playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Space Sweepers (Netflix) การ์เดียนส์ออฟเดอะกาแล็กซี่เวอร์ชั่นเกาหลีดีๆ นี่เอง (ไม่มีสปอยล์)

Space Sweepers

สรุป

หนังแอ็กชั่นไซไฟผสมตลก แนวรวมทีมฮีโร่แบบเดียวกับ การ์เดียนส์ออฟเดอะกาแล็กซี่ ของมาร์เวล ซึ่งก็ดูเพลินๆ ในแบบเดียวกัน แต่เนื้อเรื่องไม่ได้เข้มข้นมาก แม้จะมีปมชนชั้นกับอำนาจเงินกดขี่คนเป็นหัวใจสำคัญของเรื่อง ฉากแอ็กชั่นกับ CG ดูดีไม่มีหลุด คุณภาพก็สมกับเป็นหนังโรงฟอร์มใหญ่ของเกาหลีที่มาลง Netflix เพราะปัญหาโควิด 19 ซึ่งคนดูได้กำไรเต็มๆ ก็ควรค่าแก่การดูครับ

Overall
7.5/10
7.5/10
Sending
User Review
5 (2 votes)

Pros

  • งานโปรดักชั่น CG เซ็ตติ้งโลกไซไฟที่ทำออกมาดูดี
  • ปมดราม่าของพระเอกกับลูกสาวที่เป็นที่มาทำให้เขาโหยหาแต่เงิน
  • บั๊บส์หุ่นยนต์จอมขโมยซีนของเรื่อง
  • ขายฉากความน่ารักของเด็กเยอะ
  • มีเสียงพากย์ไทย

Cons

  • หลายครั้งเรื่องดูโอเวอร์หลุดจากความเป็นจริงมาก จนดูเป็นการ์ตูนไปเลย
  • บอสตัวร้ายไม่ค่อยมีมิติ เป็นตัวร้ายแบบทื่อๆ
  • ฉากเล่าปูมหลังของตัวละครอื่นนอกจากพระเอกน้อยเกินไป
  • ประเด็นชนชั้นของเรื่องไม่ค่อยเข้มข้นมาก

ADBRO

Space Sweepers ชนชั้นขยะปฏิวัติจักรวาล หนังเกาหลี Netflix แนวแอ็กชั่นไซไฟ เรื่องราวของกลุ่มคนเก็บขยะอวกาศ ที่กลายมาเป็นฮีโร่พิทักษ์จักรวาลกอบกู้โลก

 Space Sweepers (2021) on IMDb

ตัวอย่าง Space Sweepers ชนชั้นขยะปฏิวัติจักรวาล

หนังโรงเกาหลีปี 2020 ที่มีปัญหากับโควิดจนออกฉายไม่ได้ สุดท้าย Netflix ซื้อมาแบบ Exclusive ฉายในระบบ ซึ่งเรื่องนี้เป็นแนวไซไฟในอวกาศของเกาหลีแบบเต็มรูปแบบที่ไม่ได้มีมาก่อน และถูกมองว่าเป็นหนังฟอร์มยักษ์เรื่องหนึ่งจากทุนสร้าง 21.2 ล้านเหรียญ

เนื้อเรื่องถูกเซ็ตไว้ในปี 2092 ที่ต้นไม้บนโลกเติบโตไม่ได้เนื่องจากทะเลทรายขยายตัว ดินเป็นกรด แสงแดดอ่อน ทำให้อากาศบนโลกมีปัญหา ผู้คนต้องสวมหน้ากากกรองเพื่อช่วยหายใจ ผู้คนไร้ทางออก จนได้บริษัท UTS ที่มีเจมส์ ซัลลิแวน เป็นเจ้าของสร้างอาณานิคมในอวกาศรอบวงโคจรโลกที่มีความเป็นอยู่อย่างดีเหมือนสวรรค์ แต่คัดเลือกคนขึ้นไปเป็นพลเมืองเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ประชากรที่เหลือ 90 กว่าเปอร์เซ็นต์กลายมาเป็นพลเมืองนอก UTS ซึ่งมีหน้าที่ทำงานไปกลับระหว่างโลกกับ UTS เท่านั้น ไม่สามารถอยู่อาศัยได้ ทำให้เกิดปัญหาความเหลื่อมล้ำอย่างรุนแรง และทำให้โลกกลายเป็นดาวที่ไม่มีใครมีความหวังเหลืออยู่อีกต่อไป

กลุ่มตัวเอก 4 คนในเรื่องคือพนักงานเก็บขยะอวกาศ Space Sweepers ที่เป็นชื่อเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งก็มี “แทโอ” พระเอกของเรื่องเล่นโดย ซง จุง-กี รับบทเป็นนักบินหลัก ที่มีอดีตฝังใจเรื่องลูกสาว และต้องการเงินเพื่อนำมาใช้ในการนี้ “กับตันจาง” เจ้าของยานลำนี้ เล่นโดย “คิม แทรี”  นักแสดงสาวที่เริ่มเล่นครั้งแรกจากหนังดัง  The Handmaiden ในบทสาวรับใช้ และอีกสองคนคือ “ไทเกอร์ พัค” ตำแหน่งควบคุมป้อนพลังงานเครื่องยนต์ กับ “บั๊บส์” อดีตหุ่นยนต์สงครามที่กลายมาเป็นสายบู๊นักรบประจำยาน ซึ่งทั้ง 4 คนนี้บังเอิญไปเจอกับเด็กหญิงตัวน้อยที่กุมความลับสำคัญของมนุษย์ชาติไว้ และต้องช่วยปกป้องเธอจากภัยคุกคามจากการตามล่าของผู้ก่อการร้ายที่ชิงตัวเธอมาจาก UTS

ตัวเรื่องดูเผินๆ นี่เกือบเหมือน การ์เดียนส์ออฟเดอะกาแล็กซี่ ของมาร์เวลเลยก็ว่าได้ เพราะเริ่มจากกลุ่มตัวละครที่ดูเหมือนไม่ค่อยเอาไหน แถมมีประวัติไม่ดี แต่มีทักษะเฉพาะทางโดดเด่นมารวมตัวกันเพื่อหวังเงิน แต่กลายมาเป็นทีมกู้โลกกู้จักรวาลกันเลยทีเดียว ซึ่งตัวเรื่องถ้าฉายโรงแล้วประสบความสำเร็จก็มีโอกาสทำต่อ เพราะบทในเรื่องนี้ถูกปูไว้ให้ทำต่อได้สบายๆ การที่เรื่องเน้นทักษะในการเก็บขยะอวกาศ ก็มีอิงที่มากับโครงสร้างเรื่องที่ว่า UTS สร้างอาณานิคมและก็ทำให้เกิดขยะจากซากชิ้นส่วนต่างๆ มหาศาลจนกลายเป็นมลภาวะขนาดใหญ่ที่มีโอกาสทำให้คนที่ใช้ชีวิตในอวกาศและบนโลกได้รับอันตรายจากการพุ่งชนได้ ซึ่งจุดนี้ก็ถูกนำมาใช้เป็นที่มาของบาดแผลในใจของพระเอกที่เกิดกับลูกสาวของเขาในเรื่องด้วย

ตัวหนังพยายามโฟกัสประเด็นสำคัญไปที่ปัญหาเรื่องชนชั้น อำนาจเงินที่ครอบงำคนได้ โดยพระเอกของเรื่องหายใจเข้าออกเป็นเงินตลอดเวลา ไม่แคร์ใครจะว่ายังไงเงินต้องมาก่อน แต่ก็เพื่อช่วยเหลือลูกสาวของเขา ส่วนเจมส์ ซัลลิแวนเจ้าของ UTS แม้จะสร้างอาณานิคมที่ดูดี มีความต้องการให้โลกของเขาเหมือนสวรรค์ แต่เจ้าตัวก็ใช้เงินดึงดูดทุกอย่างมาไว้ที่นี่ รวมถึงการใช้เงินฟาดหัวปิดปากแก้ปัญหา รวมถึงล่อหลอกคนให้เผยธาตุแท้ที่เขาเชื่อว่าใครๆ ก็ต้องการเงิน ซึ่งเรื่องราวอำนาจเงินกับระบบชนชั้นในเรื่องถูกนำเสนอออกมาหลายฉาก เป็นฉากสำคัญๆ กับการตัดสินของทีมตัวเอก เมื่อต้องเลือกระหว่างเงินกับความถูกต้อง ทีมตัวเอกในช่วงแรกจากที่หิวเงินคิดหาเงินจากเด็กที่ช่วยไว้ ก็ค่อยๆ มีโอกาสตัดสินใจใหม่ในภายหลัง แต่หนังก็ทำออกมาตามสูตรสำเร็จฮีโร่ธรรมดาทั่วไป จนเรื่องชนชั้นกับเงินตราในเรื่องออกมาแบบดูง่ายๆ ไม่ได้ต้องคิดมากหรือมีความกดดันอะไรมากมายนัก จนรู้สึกเสียดายว่าถ้าหนังตั้งใจจะเล่นเรื่องนี้จริง ก็น่าจะเข้มข้นจริงจังกว่านี้หน่อย เพราะอุตส่าห์ปูโลกอาณานิคมกับเรื่องราวความหลังที่ทีมพระเอกมีความขัดแย้งกับ UTS ไว้มากมายกว่าที่เห็นในตอนแรกแล้วแท้ๆ

แต่จุดขายจริงๆ เป็นฉากไซไฟมากกว่า ด้วยความที่เป็นหนังโรงทุนสร้างสูง คุณภาพโปรดักชั่นกับ CG จึงออกมาดี เรียกว่าโอเคเลยกับฉากไซไฟต่างๆ ไม่มีลอยหรือหลุด แทบจับผิดไม่ได้เลย เพียงแต่ว่า CG หลายฉากดูเป็นแนวเกมมากกว่าแนวสมจริง ส่วนฉากแอ็กชั่นเป็นแนวบู๊ผสมตลก แบบเดียวกับการ์เดียนส์ออฟเดอะกาแล็กซี่ โดยมีฉากยานเก็บขยะไล่ล่าแย่งชิ้นส่วนกัน เพื่อโชว์สกิลลูกเรือแต่ละคนในตอนต้น รวมถึงกลุ่มคนเก็บขยะที่มีบทบาทเสริมในช่วงหลัง ส่วนมากจะเป็นฉากยานไล่ล่ายิงกันเป็นส่วนใหญ่ นอกเหนือจากนั้นจะเป็นฉากต่อสู้กับทหารที่สวมเกราะเหมือนหุ่นยนต์ โดยมีตัวร้ายรองเป็นสาวฝรั่งสวมเกราะ ที่เห็นแค่ใบหน้าเพียงบางส่วน ซึ่งทำออกมาดีมาก มีฉากโชว์สกิลของนางเยอะ มีความโหด มีฉากต่อสู้แบบเจอทีมตัวเอกรุมก็ยังเอาไม่ลง แต่ตัวร้ายหลักเองกลับไม่มีฉากต่อสู้อะไรเลย แม้จะพยายามปูว่าน่าเกรงขามมากด้วยบางอย่างในร่างกายที่น่าจะพิเศษกว่ามนุษย์ปกติ แต่พอไคลแม็กซ์ของเรื่องกลับมีแค่ฉากยานไล่ล่ากันแบบที่เห็นมาตลอดเรื่อง และก็จบแบบง่ายๆ ไม่ได้มีความน่าตื่นเต้นอะไร นอกจากบทซึ้งๆ ให้กับทีมพระเอกมากกว่า

สาวตัวร้ายรองของเรื่องที่พูดน้อยต่อยหนัก มีซีนแอ็กชั่นเยอะมาก

ตัวละครหลักอย่างแทโอถูกปูให้มีเรื่องฝังใจกับลูกสาวเป็นเมนหลักของเรื่องที่เชื่อมโยงกลับมายังเด็กสาวตัวน้อยที่พบเจอ และก็เริ่มกลายเป็นความผูกพันกับพระเอกและคนในทีม ซึ่งตัวหนังก็พยายามขายซีนน่ารักๆ ของเด็กกันเต็มที่  มีฉากนอกเรื่องลากยาวกับเด็กจนรู้สึกว่ายัดเยียดเกินไปหน่อยเหมือนกัน ส่วนบทลูกสาวของแทโอเป็นเรื่องราวสำคัญในอดีตที่แฟลชแบ็คกลับไปเป็นช่วงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น และมีความทรงจำดีๆ อะไรต่อกัน ซึ่งส่วนนี้เองถือว่าทำออกมาได้ดี มีความลึกซึ้งในเรื่องราว ช่วยให้หนังดูมีอะไรมากขึ้น

ตัวละครอื่นอย่างกับตันจางกับพัค บทก็พยายามเขียนให้มีเรื่องราวความหลังก่อนมาทำงานเก็บขยะแบบซีเรียสจริงจัง แต่ด้วยความที่เรื่องโฟกัสหลายจุด ก็เลยมีแค่ฉากสั้นๆ กับเรื่องราวบอกเล่าความเป็นมาพอให้รู้นิดหน่อย ซึ่งกลายเป็นการปูแบบที่ไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับเรื่องสักเท่าไหร่ แถมยังดูแปลกๆ กับความโหดของปูมหลังทั้งคู่ ที่มาตอนนี้กลายเป็นรักเด็ก ช่วยโลก พลิกกลับได้ในเวลาแค่ไม่กี่ปีได้ยังไง แม้จะเข้าใจว่านี่เป็นหนังฮีโร่ทีมพระเอกต้องเป็นคนดีก็ตาม

แต่ตัวละครที่เด่นแบบขโมยซีนและน่าจะถูกใจคนดูท่ีสุดคือ “บั๊บส์” อดีตหุ่นยนต์สงครามที่กลายมาเป็นลูกเรือ มีฉมวกเก็บขยะเป็นอาวุธต่อสู้ ซึ่งมีซีนให้บั๊บส์โชว์ฉากบู๊นอกยานกับเต็มที่ ถึงขนาดคนเดียวถล่มกองยานรบได้เลย ซึ่งดูเว่อร์มากเกินไปเหมือนกัน นอกจากนั้นบั๊บส์เองยังรับบทเป็นตัวยิงมุกตลกต่างๆ อยู่ตลอดเวลา ซึ่งเจ้าตัวไม่ได้จะให้ขำ แต่มันขำเพราะความทื่อๆ ซื่อๆ จากการที่บั๊บส์เป็นหุ่นพูดมาก และก็ตั้งใจหาเงิน เก็บเงินสุดๆ จนเป็นเหมือนคนจริงๆ มากกว่าหุ่น ซึ่งในตอนจบของเรื่องเราก็จะได้เห็นว่าบั๊บส์เอาเงินไปทำอะไร ซึ่งก็ชวนขำนิดๆ ในความเป็นเกาหลีจ๋าของเรื่อง

นี่เป็นหนังโรงที่คนดูเน็ตฟลิกซ์ได้กำไรจากปัญหาโควิด 19 มาลงในนี้แทนไม่ต้องเสียตังตีตั๋ว ดูเพลินๆ ยาวสองชั่วโมงกว่าก็ถือว่าคุ้มค่าเลยครับ แต่อาจจะไม่ได้มีอะไรประทับใจมาก เพราะหนังทำออกมาเป็นสูตรสำเร็จย่อยง่าย แบบหนังฮีโร่ทั่วไปจากมาร์เวล แต่มาเป็นทีมเกาหลีฮีโร่ปกป้องจักรวาลแทนเท่านั้น

อ่านรีวิวหนัง Netflix ในเว็บไซต์เพิ่มเติมคลิกที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!