playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว อังคารคลุมโปง: เอ็กซ์ตรีม ย้ายมาลง Netflix ได้แค่ฉากโหด แต่บทไม่เมคเซนส์มาก

อังคารคลุมโปง: เอ็กซ์ตรีม

Summary

หนังสั้น 8 ตอนที่เอาเรื่องเล่ามาจากอังคารคลุมโปง แต่ก็ไม่ได้ใช้รูปแบบเดิมที่มีมดคำเป็นผู้จัดรายการ กลายเป็นหนังผีกับคนบ้าสยองขวัญเน้นฉากโหดเลือดสาดกันเต็มๆ แต่ก็ล้นจนเกินไปจนบางทีก็ดูตลกๆ หนังมีแพทเทิร์นการเล่าเรื่องและจบแบบเดียวกันหลายตอน เน้นหักมุม 360 องศาเป็นหลักจนดูแล้วไม่อึ้งไม่ว้าวเลย ส่วนที่ดีคือรวมนักแสดงดังมาเล่น โดยเฉพาะเฌอปราง อารีย์กุล ที่ฉีกบทบาทไปมาก และการใส่ปมปัญหาทางสังคมมาทุกตอนก็เป็นการนำเสนอที่ดี เพียงแต่เรื่องก็ไม่ได้ช่วยเคลียร์ปัญหาพวกนี้เลยสักตอน แค่เอามาเป็นผีง่ายๆ จนน่าผิดหวังเหมือนกันครับ

Overall
6.5/10
6.5/10
Sending
User Review
0 (0 votes)

Pros

  • หนังสั้นสยองขวัญจากอังคารคลุมโปง
  • ปัญหาสังคมที่แทรกมาในเรื่อง
  • ฉากโหดเลือดสาด
  • นักแสดงชื่อดัง

Cons

  • เนื้อเรื่องมีแพทเทิร์นแทบจะเหมือนกันหมด
  • มีจุดไม่สมเหตุผลเยอะมาก
  • ฉากโหดจนล้นมากไป
  • ตั้งใจหักมุมตอนจบจนเกินไป
  • ปัญหาสังคมไม่เคลียร์สักเรื่อง

อังคารคลุมโปง: เอ็กซ์ตรีม ซีรีส์แนวสยองขวัญ ที่ได้แรงบันดาลใจจาก “อังคารคลุมโปง” รายการวิทยุสุดฮิตของเมืองไทย นำเสนอเรื่องสั้นแปดเรื่องมาบอกทำเป็นภาพยนตร์สั้นจบในตอน

 

 

รีวิว อังคารคลุมโปง: เอ็กซ์ตรีม (ไม่สปอยล์)

อังคารคลุมโปงเคยทำเป็นซีรีส์มาก่อนแล้ว ทางช่อง จีเอ็มเอ็ม 25 และ เอไอเอสเพลย์ เมิ่อปี 2564 ซึ่งในเวอร์ชั่นนี้ก็คือ Netflix ได้อัพเกรดให้แรงขึ้นด้วยคำว่า ‘เอ็กซ์ตรีม’ และใช้คำว่า “ได้แรงบันดาลใจมา”  ซึ่งการใช้คำนี้ก็เพราะซีรีส์สองชุดนี้มีส่วนที่ต่างกันแบบชัดเจนก็คือ ในซีรีส์ชุดก่อนจะเป็นรายการจริงๆ ที่มดดำเป็นผู้จัดรายการและตัวแสดงในตอนต้นกับตอนปิดจบตอน โดยมีผู้ฟังออกมาเล่าเหตุการณ์ที่พบเจอมาเป็นหนังสั้น ซึ่งแน่นอนว่าเป็นเรื่องแต่งนั่นแหละ และทุกคนก็รอดตายจากเหตุการณ์นั้นมาทุกคน เรื่องจึงไม่โหดเลือดสาดอะไรมาก เน้นหลอนๆ เหมือนเรื่องผี+อาถรรพ์สิ่งของต้องสาปเท่านั้น  

ด้วยการตัดมดดำออกไป นี่ก็เลยเหมือนหนังสั้น 8 ตอนเต็มๆ มากกว่า โดยมีผู้เขียนบท 9 คน ใช้ผู้กำกับ 8 คน ที่มีชื่อเสียงรู้จักกันดีด้านนี้ก็แค่ 2 คนคือ มะเดี่ยว ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล กับ เอกสิทธิ์ ไทยรัตน์ นอกนั้นคือค่อนข้างโนเนมมาก หรือมีชื่อเสียงก็เป็นหนังตลกมากกว่าอย่าง พฤกษ์ เอมะรุจิ ผู้กำกับไบค์แมน ซึ่งก็มากำกับตอนแรก “น้องสาวที่หายไป” โดยมี เฌอปราง อารีย์กุล กับ มิวสิค-แพรวา สุธรรมพงษ์ อดีต BNK48 มาแสดงนำ ซึ่งเฌอปรางก็สวมบาทได้ดีมาก ด้วยหน้าตารูปร่างโทรมๆ จนแทบไม่น่าเชื่อว่าคนเดียวกันเลย แล้วเรื่องตอนแรกก็เป็นแนวสยองขวัญที่มีความซับซ้อนของบทที่เล่นกับตุ๊กตาลูกเทพกับจิตหลอน ก่อนจบลงด้วยการตั้งใจหักมุมอย่างแรง แต่ก็เป็นสูตรสำเร็จของแนวนี้อยู่แล้วทำให้เรื่องเหมือนจะดี แต่ก็ไปไม่สุด เพราะความเป็นหนังสั้นด้วยทำให้ต้องรีบเร่งเล่าทุกอย่างไวๆ จนยังไงก็อินตามยาก แต่ก็นับว่าเป็นตอนที่ทำสำเร็จมากสุดในการดึงให้ผู้ชมติดตามดูเรื่องนี้และหวังว่าหลังจากนี้จะมีความต่างขึ้นบ้าง แต่สุดท้ายพอดูจบครบ 8 เรื่อง กลายเป็นหลังๆ ยิ่งเละยิ่งกาวมากขึ้นเรื่อยๆ แทนครับ

ความจริงผู้เขียนก็อยากเขียนแยกเป็นตอน แต่พอดูจบแล้วแต่ละเรื่องแทบไม่ต่างกันเลย เหมือนไอเดียบล็อกเซ็ตเดียวกันหมด คือเน้นขายนักแสดงมีชื่อเสียง แล้วให้ตัวละครไปเจอสถานที่ใหม่ พึ่งย้ายไป ไปเที่ยว ไปเช่าห้อง แล้วก็เจอผีหรือคนบ้าจิตหลอนที่อยู่มาก่อนแล้ว ก่อนใส่ฉากโหดสยองขวัญเน้นเลือดท่วม อย่างฆ่าหั่นศพ ตัดอวัยวะร่างกาย แม้แต่ฉากตัดเจ้าโลกผู้ชายก็เอามาขายให้เห็นอวัยวะกันเต็มๆ ซึ่งมันแทบจะเป็นฉากเน้นสาดเลือดให้สยองจนล้นมากเกินไป แม้จะให้สมกับชื่อเอ็มซ์ตรีมก็เถอะ แต่ความน่ากลัวมันเฉยๆ มาก ยกเว้นคนขวัญอ่อนก็อาจจะกรี๊ดสลบกับฉากพวกนี้ได้แค่นั้น

 

ส่วนบล็อกเซ็ตฉากจบก็คือ พยายามหักมุมทุกเรื่องแบบ 360 องศามากจนเกินไป ไม่มีความสมเหตุผลตามเรื่องที่ควรจะเป็น โดยทุกตอนจะพยายามผูกประเด็นปัญหาสังคมไว้ อย่างชุดวิวาห์อาถรรพ์ตอน 2 คือคนอ้วนอยากผอมสวยจนกินยาลดความอ้วนแล้วมีปัญหา  ยาบ้าที่ระบาดไปในหมู่บ้านชนบทในตอนครูเวรที่ลูกศิษย์หายตัวไปจนครูต้องออกตามจนเกิดเรื่อง ผู้สูงอายุที่ลูกหลานไม่ใส่ใจเพราะปัญหาหลงๆ ลืมๆ หรือแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ต้องดูแลลูกอย่างลำบากในสังคมยุคนี้ ประเด็นพวกนี้คือส่วนที่ดีสุดของซีรีส์ชุดนี้ แต่ว่าการนำมาใช้ในเรื่องเพียงแค่เอามาทำให้เป็นผีกันแบบง่ายๆ อย่างการโยนตัวละครพวกนี้ให้เป็นผีหรือคนบ้าไปเลย จนการดำเนินเรื่องเน้นแต่ฉากโหดสยองขวัญ ไม่ได้ช่วยเคลียร์ประเด็นปัญหาพวกนี้ไปเลย แล้วก็จบแบบไม่สมเหตุผลแทบทั้งนั้นเพราะเรื่องตั้งใจแค่จะหักมุมผู้ชมกันสุดๆ แต่มันแค่ทำให้ดูหักมุมได้ แต่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าไหร่ ไม่ว้าวเลยสักเรื่อง โดยเฉพาะตอนของ มะเดี่ยว ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล กับ เอกสิทธิ์ ไทยรัตน์ ที่ควรจะดีที่สุดในกลุ่มหนังสั้นชุดนี้แล้ว ก็ยังมีปัญหานี้มากเช่นกัน (มะเดี่ยวกำกับครูเวร เอกสิทธิ์กำกับ ยายไม่ใช่ยาย) และฉากจบพวกนี้ก็ก็อปแนวทางซ้ำๆ กันมาอย่างเช่น มุกตัวละครในเรื่องกลายเป็นผีที่เห็นตัวเอง หรือจบแบบตัวละครเป็นบ้า ซึ่งฉากจบแบบนี้มันค่อนข้างเก่ามากแล้ว มี 2 ตอนที่เห็นว่าแตกต่างคือ ชุดวิวาห์อาถรรพ์กับคำสาบาน เท่านั้น แต่อย่างตอนสุดท้ายคำสาปส่งต่อก็ดันไปก็อปหนังดังอย่าง The ring มาเต็มๆ จนเหมือนบทที่สิ้นคิดมากกว่าจะไปชื่นชมได้ แม้ว่าบทแม่เลี้ยงเดี่ยวในเรื่องจะดีก็เถอะ ซึ่งหนังสยองขวัญมันควรจะทำให้ผู้ชมอึ้งกับฉากจบที่ช็อคหรือว้าวได้ แต่ในเรื่องนี้คือแทบจะเฉยๆ ไปซะทั้งหมด ไม่ติดหัวอะไรสักเรื่องครับ

สรุป หนังสั้น 8 ตอนที่เอาเรื่องเล่ามาจากอังคารคลุมโปง แต่ก็ไม่ได้ใช้รูปแบบเดิมที่มีมดคำเป็นผู้จัดรายการ กลายเป็นหนังผีกับคนบ้าสยองขวัญเน้นฉากโหดเลือดสาดกันเต็มๆ แต่ก็ล้นจนเกินไปจนบางทีก็ดูตลกๆ หนังมีแพทเทิร์นการเล่าเรื่องและจบแบบเดียวกันหลายตอน เน้นหักมุม 360 องศาเป็นหลักจนดูแล้วไม่อึ้งไม่ว้าวเลย ส่วนที่ดีคือรวมนักแสดงดังมาเล่น โดยเฉพาะเฌอปราง อารีย์กุล ที่ฉีกบทบาทไปมาก และการใส่ปมปัญหาทางสังคมมาทุกตอนก็เป็นการนำเสนอที่ดี เพียงแต่เรื่องก็ไม่ได้ช่วยเคลียร์ปัญหาพวกนี้เลยสักตอน แค่เอามาเป็นผีง่ายๆ จนน่าผิดหวังเหมือนกันครับ

 

รวมรีวิว Netflix คลิกที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!