลายสิ่งดีขึ้นได้ไม่เริ่มเละไปซะก่อน แม้เรื่องนี้จะมีนิยายรองรับ แต่การปรับเปลี่ยนยุบรวมเรื่องราวจากนิยายมากกว่า 1 เล่มมารวมกันในภาคเดียว แถมยังมีตัวเอกจากนิยายคนละเล่มมารวมกันในเรื่องเดียวก็ไม่น่าง่ายเลยจริงๆ แต่เรื่องนี้กลับทำได้ และทำได้ดีซะด้วย โดยในภาคนี้เรื่องราวยังแตกแยกเป็นหลายทางก่อนมารวมกันแบบเดิมเหมือนภาคแรก โดยหลักๆ จะมีกลุ่มของนางเอกที่กำลังเดินทางตามหาตัวขยายพลัง มังกรน้ำกับวิหคเพลิง ต่อจากกวางในภาคแรก เพื่อมาจัดการทำลายแดนพยับเงาที่เป็นปมสำคัญของเรื่องทั้งหมด ส่วนอีกกลุ่มคือ The crow อีกา แก๊งโจรที่ในนิยายเป็นตัวเอกแยกเล่มเลย แต่ในซีรีส์ถูกจับมามัดรวมกันเป็นเส้นเรื่องแยกออกไปอีกทาง โดยเป็นเรื่องราวการแก้แค้นกับมาเฟียที่คุมเมืองในอดีต พร้อมกับฟอร์มทีมมีสมาชิกเพิ่มขึ้นมาอีกหลายคน
ตัวเรื่องทั้ง 2 ทางนี้แรกๆ ที่ดูก็จะรู้สึกว่ามันเหมือนไปคนละทางกันเลย เพราะทางกลุ่มนางเอกคือเรื่องราวแฟนตาซีล้วนๆ มีการพบเจอโจรสลัดที่ช่วยพาไปพบสัตว์วิเศษที่นางเอกตามหา ซึ่งเรื่องไม่ยืดเยื้อเลยเพราะแค่ EP2 ก็จะจบเรื่องมังกรน้ำแล้ว ก่อนไปต่อที่วิหคเพลิงที่เป็นความลับสำคัญของเรื่อง และเป็นคีย์ที่ผูกเรื่องราวเข้ากับความรักของนางเอก ที่บทในภาคนี้กับมัลเน้นเลิฟซีนฉากจูบมากมายทุกตอน แบบเยอะสุดๆ จนไม่รู้ว่าจะใส่มาทำไมขนาดนั้น แต่ทั้งหมดก็เพื่อดึงให้เรื่องราวขมวดเขากับปมสุดท้ายที่ความรักของนางเอกกับมัลคือตัวตัดสินชะตากรรมของโลกนี้ โดยมีเรื่องเยื่อใยรักกับนายพลคิริแกนหลงเหลือติดมาเป็นระยะๆ แต่ก็ไม่ถึงกับรักสามเส้าให้ดูน้ำเน่าเข้าไปอีก (นายพลคิริแกนภาคนี้ยังไม่ถึงกับร้ายเต็มตัว ยังมีส่วนดีปนอยู่แบบภาคแรก) ซึ่งบทสรุปของเรื่องราวแดนพยับเงาก็จะจบลงที่ซีซั่นนี้เลยครับ
ส่วนทางของอีกานี่คือแนวรวมทีมมิชชั่นอิมพอสซิเบิลแฟนตาซีนิดๆ ที่ดูแล้วฉีกออกจากส่วนของนางเอก แต่กลับทำได้สนุกกว่ามาก ตัวละครแต่ละตัวเท่ มีปมเรื่องมากมายที่บีบคั้นเรื่องราวให้ตึงเครียดและน่าติดตาม ทั้งยังเสริมด้วยเรื่องราวความรักของคนในทีม อย่างนีน่ากับคาซที่เป็นหัวหน้าทีมขาเป๋ ที่ดูแล้วอึดอัดแต่ก็น่าเห็นใจ แต่ที่เด่นจริงๆ คือเจสเปอร์ นักแม่นปืน ที่ในภาคแรกก็ขโมยซีนเขาไปหมด มาภาคนี้ยิ่งเด่นขึ้นไปอีก โดยมีความลับเรื่องชาติกำเนิดกับความสามารถพิเศษของเขาเพิ่มให้เราได้รู้ ซึ่งทำให้ตัวละครนี้ทั้งเก่งทั้งเท่สุดๆ ขึ้นไปอีก จนเชื่อเลยว่าที่เน็ตฟลิกซ์วางแผนสร้างภาคแยกทีมนี้ก็ทำได้แน่ๆ และยังมีตัวละครเก่าจากภาคแรกนักทำระเบิดที่มาภาคนี้ได้เข้ามาร่วมทีมจริงจัง แล้วก็เป็นตัวละครที่ช่วยพลิกเกมหลายครั้ง ทั้งยังเป็นแนวเกย์กับเจสเปอร์ที่เน็ตฟลิกซ์ชอบทำ แต่เอาว่าไม่น่าเกลียด ออกมาแบบรับได้ว่ามีส่วนช่วยให้เรื่องราวของเจสเปอร์มีความสำคัญมากขึ้นไปอีก (สองคนนี้กลายเป็นคู่หูกันตลอดเรื่อง)
จริงๆ ยังมีเส้นเรื่องส่วนของนีน่ารักกับคนอีกเผ่าที่ติดคุกอยู่ แต่ว่าเรื่องราวในส่วนนี้เหมือนผู้สร้างตั้งใจทำไว้เสริมแค่นั้นจริง เพราะไม่ได้มีส่วนมาเกี่ยวข้องกับเส้นเรื่องหลักเลยแม้แต่น้อย และยังปล่อยทิ้งไว้ไม่จบเหมือนสองเรื่องหลักที่สุดท้ายมารวมกัน แต่เส้นเรื่องนี้คือเอกเทศไปเลย แต่ออกมาสั้นๆ ไม่กินเวลามากก็เลยทำให้ไม่รู้สึกว่ามีปัญหาอะไรนัก
ในส่วนของฉากแฟนตาซีภาคนี้จัดเต็มกว่าภาคก่อนมาก ตั้งแต่นางเอกที่มีสกิลต่อสู้ด้วยพลังแสงเพิ่มขึ้น พลังใหม่ของนายพลคิริแกนที่สร้างเงาอมตะขึ้นมาเป็นบอดี้การ์ดส่งไปไล่ล่าใครก็ได้ กับลูกน้องของนายพลที่แต่ละคนจะได้บัฟพลังขึ้นกันหมดทั้งทีม ทำให้ฉากน้ำแข็ง ลม ไฟ มีท่าใหม่ๆ โดดเด่นขึ้นไปอีก นอกจากนี้ก็ยังมีตัวละครโจรสลัดที่มีพลังต่อสู้กับพลังของกรีชารวมกัน และตัวเรื่องยังพาไปพบกับเผ่าชูฮันที่เป็นเชื้อชาติของนางเอก ซึ่งจริงๆ ก็คือคนจีนนี่แหละ แล้วก็มีตัวละครใหม่ระดับตำนานปรากฎขึ้นที่นี่แบบสกิลเว่อร์วังมากระดับเกินนายพลคิริแกนอีก ซึ่งน่าจะถูกนำไปใช้ในภาคต่อไปด้วย
ตัวเรื่องจบเรื่องราวของแดนพยับเงาซึ่งรวมถึงนายพลคิแกนที่ EP8 ตอนต้นๆ เลย ก่อนปล่อยยาวให้เนื้อเรื่องที่เหลือเกือบชั่วโมงเป็นช่วงแฮปปี้เอนด์ดิ้ง ที่ดูแล้วเหมือนจะจบลงทั้งหมดแบบดีๆ แต่จุดเซอร์ไพรส์คือส่วนนี้แหละ เพราะนี่คือการปูไปสู่ภาคใหม่ที่เว่อร์วังอลังการกว่า ชนิดที่แดนพยับเงาที่ว่าเว่อร์แล้วก็ยังไม่เท่า และยังฉีกแนวตัวนางเอกตอนท้ายได้ชนิดที่คาดไม่ถึง เป็นความกล้าหาญมากที่พาเรื่องราวมาแนวนี้ได้ เรียกว่าแทบอดใจรอไม่ไหว คงต้องหานิยายมาอ่านต่อแทนแล้วล่ะครับ