รีวิว SHE SS1-2 โสเภณีสายลับ 2 หน้า กับเกมกลตัณหาราคะปะทะอาชญากรอัจฉริยะในตำนาน (จบสมบูรณ์)

SHE ซีรีส์ Netflix ของอินเดีย เรื่องราวของ “ภูมิ” ตำรวจจราจรหญิงที่ต้องผันตัวมาเป็นสายสืบในคราบหญิงโสเภณี เพื่อตามจับอาชญากรยาเสพติดข้ามชาติ แต่เธอกลับถลำลึกลงไปในตัวตนนี้มากขึ้นเรื่อยๆ

ตัวอย่าง SHE (Netflix)

รีวิว SHE SS1

หมายเหตุ:มีสปอยล์เนื้อเรื่องช่วงแรกบางส่วน แต่ไม่มีจุดหักเหสำคัญในเรื่อง

แว่บแรกเลยนี่เป็นซีรีส์อินเดียที่ทั้งชื่อเรื่องและหน้าปกจืดชืดไม่มีแรงดึงดูดให้น่าสนใจเลยแม้แต่น้อย แต่พอได้ดูกลับพบว่าตัวเรื่องภายในมีความน่าสนใจและเรื่องค่อนข้างซับซ้อนซ่อนเงื่อนกว่าที่คิด โดยเป็นเกมเชือดเฉือนกันระหว่างตำรวจกับอาชญากรที่เข้าขั้นอัจฉริยะ นี่จึงเป็นซีรีส์แนวอาชญากรรมระทึกขวัญที่นับว่าแปลกใหม่พอสมควรกับการให้ตัวเอกเป็นผู้หญิงที่หน้าตาธรรมดา แต่ต้องค่อยๆ พัฒนาการขึ้นมาเป็นสาวเซ็กซี่ที่เต็มไปด้วยมารยาเพื่อปลอมตัวเป็นโสเภณีเข้าไปสืบความลับค้นหาหัวหน้าแก๊งอาชญากรข้ามชาติในตำนาน ที่ไม่แน่ใจว่ามีอยู่จริงหรือไม่ ผ่านคำสารภาพของอาชญากรตัวเอ้ในแก๊งที่ถูกจับได้ และกลายเป็นเกมจิตวิทยาระหว่างตำรวจกับอาชญากรตัวร้าย ที่มีแผนซ่อนอยู่ในเบื้องหลังคำรับสารภาพนี้อีกชั้น

ซีรีส์จับเอาเรื่องสาวอินเดียที่ดูเหมือนไร้เสน่ห์ดึงดูดเพศชายมาเป็นตัวเอกของเรื่อง ซึ่งดาราที่เล่นก็ค่อนข้างหน้าตาธรรมดาเช่นกัน (รับบทโดย Aditi Sudhir Pohankar) แต่เมื่อได้ดูจริงๆ ก็คิดว่าเหมาะสมลงตัวดี เพราะตามบทเธอคนนี้ต้องเป็นตำรวจสาวที่หน้าตาธรรมดาทั่วไป แต่มีเสน่ห์จากรูปร่างส่วนสูงได้สัดส่วนและการแสดงออกทางร่างกายที่เย้ายวนใจ หลังจากที่เธอรับบทโสเภณีจนค่อยๆ รู้สึกถึงตัวตนที่เก็บซ่อนมาช้านาน และตรงนี้ก็เป็นหนึ่งในปมปริศนาสำคัญของเรื่องนี้ที่จะมีเฉลยในภายหลัง ซึ่งเป็นการผูกปมความต้องการทางเพศของผู้หญิงเข้ากับเรื่องราวอาชญากรรมได้อย่างน่าสนใจในแนวสายลับ และไม่ได้เดินเรื่องแบบแฝงตัวธรรมดาทั่วไป แต่มาในรูปของการใช้เสน่ห์จริตมารยาหญิงเพื่อตามล่าหาตัวอาชญากรลึกลับที่มีเบาะแสเป็นจุดอ่อนเพียงอย่างเดียวคือการติดหิ้วโสเภณีข้างทางไปเสพสุข ในขณะเดียวกันตัวเธอก็ยังตกเป็นเป้าหมายของ “สาสยา” อาชญากรอีกคนที่มีมันสมองปราดเปรื่อง แต่พลาดท่าถูกเธอจับได้ และก็บอกกันตรงๆ แบบท้าทายเลยว่าสักวันเขาจะสานสัมพันธ์มี SEX ที่ค้างคากับเธอให้สำเร็จ ทั้งๆ ที่ตัวเองถูกจับขังอยู่ในคุก

หนังใช้ตัวละครไม่กี่ตัวเดินเรื่องราวหลักได้อย่างน่าสนใจ นอกจากเรื่องราวหลักชีวิตของนางเอกแล้ว ก็มีตัวสำคัญในเรื่องอย่าง สาสยา เป็นตัวเดินเรื่องหลักอีกตัว ซึ่งนักแสดงเล่นได้อย่างมีเสน่ห์ลุ่มลึกน่าสนใจตั้งแต่เริ่มเรื่อง โดยผ่านการเจรจากับตำรวจเล่าเรื่องราวถึงตัวละครลึกลับ “นายัก” บอสใหญ่ขององค์กรอาชญากรรมในมุมไบ ที่วางแผนสร้างเครือข่ายค้ายาระดับทวีปขึ้นมา ซึ่งหนังเล่นกับคำให้การของสาสยาที่เปิดเผยออกมาได้อย่างน่าเชื่อถือ เพื่อแลกกับการเป็นสายให้ตำรวจจับบอสใหญ่ในตำนาน แต่อีกมุมหนึ่งก็รู้สึกเคลือบแคลงไปพร้อมกันว่าเขาวางแผนอะไรอยู่ หรือตัวตนจริงๆ ของนายักก็อาจจะไม่มีจริงก็ได้ หรือแม้แต่สาสยาเองนั่นแหละที่เป็นบอสใหญ่ตัวจริง ซึ่งการเดินเรื่องแบบนี้มีความคล้ายกับหนังดัง The Usual Suspects อยู่ไม่น้อย (แต่เรื่องราวไม่ได้จบแบบเดียวกัน ไม่ต้องห่วงว่าจะถูกสปอยล์ครับ)

แต่ทั้งนี้ตัวซีรีส์ไม่ได้เป็นแนวแอ็กชั่น ไม่มีฉากยิงดวลปืนกันอะไรกันเลยแม้แต่น้อย เรื่องราวเดินไปในแนวดราม่าทริลเลอร์ที่ค่อยๆ ปูเรื่องราวปัญหาชีวิตสมรสกับครอบครัวของนางเอกที่มีปัญหาเรื่อง SEX กับสามีจนต้องหาทางหย่าร้างไปพร้อมกับโลกอีกด้านที่นางเอกรับบทโสเภณี และค่อยๆ ก้าวขาเข้าไปในโลกอาชญากรรมที่ห้ามพลาดเผยตัวตนออกไป เรื่องราวมีความระทึกเล็กๆ ตลอดเรื่อง อาจจะไม่มาก แต่ก็ดูสนุกจากการที่ได้เห็นนางเอกหน้าตาธรรมดาบ้านๆ แต่ค่อยๆ แปลงโฉมสวยขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับจริตมารยาผู้หญิงในแบบโสเภณี ที่เป็นเหมือนด้านดาร์คของเธอที่ถูกปลดปล่อยหลังจากซุกซ่อนอยู่ในตัวมาช้านาน แต่ก็ไม่ได้ทำออกมามีฉากโป๊เปลือย 18+ ให้เห็น อย่างมากสุดแค่ถอดหมดเหลือแต่ชุดชั้นในเท่านั้น ในขณะที่ตัวตนนี้เองก็ถูกนำไปใช้ในเกมจิตวิทยาตามล่าหาอาชญากรอัจฉริยะที่ซ่อนอยู่ในเรื่องอย่างมีความหมาย พร้อมกับจบเรื่องราวแบบมีว้าวเล็กๆ กับตอนจบที่เหนือกว่าที่คาดไว้ และก็ผูกโยงเข้ากับประเด็นตัณหาราคะได้อย่างลงตัว เป็นการจบแบบแนวปลายเปิดให้คิดว่าจบได้เลยในตัวหรือจะมีต่อก็ได้ แต่รับรองว่าไม่ค้างคาแน่นอนครับ

รีวิว SHE SS2 

เรื่องราวต่อจากตอนจบของซีซั่นแรกเลย เมื่อภูมิเปลี่ยนฝ่ายไปอยู่กับนายัก แล้วกลับมายังกรมตำรวจอีกครั้ง กลายเป็นสายลับสองหน้าที่สุดท้ายแล้วเธอจะออกจากวงจรชีวิตนี้ได้อย่างไร

ซีซั่นนี้แบ่งเรื่องเป็นครึ่งแรกครึ่งหลัง โดยครึ่งแรกคือเรื่องราวต่อกันจากตอนจบ ซึ่งคนดูก็คงช็อคพอสมควรกับการที่นางเอกพลิกเปลี่ยนฝ่ายไปเป็นอาชญากรซะเอง ซึ่งมาในซีซั่นนี้ครึ่งแรกเรื่องราวยังกลับมาที่ภารกิจแบบเดิมคือการเข้าถึงนายัก ที่ฝ่ายตำรวจเองก็เริ่มไม่มั่นใจว่านี่ภูมิทรยศพวกเขาหรือไม่ ซึ่งเรื่องราวดำเนินไปแบบพลิกไปพลิกมาหลอกคนดูตลอด นาทีหนึ่งคุณอาจจะเชื่อว่านางเอกย้ายฝั่ง แต่อีกนาทีก็จะรู้สึกว่าไม่ใช่นางเอกยังเป็นตำรวจอยู่ แต่แค่เริ่มหลงไหลในด้านมืดจนตัวตนที่สวมกลายเป็นเนื้อเดียวกับตัวจริง แต่เธอก็ยังมีจิตใจของตำรวจอยู่ ฉากอีโรติกในซีซั่นนี้จะเยอะมากกว่าซีซั่นแรกด้วย ซึ่งครึ่งแรกนี้ช่วงต้นๆ จะเอารูปแบบการที่นางเอกต้องปลอมตัวเป็นโสเภณีไปเดินถนนเพื่อล่อนายักเหมือนเดิม แต่เรื่องพัฒนาขึ้นตรงมีตัวละครใหม่ๆ เข้ามาอย่าง แมงดาคุมถิ่น คุณโสเจ้าถิ่น และตัวละครใหม่กระเทยที่ตามเกาะติดชีวิตของเธอโดยไม่ทราบจุดประสงค์ ซึ่งตัวละครพวกนี้จะถูกนำไปใช้ในครึ่งหลังเป็นส่วนสำคัญของชีวิตนางเอกที่เปลี่ยนไปจากตอนนี้อย่างสิ้นเชิง เรื่องราวในครึ่งแรก 3 ตอนแม้จะเดินเรื่องไปคล้ายๆ แบบเดิม โดยเรื่องราวมีการตัดสลับฉากไทม์ไลน์อื่นมาแทรกจนอาจจะงงอยู่บ้าง แต่รับรองเลยว่าคนดูจะเดาไม่ได้ว่าจริงๆ แล้วเธอเป็นฝ่ายไหนกันแน่พร้อมจบครึ่งแรกด้วยบทเฉลยที่เคลียร์ฉากที่ตัดสลับมาให้คนเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดได้อย่างลงตัว

เนื้อหาต่อจากนี้มีสปอยล์จุดพลิกครึ่งแรก

ในครึ่งหลังเรื่องราวจะไปเน้นที่การเป็นอาชญากรเต็มตัวของนางเอกโดยจบแผนการตามล่านายักไปแล้ว กลายเป็นด้านมืดที่นางเอกถลำไปแบบกู่ไม่กลับ มันอาจจะดูสวยงามน่าพึ่งพอใจกับอำนาจเงินที่นางเอกมี โดยมีนายักเป็นคนคุ้มครองเธออีกทีในธุรกิจมืด แต่แล้วเธอก็เริ่มเห็นผลร้ายของด้านนี้กลับมาจากการกระทำของเธอเอง รวมถึงการที่นายักต้องการเปลี่ยนให้เธอเป็นแบบที่เขาต้องการเต็มตัวด้วยการให้ลงมือฆ่าคนที่รัก ทำให้เรื่องราวจากนี้ไปคือการหนีออกจากด้านมืดที่เธอหลงเข้าไป กลายเป็นภารกิจสุดท้ายที่ต้องปิดจ๊อบจัดการนายัก โดยบทบาทของทีมตำรวจจะกลับมาช่วงหลัง ซึ่งเธอจะพลาดไม่ได้ และก็ต้องหาทางออกจากชีวิตตำรวจธรรมดาที่เธอรู้สึกว่าไม่พอใจกับมันไปด้วย 

ครึ่งหลังเรื่องราวจะไม่ค่อยซับซ้อนมาก มีการนำตัวละครใหม่จากครึ่งแรกมาร่วมทีมกับนางเอก แต่ว่าก็ไม่ได้ลงลึกอะไรมากเพราะเรื่องราวต้องการแค่แสดงให้เห็นว่าด้านมืดที่นางเอกเข้าไปเต็มตัวผลลัพธ์เป็นยังไงแค่นั้น แต่ไปโฟกัสที่ตอนใกล้จบที่นางเอกต้องพยายามหาทางออกจากชีวิตสองด้านเป็นทางสายใหม่ให้ได้ ซึ่งตอนสุดท้ายเรื่องราวจะตัดกระโดดไปในอนาคต

5 ปีหลังจากนั้นเลย แล้วก็เล่าย้อนกลับมา อาจจะไม่พีคอะไรมากเพราะเรื่องปูทางมาแบบคนดูน่าจะคาดเดาได้แล้วว่าจะจบลงยังไง แต่ก็เป็นตอนจบที่ค่อนข้างลงตัวสมเหตุผลกับเรื่องราวทั้งหมดที่ปูมา

ถือเป็นซีรีส์ที่จบสวย อาจจะไม่มีแอ็กชั่นเร้าใจอะไร เพราะเรื่องราวดำเนินไปแนวเกมชิงไหวพริบมากกว่า ไม่มีอารมณ์ยืดเยื้อ สนุกในระดับมาตรฐานที่ดีพอคุ้มค่ากับการรับชมครับ

• ติดตามรีวิวหนัง Netflix ในเว็บไซต์คลิกที่นี่