รีวิว Skull Island Netflix แอนิเมชั่นมอนสเตอร์ที่ทำออกมาเป็นหนังเด็กมากๆ
Skull Island
Summary
ผลงานแอนิเมชั่นทุนต่ำ ที่เอาชื่อเสียงของ Kong: Skull Island มาขาย ล่อให้คนมาดู แต่เนื้อเรื่องแย่มาก หาความสนุกไม่มี ไม่ได้ให้อารมณ์ระทึกขวัญใดๆ เลย มอนสเตอร์ออกแบบมาดูเป็นหนังเด็กมาก และไม่มีมอนสเตอร์จากหนังต้นฉบับมาปรากฎตัวเลย มีเพียงแค่ Kong ซึ่งก็ไม่มีความน่าเกรงขามใดๆ เหลือเลย แนะนำข้ามไปเลยดีกว่า แม้คุณจะเป็นแฟนหนังต้นฉบับมามากแค่ไหนก็ตามครับ
Overall
5/10User Review
( vote)Pros
- สปินออฟเล่าเรื่องใหม่จาก Kong: Skull Island
- มีพากย์ไทย
Cons
- มอนสเตอร์ดีไซน์ได้แย่มาก ไม่มีความน่ากลัว
- งานแอนิเมชั่นหยาบไม่สวย
- เนื้อเรื่องแย่ ไม่มีความสนุก
Skull Island แอนิเมชั่น Netflix จากหนังในจักรวาลของค่าย Legendary Pictures กับ Warner Bros. Pictures ซึ่งก็คือการต่อยอดจาก Kong: Skull Island ปี 2017 โดยได้ผู้สร้างที่ชื่อ Brian Duffield อดีตเคยเป็นมือเขียนบท Love and Monsters The Babysitter มารับหน้าที่เขียนบทและกำกับทั้งหมดในแอมิเนชั่นเรื่องนี้ โดยเป็นเรื่องราวใหม่เลยของคนกลุ่มหนึ่งที่ไปติดเกาะกระโหลก ก่อนจะพบกับ Kong และสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์มากมายในที่แห่งนี้
รีวิว Skull Island (ไม่สปอยล์)
สำหรับคนที่คาดหวังว่าเรื่องนี้จะให้อารมณ์ระทึก ดุเดือด ออกแนวดาร์คแฟนตาซีเหมือนเป็น Kong: Skull Island ในเวอร์ชั่นแอนิเมชั่นก็ต้องเข้าใจผิดอย่างแรง เพราะเรื่องนี้ถูกทำออกมาเป็นเหมือนอนิเมชั่นให้เด็กดูซะมากกว่า แม้จะกำหนดเรตว่า 14 ปี เป็นคอนเทนต์วัยรุ่นดู แต่เนื้อหาที่ออกมามันเบามา เทียบกับแอนิเมชั่น Jurassic World: Camp Cretaceous ที่ Netflix ทำออกมาไม่ได้เลย ในกรณีของ Jurassic World ยังมีอารมณ์ความตื่นเต้นน่ากลัวคล้ายๆ หนังต้นฉบับอยู่บ้าง แต่ในกรณีของ Skull Island นี่คือหลุดทั้งอารมณ์ เนื้อเรื่อง ทุกอย่างแตกต่างจากหนังต้นฉบับ แล้วก็ไม่ได้เป็นไปในทางดีด้วย
ความแย่ของเรื่องนี้เริ่มให้เห็นตั้งแต่การเล่าเรื่องในตอนแรก ที่จู่ๆ ก็เปิดเรื่องด้วยตัวละครสาวน้อยปริศนาโดนไล่จับบนเรือแห่งหนึ่ง ก่อนเธอหนีลงเรือเล็กไปได้ แล้วก็มาเจอกับเรืออีกลำ ก่อนโดนสัตว์ประหลาดที่เหมือนปลาหมึกไล่ล่าถล่มเรือลำนี้ แล้วจู่ๆ ตัวละครในเรือทั้งสองลำก็มาโผล่ที่เกาะกระโหลกแบบข้ามอุปสรรคการเข้าถึงเกาะมาเลย แล้วจากนั้นไปก็เป็นการพยายามขายสัตว์ประหลาดแปลกๆ บนเกาะ ที่เหมือนไปจ้างเด็กน้อยมาดีไซน์มอนสเตอร์พวกนี้ เพราะแต่ละตัวนี่แทบจะเหมือนสัตว์ประหลาดในโปเกมอนซะมากกว่า หาความน่ากลัวไม่มี ความโหดก็ธรรมดาเหมือนหนังเด็ก ไม่มีฉากสยองน่ากลัวแม้แต่ฉากเดียว งานแอนิเมชั่นพวกนี้ก็ดูหยาบมาก แล้วก็ไม่มีมอนสเตอร์จากในหนังต้นฉบับมาเลยสักตัว ทั้งๆ ที่เรื่องนี้ก็เป็นผลงานจากค่ายต้นฉบับ ซึ่งเป็นสิ่งที่แปลกมาก?
ตัวเนื้อเรื่องแบ่งกลุ่มตัวละครออกเป็น 2 ฝ่าย โดยฝ่ายหนึ่งเป็นกลุ่มทหารมืออาชีพที่มาตามหาสาวน้อยปริศนาในตอนแรก โดยมีวัยรุ่นชายตัวเอกอีกคนมาร่วมทีมกับสาวน้อยปริศนา ต่างฝ่ายต่างตามหาและหลบหนีเอาชีวิตรอดบนเกาะ แต่ก็เป็นเนื้อเรื่องที่สร้างมาหลวมๆ ดูจนจบก็ไม่ได้มีความสำคัญอะไรมากเลย และยังดูเป็นส่วนเกินเมื่อเนื้อเรื่องจริงๆ ก็คือเรื่องของ Kong มากกว่า
Kong ในเรื่องนี้ถูกสร้างเรื่องราวขึ้นมาใหม่ แม้จะยังอิงทฤษฎีหลุมใต้โลก Kong เป็นราชาของเกาะนี้ มีมนุษย์มาบูชาเหมือนเดิม แต่ก็เป็นเนื้อเรื่องใหม่แตกต่างไปจากหนังต้นฉบับเลย มีการเพิ่มตัวละครสาวน้อยชาวป่ามาเป็นเพื่อนกับ Kong และก็เล่าถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่แบบแฟลชแบ็คในช่วงท้ายๆ เรื่อง เพื่อให้มาเป็นศึกล้างแค้นกับปลาหมึกยักษ์ที่โผล่มาในตอนต้นเรื่อง ซึ่ง Kong ในเวอร์ชั่นนี้คือแทบจะพูดคุยสื่อสารกับคนได้เลย มีการพยายามช่วยคนตลอดทั้งเรื่อง ไม่ได้มีภาพลักษณ์เป็นสัตว์ประหลาดมาก ทำให้ความน่าเกรงขามแบบในต้นฉบับหายไปหมดเกลี้ยง ดูแล้วเป็น Kong เวอร์ชั่นที่จืดชืดสุดๆ
แอนิเมชั่นมีทั้งหมด 8 ตอน ตอนละ 20 นาที ก่อนจบแบบค้างคาเรื่องไว้ทำต่อในซีซั่น 2 ซึ่งแม้ว่าผลงานนี้จะออกมาแย่ แต่ทาง Netflix ก็น่าจะอนุมัติให้สร้างต่อ เพราะมันเป็นผลงานทุนต่ำที่อาศัยชื่อเสียงของจักรวาล monsterverse มาใช้เรียกคนดูได้ดี และก็มีหนัง Godzilla x Kong: The New Empire ออกมาในปี 2024 ซึ่งก็น่าจะช่วยทำให้แอนิเมชั่นเรื่องนี้มียอดรับชมเพิ่มมากขึ้นไปด้วยครับ