รีวิว Spaceman (Netflix) งานอาร์ตๆ ของอดัม แซนด์เลอร์ที่เน้นบทพูดคุยปัญหาชีวิตรักกับเอเลี่ยน
Spaceman
Summary
หนังดราม่าชีวิตรักผ่านตัวละครนักบินอวกาศที่มีเอเลี่ยนแมงมุมเป็นเหมือนจิตแพทย์คุยช่วยเหลือตัวเอกไปตลอดเรื่อง หนังทำส่วนนี้ออกมาดี ไม่ได้ดูเข้าใจยาก มีความสนุกกับจินตนาการที่หนังนำเสนอเอเลี่ยนได้แปลกใหม่ แม้มีรูปลักษณ์แบบแมงมุมแต่ก็ถ่ายทอดอารมณ์ออกมาได้เหมือนเป็นตัวละครคน แต่หนังก็มีช่วงที่น่าเบื่อของภรรยาตัวเอกที่อยู่บนโลก และยังเป็นหนังที่ต้องตีความเองในหลายครั้ง ซึ่งอาจจะไม่เหมาะกับผู้ชมส่วนใหญ่นัก
Overall
6.5/10User Review
( vote)Pros
- ดราม่าชีวิตรักนักบินอวกาศผ่านการพูดคุยกับเอเลี่ยน
- นักแสดงอดัม แซนด์เลอร์
- เรื่องใช้จินตนาการผู้ชมร่วมด้วยมาก
- งานโปรดักชั่น CG เอเลี่ยนออกมาดี
- มีพากย์ไทย
Cons
- หนังเน้นบทพูดทั้งเรื่อง
- มีช่วงเรียบๆ จนน่าเบื่อของตัวละครภรรยาบนโลก
- ต้องตีความเองในหลายฉาก
Spaceman ภาพยนตร์ Original Netflix เรื่องราวของนักบินอวกาศผู้โดดเดี่ยวห่างไกลจากโลกและยังต้องบอบช้ำจากความรักกับภรรยา จนกระทั่งการมาของเอเลี่ยนแมงมุมที่เขาพบในยานช่วยมาฟื้นฟูจิตใจแตกสลายของเขา
รีวิว Spaceman
หกเดือนในภารกิจวิจัยโดดเดี่ยวบนขอบของระบบสุริยะ นักบินอวกาศ ยาคุบ (Adam Sandler) ตระหนักดีว่าการแต่งงานที่เขาทิ้งไว้เบื้องหลังอาจไม่รอเขาอยู่เมื่อเขากลับมายังโลก ด้วยความสิ้นหวังที่จะแก้ไขปัญหาต่างๆ กับภรรยาของเขา เล็งกา (Carey Mulligan) เขาได้รับความช่วยเหลือจากสิ่งมีชีวิตลึกลับที่มีรูปร่างเป็นแมงมุมยักษ์ (พากย์เสียงโดย Paul Dano) เพื่อทำความเข้าใจถึงสิ่งที่ผิดพลาดก่อนที่จะสายเกินไป กำกับการแสดงโดย Johan Renck (ผู้กำกับซีรีส์ Chernobyl ของ HBO) และอิงจากนวนิยาย Spaceman of Bohemia
หนังดราม่าชีวิตรักในอวกาศอันเวิ้งว้างที่ดูเหมือนหนังอาร์ตเข้าใจได้ยาก แต่กลับดูง่ายและลื่นไหลไปกับการเล่าเรื่องชีวิตของตัวละครนักบินอวกาศที่โดดเดี่ยว และต้องพบกับเอเลี่ยนในรูปร่างแมงมุม ซึ่งในช่วงแรกหนังพยายามนำเสนอปัญหาชีวิตรักทางไกลของเขา และทางศูนย์ควบคุมที่โลกรับรู้ปัญหาที่ภรรยาของเขาขอแยกทางผ่านวิดีโอที่ติดต่อกันทางไกลจึงไม่ให้เขากับเธอติดต่อกัน แต่กลับทำให้ยาคุบเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติและวิตกกับเรื่องนี้มากขึ้นเรื่อยๆ จนทำท่าว่างานวิจัยสำรวจกลุ่มก้อนเมฆปริศนาที่กำลังจะเริ่มทำอาจจะต้องพังลงไป โดยการเดินทางนี้เป็นโครงการของยุโรปที่ได้บริษัทเอกชนเป็นสปอนเซอร์ให้ และเขาต้องโฆษณาขายสินค้านี้ไปด้วยระหว่างที่สื่อสารกลับมายังโลก โดยมีคู่แข่งเกาหลีใต้กำลังตามมาสำรวจด้วยเช่นกัน เป็นมุกตลกจิกกัดแทรกเรื่องทุนนิยมมาเล็กๆ ก่อนที่เอเลี่ยนแมงมุมก็โผล่มาแบบปุ๊บปั๊บไม่มีที่มาที่ไป
หลังมีเอเลี่ยนปรากฏตัวแบบพูดคุยได้กับตัวเอกแบบชัดเจน ทำให้เรื่องเหมือนกับว่านี่เป็นภาพหลอนที่จิตใจของเขาสร้างขึ้นมาเอง แต่เรื่องก็ไม่ได้เดินไปในแนวนั้นโดยตรง เพราะหลายอย่างก็ค่อนข้างชี้ชัดว่าเอเลี่ยนนี้มีจริงๆ แต่หนังก็ไม่ได้เฉลยจุดนี้ไว้ชัดเจน และผู้กำกับก็ยืนยันว่าต้องการให้ผู้ชมตีความกันเอง เนื้อเรื่องสามารถเป็นได้ทั้งเรื่องจริงหรือแค่จินตนาการ ซึ่งจุดนี้หนังทำได้ดีเมื่อเรื่องไม่ได้โฟกัสให้ผู้ชมหาคำตอบ แต่เป็นการปล่อยไหลไปกับเรื่องราวการพูดคุยของยาคุบกับเอเลี่ยนแมงมุม โดยเป็นภาพความคิดในจิตใจที่แมงมุมเข้าไปสำรวจและทำให้เขาเห็นปมชีวิตที่ผ่านมา เริ่มตั้งแต่เด็กว่าเขาเติบโตมาผ่านชีวิตที่พ่อมีปัญหา และการพบรักกับภรรยาได้อย่างไร จนถึงจุดหักเหเมื่อภรรยาไม่เห็นด้วยที่ยาคุบต้องมาทำภารกิจห่างไกลโดยไม่คิดถึงจิตใจของเธอ ซึ่งหนังทำให้การสนทนานี้เป็นการสำรวจตัวตนของยาคุบเอง โดยมีแมงมุมเป็นคู่สนทนาปรึกษาให้คำแนะนำติเตียนเหมือนเป็นจิตแพทย์ที่พยายามชี้ทางให้เขาเข้าใจสิ่งที่เขาทำผิดพลาดไปแบบไม่รู้ตัว เพื่อโอกาสที่สองในการแก้ไขปัญหาความรักทางไกลที่เกิดขึ้น โดยที่การสนทนานี้ก็ไม่ได้เป็นบทพูดที่ลึกให้ต้องตีความอะไรมาก ผู้ชมสามารถดูแล้วเข้าใจได้ แม้อาจจะตามคำพูดไม่ทันก็ตาม ซึ่งเรื่องนำเสนอส่วนนี้ได้ดีแบบดูเพลินๆ และก็เป็นแก่นของเรื่องที่ชวนให้คิดถึงการเกิดและจุดจบของทุกอย่าง ซึ่งเรื่องนำปรากฎการณ์กลุ่มก้อนเมฆปริศนาที่ยาคุบต้องวิจัยมาเป็นส่วนหนึ่งของการเล่าเรื่องนี้ด้วย
นอกจากการเล่าเรื่องในอวกาศแล้ว หนังก็มีตัดแทรกกลับยังโลกนำเสนอตัวละครเล็งกา ภรรยาของเขาที่ตั้งท้องและสิ้นหวังกับชีวิตคู่ไปแล้ว หนังนำเสนอปัจจุบันที่เธอต้องพยายามตัดสัมพันธ์นี้ให้ได้ แม้ทีมงานสำรวจนี้จะมาขอร้องเธอแค่ไหนก็ตาม ซึ่งส่วนนี้เป็นมุมมองของผู้หญิงที่เคยรักและหมดรัก เป็นการเล่าเรื่องเรียบๆ ที่ไว้เชื่อมต่อกับส่วนของยาคุบ แต่ค่อนข้างน่าเบื่อเมื่อเมื่อเทียบกับในอวกาศ
อดัม แซนด์เลอร์ ยังเล่นบทดราม่าชีวิตหนักๆ นี้ได้ดี ทำให้เห็นผู้ชายที่โดดเดี่ยวสิ้นหวังในอวกาศที่ไกลจากมนุษย์ทุกคนบนโลก สลัดลุคตลกที่เป็นจุดขายของเขาไปได้ โดยเขาต้องเล่นอยู่คนเดียวแทบทั้งเรื่อง (มีฉากบนโลกแค่ช่วงอดีตกับภรรยา)
ในส่วนโปรดักชั่นงานสร้างภาพอวกาศกับเอเลี่ยนออกมาดีเลย ฉากอวกาศมีกลุ่มก้อนเมฆที่แสดงถึงจินตนาการการก่อเกิดแตกดับที่ชวนให้เหมือนการค้นพบปรากฏการณ์สำคัญของจักรวาล ส่วนแมงมุมเอเลี่ยนเก็บรายละเอียดได้สมจริงไม่หลุดลอย มีปฏิสัมพันธ์กับตัวนักแสดงได้เหมือนจริง และถ่ายทอดอารมณ์ออกมาผ่านเสียงพากย์และลักษณะท่าทางได้ลึกเหมือนเป็นตัวละครคนจริงๆ แต่ว่าช่วงท้ายมีภาพมืดๆ หลายฉากที่มีน้อยส์ขึ้นเป็นเม็ดๆ เยอะมากเหมือนกล้องถ่ายมาไม่ดี (หรืออาจจะเป็นความตั้งใจของผู้กำกับที่ต้องการให้ดูติสๆ เองก็ได้)
สรุปเป็นหนังดราม่าชีวิตรักผ่านตัวละครนักบินอวกาศที่มีเอเลี่ยนแมงมุมเป็นเหมือนจิตแพทย์คุยช่วยเหลือตัวเอกไปตลอดเรื่อง หนังทำส่วนนี้ออกมาดี ไม่ได้ดูเข้าใจยาก มีความสนุกกับจินตนาการที่หนังนำเสนอเอเลี่ยนได้แปลกใหม่ แม้มีรูปลักษณ์แบบแมงมุมแต่ก็ถ่ายทอดอารมณ์ออกมาได้เหมือนเป็นตัวละครคน แต่หนังก็มีช่วงที่น่าเบื่อของภรรยาตัวเอกที่อยู่บนโลก และยังเป็นหนังที่ต้องตีความเองในหลายครั้ง ซึ่งอาจจะไม่เหมาะกับผู้ชมส่วนใหญ่นัก