รีวิว Sky Rojo เมื่อผู้สร้าง Money Heist พยายามเลียนแบบสไตล์ เควนติน แทแรนติโน แต่มือไม่ถึง
Sky Rojo
สรุป
ซีรีส์จากผู้สร้างทรชนคนปล้นโลก ตัวเรื่องพยายามก็อปสไตล์ เควนติน แทแรนติโน มาใช้ เป็นอาชญากรรมตลกร้าย ผ่านการผจญภัยตามล่ากันของโสเภณีกับแมงดา แต่บทยังไม่ถึงขั้นเทียบกับเควนตินได้ แต่ถ้าไม่คิดอะไรมากก็พอดูได้ ด้วยความที่ตัวเรื่องสั้นมากตอนละ 20 นาทีนิดๆ มี 8 ตอนจบซีซั่นแรก (จบค้างไม่เคลียร์)
Overall
6/10User Review
( votes)Pros
- รูปแบบหลายๆ อย่างในไสตล์ เควนติน แทแรนติโน
- เรื่องราวโลกของอาชีพโสเภณีกับแมงดา
- ผลงานของ Álex Pina ผู้สร้าง Money Heist
Cons
- บทไม่เฉียบคม แถมยังไม่ค่อยเมคเซนส์ในหลายจุด
- ตัวเอกสาวทั้งสามคนขาดเสน่ห์ดึงดูด ทั้งจากบทและตัวนักแสดงเอง
- เรื่องจบแบบไม่เคลียร์อะไรเลย ค้างคาไว้แบบไม่ลงตัว
- แฟลชแบ็คย้อนอดีตเยอะจนเรื่องในปัจจุบันไม่ค่อยมีเนื้อหาอะไรมาก
Sky Rojo แดงดั่งเพลิง ซีรีส์แนวอาชญากรรมเรื่องใหม่ของ Netflix จากผู้สร้างทรชนคนปล้นโลก ที่มาในสไลต์เดียวกับ เควนติน แทแรนติโน เรื่องราวของ 3 สาว โสเภณีที่หนีจากเงื้อมมือแมงดามาตามหาอิสระภาพเริ่มต้นชีวิตใหม่
ตัวอย่าง Sky Rojo แดงดั่งเพลิง
ซีรีส์เรื่องนี้เป็นผลงานของ Álex Pina ผู้สร้าง Money Heist หรือ ทรชนคนปล้นโลก ที่ติดอันดับ 2 ยอดผู้ชมสูงสุดของซีรีส์เน็ตฟลิกซ์ในตอนนี้ (เป็นที่ 1 มานานพึ่งโดนลูแปงล้มแชมป์ไป) ซึ่งจากความโด่งดังพลุแตกทำให้ชื่อนี้ถูกนำมาปะหน้าขายได้ในเรื่องอื่นๆ ของเขา อย่าง White Lines (คลิกอ่านรีวิวได้ที่นี่) ซึ่งสกายโรโจ้นี้ก็ถูกดันด้วยชื่อผู้สร้างมาเป็นจุดขายเช่นกัน แต่จากที่ดู White Lines มาจนถึงเรื่องนี้ ปรากฎว่ามาตรฐานงานสร้างโดยเฉพาะบทกลับไม่ดีพอสมกับชื่อที่ยกมาปะหน้าไว้ขาย
เรื่องนี้ผู้สร้างยังคงพยายามใช้บทแนวตัวเอกก่ออาชญากรรมเหมือนเดิมกับที่ผ่านมา (White Linse ก็เช่นกัน) เรียกว่าอาจจะเป็นเหมือนลายเซ็นต์หรือสูตรที่ Álex Pina ติดใจก็ได้ โดยเรื่องมีพล็อตง่ายๆ ตัวเอกเป็นโสเภณีสาว 3 คนที่บังเอิญพลาดไปทำร้ายเจ้าของคลับที่เหมือนซ่องถูกกฎหมาย จนปางตาย ก็เลยตัดสินใจหนีออกมา และหาทางเอาชีวิตรอดจากการตามล่าของสองพี่น้องแมงดาจากคลับ เพื่อหาทางเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง
แนวทางของเรื่องนี้พยายามอย่างมากที่จะเป็นแนวอาชญากรรมตลกร้ายแบบหนังของผู้กำกับ เควนติน แทแรนติโน ขนาดที่ภาพโปรโมตของเรื่องก็ใช้สไตล์ภาพโปสเตอร์หนังแอ็กชั่นเก่าๆ แบบเดียวกัน (อย่างปกของงานนี้) บทก็แทรกตลกร้ายในขณะที่ทั้งตัวเอกตัวร้ายก่ออาชญากรรมไปพร้อมกัน โดยเล่าเรื่องในปัจจุบันที่มีการตามล่าสามสาวไปเรื่อยๆ พร้อมกับย้อนเล่าเรื่องอดีตตั้งแต่กำเนิดของคลับ ที่มาตัวร้ายแต่ละคน รวมถึง 3 สาวตัวเอกด้วยว่ามาลงเอยที่คลับนี้เป็นโสเภณีได้ยังไง ซึ่งพวกตลกร้ายในเรื่องก็จะเทไปทางแนวลามกเกี่ยวกับชีวิตโสเภณีซะส่วนใหญ่ ซึ่งก็ไม่ได้ตลกอะไรนัก ออกแนวรันทดแบบฝืดๆ ในขณะที่เรื่องก็พยายามใส่ดราม่าปมปัญหาโสเภณีลงไปให้ดูน่าสงสาร น่าเห็นใจกับชะตากรรมที่ไร้ทางออกในเรื่อง ไม่เว้นแม้แต่แมงดาที่ตามล่ามาจนถึงเจ้าของคลับ กลายเป็นทุกคนมีปมปัญหาด้วยกันทั้งนั้น จนกลายเป็นเรื่องเหมือนพยายามให้ทุกคนดูเทาๆ เป็นตัวละครร้าย แต่ก็มีมุมที่น่าเห็นใจกลับมาด้วย เพียงแต่บทไม่สามารถทำให้คนดูอินอะไรได้มากนัก เนื่องจากตัวเรื่องสั้นตอนละ 20 นาทีนิดๆ แล้วก็พยายามยัดดราม่าเหล่านี้แฟลชแบ็คกลับไปพร่ำเพรื่อ จนเรื่องในปัจจุบันไม่ค่อยไปไหน และสุดท้ายก็วนไปมาเพื่อจบลงที่คลับอีกในตอนจบ
ปัญหาอีกอย่างของเรื่องนี้ที่เห็นชัดเลยคือ ความไม่เมคเซนส์ประหลาดๆ หลายอย่าง โดยเฉพาะตัวเอกหญิงคนนำ Coral ที่วางไว้ว่าเธอติดยาด้วย กลับดูไม่มีราศรีและก็มีบทให้หลุดทำโน่นนี่แบบมั่วๆ จนงงว่าเพื่ออะไร อย่างพูดแผนตลบหลังตัวร้ายเสียงดังในผับ เอาปืนจ่อตัวร้ายไว้แล้วหนีออกมา ก็ดันไม่มัดไว้ หรือฉากแย่งปืนในเรื่องก็ชวนงงตรงที่จ่อไม่ยิงสักทีจนโดนแย่งไปง่ายๆ และอะไรอีกหลายอย่างที่เรื่องนี้พยายามใส่เข้ามาแบบแปลกๆ ดูแล้วมีเรื่องตะหงิดติดใจอยู่เรื่อยๆ แม้จะไม่ถึงขนาดแย่ แต่มันก็ทำให้รู้ว่าบทในเรื่องนี้ไม่ได้มีความคมคายอะไรมาก ไม่เหมือนบทหนังของ เควนติน แทแรนติโน ที่ดูแล้วฉลาด สมาร์ทโฉบเฉี่ยวกว่ามาก ขนาดที่ตอนจบของซีรีส์น่าจะมีอะไรที่เซอร์ไพรส์มาก แต่กลับไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่เลย จบแบบไม่น่าติดตาม ไม่ได้รู้สึกอยากดูต่ออะไรสักเท่าไหร่เลยครับ
นอกจากนี้แล้วนักแสดงในเรื่องก็ไม่ได้มีเสน่ห์ชวนมองหรือว้าวกับการแสดงได้เลยสักคน ทั้งๆ ที่บทโสเภณีตัวร้ายแบบนี้ควรจะมีดีเทียบเท่ากับโตเกียวของ Money Heist แต่กลับเลือกนักแสดงได้พื้นๆ หน้าตาอาจจะมีความแปลกจากดาราสเปน แต่ออร่าหรือเสน่ห์กลับไม่มีให้เห็นเลยแม้แต่น้อย มีแค่ตัวร้ายที่เป็นแมงดาคนพี่เท่านั้นที่ดูหล่อขรึมมีบทกับปมในใจให้เล่นมากหน่อย ที่เหลือแม้แต่บอสตัวร้ายสุดก็ไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรน่าสนใจ มีความพยายามให้บอสใช้ดาบซามูไรแบบคิลบิล แต่กลับเป็นความพยายามก็อปแนวทางเท่ๆ มาแค่นั้น
จริงๆ ถ้าเรื่องมีแนวทางของตัวเอง ไม่พยายามเป็นสไตล์ เควนติน แทแรนติโน ผู้เขียนก็คงไม่รู้สึกขัดๆ แบบนี้ แต่ถ้าคนไม่เคยดูหนังแนวๆ นี้ของ เควนติน แทแรนติโน ตัวเรื่องนี้ก็ทำออกมาแบบดูได้เพลินๆ ด้วยความที่แต่ละตอนสั้นมากแค่ 20 กว่านาที มีทั้งหมด 8 ตอนจบซีซั่น 1 จึงไม่เสียเวลามาก ก็ลองดูได้ อาจจะติดใจชอบก็ได้ครับ