รีวิว The Aeronauts หนังบอลลูนจากเรื่องจริงของการเปิดโลกพยากรณ์อากาศ ที่ถูกมองว่าบ้า!
The Aeronauts
สรุป
The Aeronauts เป็นหนังที่ผสมรวมกันทั้งการผจญภัยจากเรื่องจริงกับการเปิดโลกวิทยาศาสตร์พยากรณ์อากาศไปพร้อมกันได้อย่าง สนุก ได้ความรู้ ลุ้นหวาดเสียว และแอบปาดน้ำตาไปพร้อมกันครับ
Overall
8.5/10User Review
( vote)Pros
- ดารานำทั้งคู่เล่นได้อย่างน่าประทับใจ
- หนังมีฉากท้องฟ้าที่ทั้งอันตรายน่ากลัวและสวยงามมากรวมกัน
- ตอนเฉลยปมดราม่าของนางเอกมีน้ำตาซึมได้เลย
Cons
- หนังจบเรื่องราวเรียบๆ ไปสักนิดกับการทำลายสถิติโลกขนาดนั้น
- ตัวละครเด็กมีบทแทรกมาโดยไม่มีผลกับเรื่อง
- ระดับความสูงเท่ากับเครื่องบินในปัจจุบัน อาจจะไม่ว้าวสักเท่าไหร่นัก
The Aeronauts หนัง Original Amazon Prime video ในปีค.ศ.1862 อะมีเลีย เรน (เฟลิซิตี้ โจนส์ จาก Rogue One: A Star Wars Story) นักบินบอลลูนผู้หาญกล้าท้ามฤตยู จับมือกับเจมส์ เกลย์เชอร์ (เอ็ดดี้ เรดเมย์น จาก Fantastic Beasts) ผู้บุกเบิกศาสตร์แห่งอุตุนิยมวิทยา พัฒนาวิชาความรู้เรื่องลมฟ้าอากาศของมนุษย์ และบินสูงกว่าที่ใครเคยไปถึงในประวัติศาสตร์
ตัวอย่างหนัง The Aeronauts
หนังบอลลูนที่ไม่ใช่มีแค่บอลลูน แต่เป็นหนังสร้างจากเรื่องจริงของการบุกเบิกโลกวิทยาศาสตร์ด้านพยากรณ์อากาศ ซึ่งในสมัยก่อนยังไม่มีศาสตร์แขนงนี้มาก่อน การที่มีคนบอกว่ามนุษย์จะสามารถทำนายดินฟ้าอากาศได้ ก็เลยกลายเป็นเรื่องตลกในวงการนักวิทยาศาสตร์ ที่ส่วนใหญ่ไม่เชื่อว่าจะเป็นไปได้ หนังสร้างจากพื้นฐานของเรื่องจริงของนักวิทยาศาสตร์ เจมส์ เกลย์เชอร์ (James Glaisher) ที่มีตัวตนจริง และก็เป็นเหตุการณ์จริงของการทำลายสถิติโลกลอยด้วยบอลลูนสูงสุด 11,000 เมตรจากเหนือระดับน้ำทะเล เพื่อศึกษาสภาวะอากาศในชั้นสูงเหนือเมฆ เพื่อเอาข้อมูลทั้งหมดกลับมาศึกษาต่อใช้กับการพยากรณ์อากาศ ซึ่งทำให้เขาไม่ได้รับการยอมรับได้เงินมาวิจัย จนต้องไปหาทุนสร้างบอลลูนเองจากนายทุนที่ขอแค่ขายตั๋วเข้าขมได้ก็พอ…
ส่วนที่หนังสร้างเขียนบทขึ้นมาเองคือตัวละครนางเอก “อะมีเลีย เรน” ที่เป็นนักขับบอลลูนชื่อดัง ที่มีความหลังฝังใจจากการตายของสามีในขณะที่กำลังทำลายสถิติบอลลูนด้วยกัน เรนเป็นตัวละครหญิงแกร่งในยุคที่ผู้ชายยังกีดกันความสามารถผู้หญิง แต่ที่เธอมีชื่อเสียงขึ้นมาได้ก็เพราะจากการที่ทำงานร่วมกับสามี แต่เธอก็เป็นคนจริงของจริงเพียงหนึ่งเดียวที่เป็นตัวเลือกให้ เจมส์ เกลย์เชอร์ ไว้ใจพาขึ้นไปทดสอบงานวิทยาศาสตร์บนฟ้าสูงลิบลิ่วครั้งแรกของโลก ที่มีอันตรายแบบที่ไม่มีมนุษย์คนไหนเคยเจอมาก่อน
ด้วยความที่สมัยนั้นยังไม่มีทางขึ้นไปบนท้องฟ้าได้นอกจากบอลลูน ซึ่งยิ่งลอยสูงก็ยิ่งอันตราย ทำให้ความรู้เรื่องท้องฟ้าของคนสมัยนั้นน้อยมากจนมีความเชื่อที่ผิดหลายอย่าง เรื่องราวในหนังจึงเป็นแนวการบุกเบิกค้นพบสิ่งใหม่ๆ ไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆ ซึ่งบอกเลยว่าน่าทึ่งมาก แม้แต่เราที่ดูในยุคปัจจุบันยังอาจจะไม่รู้ว่าท้องฟ้ามีหลายอย่างมากกว่าที่คิด
หนังเดินเริ่มเรื่องมาก็พร้อมขึ้นบอลลูนทันที แล้วก็ไต่ระดับขึ้นไปบนท้องฟ้าทีละช่วงๆ ตัดสลับด้วยการเล่าเรื่องราวความเป็นมาของทั้งคู่ ก่อนจะมาเจอกันและได้ร่วมงานกันในวันนี้ ซึ่งหนังไม่ได้เสียเวลาเล่าอดีตนานเลย ใช้แค่ตัดสลับช่วงสั้นๆ ไม่กี่นาที เล่าแบบกระชับมาเรื่อยๆ ว่านางเอกบอบช้ำจากการที่สามีตายแค่ไหน แล้วทำไมถึงยังมารับงานขับบอลลูนไปทำลายสถิติสูงที่สุดในโลกแบบนี้ได้อีก ซึ่งเราจะค่อยๆ ได้เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นในเหตุการณ์คราวนั้นกันแน่
อีกส่วนของการตัดสลับอดีตของ เจมส์ เกลย์เชอร์ คือการที่เขาทำสิ่งต่างๆ แต่ไม่ประสบความสำเร็จในวงการ จนทุกคนหัวเราะเยาะ แม้แต่พ่อของเขาก็ยังไม่ยอมรับว่าเรื่องที่ลูกชายคิดทำนายอากาศจะเป็นไปได้ หนังเล่าสั้นๆ แต่ข้ามช่วงเวลายาวนานพอสมควร โดยให้เห็นว่าพ่อของเขาเปลี่ยนไปจากแต่ก่อน ด้วยอาการของโรคความจำเสื่อม และการที่เขาขึ้นบอลลูนครั้งนี้ก็คือโอกาสครั้งสุดท้ายที่จะทำให้พ่อของเขายอมรับ (และไม่ขายหน้าคนอื่นด้วย)
หนังเป็นการผจญภัยของคน 2 คนที่มีความเชื่อแตกต่างกันขัดแย้งกันจากวิธีคิดวิธีปฏิบัติ เรนเป็นมืออาชีพที่มีประสบการณ์สูง และไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยเดิมกับสามีของเธอ ความปลอดภัยทุกอย่างต้องมาก่อน ส่วนเจมส์กลับเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่มีความกระตือรือร้นไม่สิ้นสุด ขึ้นไปสูงเท่าไหร่ก็ยิ่งต้องไต่ขึ้นไปเรื่อยๆ ทั้งๆ ที่สถิติเก่าที่คนทำไว้แค่ 7 พันเมตร แต่เขาทะเยอทะยานอยากไปไกลกว่านั้นมาก ซึ่งเป็นอันตรายในแบบที่ตัวเจมส์เองก็คาดการณ์ผิดเช่นกัน อย่างเรื่องความเชื่อสมัยเก่าที่คิดว่า ยิ่งสูงขึ้นเจอแสงแดดมากน่าจะร้อนกว่า ทำให้เขาไม่ยอมเตรียมเสื้อน้ำมันที่ช่วยทนฝน ทนหนาว ซึ่งจำเป็นมากกับนักขับบอลลูน ด้วยเหตุผลว่ามันหนักเกินจนทำให้เขาขนอุปการณ์วิทยาศาสตร์ไปไม่หมด
หนังมีฉากที่เรียกว่าเสียววาบกับความสูงและอันตรายที่ใส่เข้ามาทั้งเรื่อง แบบที่จู่โจมเข้ามาเป็นระยะๆ ซึ่งทำได้สมจริงมากกับอันตรายที่โผล่เข้ามาแต่ละอย่าง ซึ่งบทแอ็กชั่นผาดโผนต่างๆ ในเรื่องตกอยู่กับนางเอกแทบทั้งหมด แม้กระทั่งตอนจบยังหนักหน่วงกว่าเจมส์มาก ซึ่งนักแสดงสาว เฟลิซิตี้ โจนส์ นี่หายห่วงเลย เพราะเธอเป็นนางเอกแนวหญิงเดี่ยวเก่งกล้ามาตั้งแต่หนังสตาร์วอร์ Rogue One แล้ว หนังจัดบทให้เธอปีนป่ายลุยทำทุกอย่างได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ ถ้าใครเป็นโรคกลัวความสูงดูหนังเรื่องนี้ยิ่งระทึกมากขึ้นไปอีกครับ
แต่ก็ไม่ใช่แค่มีมุมอันตราย บนท้องฟ้ายังมีความงามมากด้วยเช่นกัน The Aeronauts เนรมิตรฉากท้องฟ้าฝ่าก้อนเมฆได้สวยงามมาก คือปกติเราอาจจะได้เห็นหนังเครื่องบินชมวิวท้องฟ้าอะไรแบบนี้ แต่นี่เป็นเรื่องของมนุษย์ตัวเปล่าลอยสูงขึ้นๆ จนถึงระดับ สตราโทสเฟียร์ ที่เครื่องบินใช้บินเพื่อรักษาเสถียรภาพ ซึ่งมุมมองภาพกว้างรอบตัวแบบนี้มีแต่บอลลูนที่ทำได้ หนังจำลองฉากมุมสูงทั้งจากมุมมองในบอลลูนออกไป และมุมมองจากนอกบอลลูนกลับมา ด้วย CG ที่เนียนกริบมาก ไม่มีความรู้สึกลอยแปลกแยกจากฉากเลย และยังสวยงามมากจริงๆ จนทำให้เข้าใจเลยว่าทำไมแม้แต่มาถึงยุคนี้แล้วยังมีคนหลงไหลบอลลูนอยู่อีกเป็นจำนวนมาก (มีเทศกาลบอลลูนนานาชาติจัดที่ไทยเลยด้วยครับ)
ด้วยความที่หนังอยู่ในยุคอดีตก่อนมีรถยนต์หรือเครื่องบิน ทำให้เรื่องราวหลายอย่างดูคลาสิคเอามากๆ อย่างการใช้นกพิราบสื่อสารที่พกไปด้วยบอลลูนหลายตัวไว้ส่งข่าวกลับไป เผื่อพลาดเกิดอุบัติเหตุตายก่อน การใช้กล้องส่องทางไกลที่พกกันประจำตัว หนังเก็บรายละเอียดโลกในยุคก่อนมีเครื่องยนต์ได้อย่างน่าประทับใจ ได้เห็นความพยายามบุกเบิกเอาชนะสิ่งต่างๆ ที่มนุษย์ยังไปไม่ถึง กว่าจะมาเป็นพื้นฐานวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันได้ต้องฝ่าฟันอะไรบ้าง ซึ่ง The Aeronauts เป็นหนังที่ผสมรวมกันทั้งการผจญภัยจากเรื่องจริงกับการเปิดโลกวิทยาศาสตร์พยากรณ์อากาศไปพร้อมกันได้อย่าง สนุก ได้ความรู้ ลุ้นหวาดเสียว แอบมีน้ำตาจากดราม่าไปพร้อมกันครับ
ติดตามรีวิวหนัง Amazon Prime Video คลิกที่นี่