รีวิว TERMINATOR ZERO (Netflix) คนเหล็กที่ฉีกเส้นเรื่องใหม่ได้ดี แต่ใส่สไตล์อนิเมะญี่ปุ่นมุ้งมิ้งมากไป
TERMINATOR ZERO คนเหล็กซีโร่
Summary
คนเหล็กเวอร์ชั่นอนิเมะที่ได้ความแปลกจากการวางเนื้อเรื่องใหม่ให้อยู่ในญี่ปุ่น มีความพยายามสร้างเส้นเรื่องใหม่แยกออกไปต่างหาก โดยใช้บทสนทนาพูดคุยแก้ปัญหาหยุดยั้งสกายเน็ตมากกว่าการต่อสู้แบบภาคก่อนๆ ซึ่งเป็นไอเดียที่ดีอยู่ แต่ก็ไม่ได้ไปสุดเพราะจบแบบทิ้งไว้ทำต่อ ส่วนฉากแอ็กชั่นยังคงรูปแบบเดิมคือคนเหล็กไล่ล่ากับนักรบมนุษย์ย้อนเวลามาปกป้อง แต่ฉากแอ็กชั่นดูพื้นๆ ไม่สนุกแบบดั้งเดิม เพราะญี่ปุ่นไม่มีอาวุธสงครามยิงกัน ใช้แค่ปืนพกตำรวจกับหน้าไม้ที่ดูแล้วก๊องแก๊งไปมาก และการเน้นตัวละครแนวอนิเมะญี่ปุ่นน่ารักๆ ใส่ลงไปเยอะ ก็ทำให้เรื่องดูแปลกๆ ไม่เข้ากันกับธีมคนเหล็กครับ
Overall
6.5/10User Review
( votes)Pros
- คนเหล็กเวอร์ชั่นอนิเมะเป็นเส้นเรื่องใหม่แยกจากหนัง
- เนื้อเรื่องเน้นการพูดคุยไขปริศนาเพื่อหยุดยั้งสกายเน็ต
- อนิเมชั่นการเคลื่อนไหวดี
- มีพากย์ไทย
Cons
- เน้นตัวละครแนวอนิเมะญี่ปุ่นเยอะไป
- ฉากแอ็กชั่นไม่สนุก
- เรื่องค้างคาไว้ไม่จบ
TERMINATOR ZERO คนเหล็กซีโร่ อนิเมะ Original Netflix 8 ตอนจบซีซั่น 1 เรื่องราวย้อนกลับไปปี 1997 วันสิ้นโลกที่สกายเน็ตเริ่มทำงานอีกครั้ง แต่คราวนี้เป้าหมายของหุ่นสังหารคือนักวิทยาศาสตร์ที่อยู่ในญี่ปุ่น และกำลังสร้างจักรกลมีชีวิตที่เหนือล้ำกว่าสกายเน็ตขึ้นมา
รีวิว TERMINATOR ZERO คนเหล็กซีโร่ (ไม่สปอยล์)
อนิเมะเรื่องนี้เป็นผลงานของ Skydance ที่ได้สิทธิในการสร้างคนเหล็กเวอร์ชั่นหลังๆ มาทั้งหมด จึงสามารถนับรวมได้ว่านี่คือเรื่องในจักรวาลเดียวกัน แต่เป็นเส้นเรื่องใหม่แตกออกไปด้วยแนวคิดโลกแบบมัลติเวิร์สจากการย้อนเวลากลับมา ซึ่งในเรื่องนี้ก็คือโลกใหม่ ไม่เกี่ยวกับการแก้ไขอดีตช่วยอนาคตในภาคก่อนๆ ทั้งสิ้น โดยเรื่องให้เหตุผลว่าเป็นสิ่งที่สกายเน็ตก็ทำผิดพลาดไปโดยไม่รู้มาก่อน ซึ่งการวางเรื่องแบบนี้ทำให้ต่อไปสามารถสร้างคนเหล็กออกมากี่เวอร์ชั่นก็ได้ โดยไม่ต้องมีการอ้างอิงภาคหนังเลยก็ยังได้ และอนิเมะเรื่องนี้ก็เดินหน้าไปในแนวทางของตัวเองตัดขาดจากภาคหนังโดยสิ้นเชิงครับ
แต่ด้วยโครงเรื่องการย้อนเวลากลับมาในอดีต เส้นทางฉากแอ็กชั่นจึงยังคงสูตรสำเร็จเดิมเป็นสเต็ปๆ มาก ตั้งแต่มีคนเหล็กย้อนเวลามาตามหาเป้าหมายปริศนาที่คาดว่าจะทำลายสกายเน็ตในอนาคต หุ่นในเรื่องนี้ก็ยังเป็นหุ่นแรกดั้งเดิมเหมือนภาคแรกที่ยังไม่มีความสามารถเปลี่ยนร่างได้ แต่ไม่ใช่รูปร่างอาร์โนลแค่นั้น แล้วฝ่ายมนุษย์ก็ส่งนักรบมาปกป้อง ซึ่งก็เป็นหญิงสาวแกร่ง โดยมีปริศนาว่าทำไมถึงเป็นเธอแบบเดียวกับในภาคหนัง ก่อนที่ทั้งคู่จะตามหาเป้าหมายทำภารกิจปกป้องกับทำลาย เหมือนกับภาคก่อนๆ เป๊ะ
แต่สิ่งที่เรื่องต่างออกไปคือการเซ็ตโลกนี้ให้อยู่ญี่ปุ่น ในยุคที่มีหุ่นยนต์ทำหน้าที่แทนคนได้แล้ว ทั้งๆ ที่ในปี 1997 ไม่มีทางเป็นไปได้ ซึ่งเรื่องก็ทำให้เป็นปริศนาเชื่อมโยงกับนักวิทยาศาสตร์ที่ชื่อมัลคอล์ม โดยเขากำลังทำงานชิ้นสุดท้ายในวันสิ้นโลกก่อนที่สกายเน็ตจะยิงนิวเคลียร์ทั่วโลกไม่กี่ชั่วโมง ตัวเรื่องใช้เวลาในการให้มัลคอล์มพูดคุยเชิงปรัชญากับปัญญาประดิษฐ์ชั้นสูงที่มีรูปร่างเป็นเทพธิดาญี่ปุ่น 3 องค์ ซึ่งเรื่องค่อยๆ ให้เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นผ่านการพูดคุยโต้ตอบในทุกตอน แล้วก็เฉลยเรื่องทั้งหมดผ่านบทสนทนาล้วนๆ โดยที่ฉากสู้ของคนเหล็กกับนักรบมนุษย์เป็นเพียงแค่น้ำจิ้มในเรื่องราวนี้ ซึ่งเป็นการตามหาลูกมัลคอล์ม 3 คนที่หนีคนเหล็กเท่านั้น โดยแทบไม่มีความสำคัญเลย เพราะคีย์ของเรื่องอยู่ที่การพูดคุยของมัลคอล์มกับปัญญาประดิษฐ์นี้เท่านั้น จึงทำให้เรื่องมีความแปลกแตกต่างจากคนเหล็กที่ผ่านมาทั้งหมด แต่ก็ได้รสชาติใหม่ที่ใช้วิธีสู้ผ่านการคิดทฤษฎีข้ามเวลามาแบบละเอียดขึ้น เพื่อแก้ไขปัญหาลูปวงจรหนังคนเหล็กซ้ำๆ แบบที่ผ่านๆ มา เพียงแต่เรื่องก็ไม่ได้เฉลยทั้งหมดและจบลงแบบมีต่อแบบทิ้งปริศนาไว้เพิ่มอีกเหมือนกันครับ
ถึงบทมีความแปลกแตกต่างไปในทิศทางที่ดี แต่พอทำเป็นอนิเมะเรื่องก็มีความเป็นสไตล์ญี่ปุ่นมากเกินไปจนลดทอนความเข้มข้มของต้นฉบับดั้งเดิมไปมากเหมือนกัน (บทเป็นฝรั่งเขียน แต่งานกำกับเป็นคนญี่ปุ่น) อย่างตัวละครบู๊ก็เป็นผู้หญิงอ้อนแอ้นสไตล์เมะญี่ปุ่น ใส่บทเด็กง้องแง้ง 3 คนที่กินเวลาเยอะเหมือนจะดึงให้เด็กดู หุ่นรับใช้ในญี่ปุ่นที่กลายมาเป็นกองทัพศัตรูก็ดูก๊องแก๊งเกินกว่าจะเชื่อว่าเปลี่ยนสภาพมาเป็นหุ่นเหล็กฆ่าฟันมนุษย์ได้ หรือแม้แต่คนเหล็กตัวร้ายเองก็ดูกระจอกลงไปมากเพราะพอมาอยู่ในญี่ปุ่นจึงมีแค่ปืนตำรวจ ตัวคนเหล็กต้องประดิษฐ์หน้าไม้ติดแขนยิงเอง ซึ่งมันดูประหลาดๆ และยังยิงรัวๆ เหมือนปืนไม่มีหมดอีก ทำให้ฉากแอ็กชั่นในเรื่องดูแปลกๆ ไม่มีการไล่ล่าที่มันส์แบบภาคหนังเลย
สรุป คนเหล็กเวอร์ชั่นอนิเมะที่ได้ความแปลกจากการวางเนื้อเรื่องใหม่ให้อยู่ในญี่ปุ่น มีความพยายามสร้างเส้นเรื่องใหม่แยกออกไปต่างหาก โดยใช้บทสนทนาพูดคุยแก้ปัญหาหยุดยั้งสกายเน็ตมากกว่าการต่อสู้แบบภาคก่อนๆ ซึ่งเป็นไอเดียที่ดีอยู่ แต่ก็ไม่ได้ไปสุดเพราะจบแบบทิ้งไว้ทำต่อ ส่วนฉากแอ็กชั่นยังคงรูปแบบเดิมคือคนเหล็กไล่ล่ากับนักรบมนุษย์ย้อนเวลามาปกป้อง แต่ฉากแอ็กชั่นดูพื้นๆ ไม่สนุกแบบดั้งเดิม เพราะญี่ปุ่นไม่มีอาวุธสงครามยิงกัน ใช้แค่ปืนพกตำรวจกับหน้าไม้ที่ดูแล้วก๊องแก๊งไปมาก และการเน้นตัวละครแนวอนิเมะญี่ปุ่นน่ารักๆ ใส่ลงไปเยอะ ก็ทำให้เรื่องดูแปลกๆ ไม่เข้ากันกับธีมคนเหล็กครับ