รีวิว Tall Girl 2 นางเอกสวยขึ้น แต่เนื้อหาหลักยังเบาหวิวเหมือนเดิม
Tall Girl 2
สรุป
เนื้อเรื่องปมต่างๆ ก็ยังเบาหวิวแบบไม่มีอะไรแปลกใหม่เหมือนภาคแรก แต่ได้จุดขายที่ตัวนางเอกสวยขึ้นมากเป็นหลัก ซึ่งใครที่ชอบนางเอกก็ดูต่อได้ หรือไม่ดูเลยก็ได้เพราะเนื้อเรื่องไม่มีอะไรน่าสนใจเลยจริงๆ
Overall
5/10User Review
( vote)Pros
- นางเอกสวยขึ้นมากกว่าภาคแรก
- มีเสียงพากย์ไทย
Cons
- เนื้อเรื่องตามสูตรหนังวัยรุ่นตรงเป๊ะจนเหมือนมักง่าย
- ปมต่างๆ ในเรื่องถูกแก้ได้ง่ายๆ
- ตัวเอกคนใหม่มีบทน้อยมาก
Tall Girl 2 รักยุ่งของสาวโย่ง 2 ภาคต่อของหนังวัยรุ่น Netflix ที่เน้นขายตัวนางเอกสาวโย่งสูงปรี๊ดหน้าตาน่ารักเป็นหลัก มาในภาคนี้ไม่มีปมเรื่องสูงแล้วแต่กลับเป็นเรื่องความเด่นจากการถูกยกให้เป็นไอดอลประจำโรงเรียนไปแทน
ตัวอย่าง
เรื่องย่อ
หลังกล่าวสุนทรพจน์สุดบันดาลใจในงานเต้นรำคืนสู่เหย้า โจดี้ (เอวา มิเชลล์) ก็ไม่ได้เป็นแค่ “สาวโย่ง” อีกต่อไป เธอกลายเป็นคนดัง มีความมั่นใจ และมีแฟน แถมยังเพิ่งคว้าบทนำในละครเพลงของโรงเรียนในปีนี้ด้วย แต่เมื่อแรงกดดันจากความดังของเธอทวีความรุนแรงขึ้น เช่นเดียวกับความไม่มั่นคงในใจที่เพิ่มมากขึ้นในช่วงเวลาที่ความสัมพันธ์ครั้งใหม่ก่อตัวและความสัมพันธ์ที่มีอยู่เดิมเจอบททดสอบ โลกที่เธอสร้างขึ้นเริ่มพังทลาย โจดี้รู้แล้วว่าการยืนอยู่ที่สูงเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น
รีวิว
หนังวัยรุ่นไฮสคูลที่มีจุดขายหลักๆ อยู่ที่ตัวนางเอกสูงโย่ง ซึ่งนักแสดงที่รับบทนี้ Ava Michelle ก็กลายเป็นมีชื่อเสียงจากบทนี้ไปด้วย เนื้อเรื่องภาคแรกก็เบาๆ จบลงไปแบบง่ายๆ ไม่มีอะไรน่าจดจำนักนอกจากตัวนางเอก แต่ที่ได้ทำภาคต่อเพราะยอดผู้รับชมสูงมากพอสมควรในกลุ่มหนังวัยรุ่นที่เน็ตฟลิกซ์ทำออกมาเรื่อยๆ ซึ่งมาภาคนี้ตัวเนื้อหาก็ยังเบาหวิวอยู่เช่นเดิม อาจจะเพราะคนเขียนบทเดิมด้วย แต่คราวนี้เปลี่ยนผู้กำกับใหม่เป็นผู้หญิงชาวเอเชีย Emily Ting ซึ่งสารภาพก่อนเลยว่าผู้เขียนไม่ชอบภาคแรกเอามากๆ เพราะถ้าเทียบในกลุ่มหนังวัยรุ่นด้วยกันหลายเรื่องยังมีเนื้อหาอะไรที่ค่อนข้างจับต้องไ้ดมากกว่า แต่ในภาคแรกนี่นอกจากเรื่องนางเอกโดนบูลลี่เรื่องความสูงแล้วก็ไม่มีอะไรเลย เนื้อหาค่อนข้างเป็นเส้นตรงแน่วไปจบที่งานเต้นรำตามสูตร สุดท้ายเพื่อนๆ ก็หันมารักเธอเลิกบูลลี่กันง่ายๆ จนเหมือนใส่ปมปัญหาบูลลี่มาแบบโลกสวยไปหน่อย
มาในภาค 2 เรื่องราวเปลี่ยนปมใหม่เป็นนางเอกกลายเป็นไอดอลป๊อบสตาร์ของโรงเรียนไปแทน แล้วก็เกิดความไม่มั่นใจว่าตัวเองคู่ควรกับอะไรหลายๆ อย่างที่คนฝากความหวังไว้ให้เธอ โดยเธอเกิดเสียงในหัวพยายามด้อยค่าตัวเองอยู่บ่อยๆ ซึ่งเรื่องก็ทำออกมาแบบชิลๆ แบบเดิมว่าสุดท้ายนางเอกก็ผ่านมันไปได้ง่ายๆ โดยมีพี่สาวแสนดีคอยช่วยแนะนำตามแบบภาคแรก
แล้วก็เหมือนตามสูตรหนังแนวนี้ที่ภาคแรกพระเอกนางเอกมารักกันตอนจบ พอมาภาคสองก็เริ่มคบหากัน สุดท้ายก็ทะเลาะกันตามสูตรเป๊ะๆ มีชายหนุ่มรูปหล่อคนใหม่แทรกมา นางเอกเผลอใจแต่ก็ยังไม่ลืมรักแรก หนังเหมือนไม่พยายามคิดอะไรให้แตกต่างออกไปเลย แม้แต่การคืนดีกันก็ง่ายๆ จนไม่มีอะไรให้น่าจดจำ ทั้งๆ ที่ตัวละครหนุ่มคนใหม่ทำออกมาดีมาก แต่เรื่องก็นำเขามาใช้แค่ประเดี๋ยวประด๋าวแล้วก็ทิ้งไปง่ายๆ ไม่ได้มีอุปสรรคในความรักอะไรในเรื่องนี้เลย
แต่สิ่งที่ภาคนี้อาจจะดูดีหน่อยคือการให้ตัวละครรองได้มีบทบาทในการแก้ไขปรับปรุงตัวเอง อย่าง สติก หนุ่มหล่อนักเรียนแลกเปลี่ยนในภาคแรกที่เป็นปมปัญหากับนางเอก มาภาคนี้เขาก็พยายามทำดีแก้ตัวสิ่งที่พลาดไปอย่างหนัก แล้วก็มาพบรักใหม่กับเพื่อนของนางเอก หรือกลุ่มตัวร้ายนางอิจฉาภาคก่อนก็เริ่มปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น ไม่ใช่แค่สักจะร้ายแบบเดิม แต่ตัวละครพวกนี้อยู่ๆ ก็พัฒนาปรับเปลี่ยนตัวเองไวแบบง่ายเกินไปหน่อย ซึ่งสุดท้ายกลายเป็นหนังวัยรุ่นเรื่องนี้มีแต่คนดีโลกสวยกันไปหมด
ตัวนางเอก Ava เองมาภาคนี้สวยขึ้นมากแบบชัดเจน เรียกว่าทั้งความสวยกับความสูงของเธอคือตัวแบกเรื่องนี้ล้วนๆ ซึ่งผู้ชมที่ชอบนางตั้งแต่ภาคก่อนก็ดูภาคนี้แล้วหัวใจแช่มชื่นสดใสขึ้นแน่ๆ แม้แต่ผู้เขียนที่ไม่ชอบภาคก่อนเอามากๆ ก็ยังรู้สึกว่าดูเพลินๆ ได้เพราะเสน่ห์ในตัวนางเอกล้วนๆ นี่แหละครับ
สรุป Tall Girl 2 สนุกและดีไหม
เป็นหนังวัยรุ่นที่ดูแบบไม่คิดอะไรก็สนุกเพลินๆ ได้อยู่ แต่ถ้าต้องการเนื้อหาดีๆ แปลกใหม่ เรื่องนี้คงให้ไม่ได้เลยสักนิด