playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว The Afterparty ซีรีส์ตลกสืบสวนชวนวายป่วงกับธีมงานปาร์ตี้

สรุป

ซีรีส์สืบสวนแบบดูตลกๆ ขำนิดๆ ตลอดเรื่อง แต่ก็จริงจังกับการไขคดีในตอนท้ายแบบเชื่อมต่อจิ๊กซอว์ทั้งหมดได้เนียนมาก แต่บางตอนทำออกมาฉีกแนวไปหน่อยจนดูไม่สนุก แต่โดยรวมถือว่าเป็นซีรีส์สืบสวนสั้นๆ 8 ตอนจบที่โอเคเลยครับ

 

Overall
7/10
7/10
Sending
User Review
0 (0 votes)

Pros

  • แนวเรื่องสืบสวนที่เชื่อมโยงกับธีมงานปาร์ตี้ทั้งเรื่อง
  • แต่ละตอนมีเอกลักษณ์แนวทางแตกต่างกันหมด
  • มีเส้นเรื่องรองแนวรักที่ดูน่าลุ้นไปจนจบ
  • ติดตลกขำเบาๆ ตลอดเรื่อง
  • จบสมบูรณ์เลยในซีซั่นเดียว

 

Cons

  • บางตอนฉีกแนวเกินไปจนดูไม่สนุกเท่าไหร่
  • ตัวละครในงานมีเยอะ แต่หยิบมาเล่าไม่หมดจนดูเป็นส่วนเกินของเรื่อง

 

 

ADBRO

The Afterparty ซีรีส์ตลกสืบสวนของ Apple TV+ 8 ตอนจบ ที่เล่าเรื่องราวการสืบคดีฆาตกรรมในงานเลี้ยงคืนสู่เหย้าของเหล่าตัวละครสุดวายป่วงกันทุกคน

 The Afterparty (2022) on IMDb

ตัวอย่าง

เรื่องย่อ

กลุ่มเพื่อนเก่าสมัยไฮสคูลกลับมางานปาร์ตี้คืนสู่เหย้านัดพบสังสรรค์กันอีกครั้ง แต่แล้วก็เกิดเหตุนักร้องนักแสดงดังที่เป็นอดีตศิษย์เก่าตายแบบปริศนา โดยหลักฐานเบื้องต้นพุ่งเป้าไปที่ “อนิก” หนุ่มผิวดำที่เป็นคนสุดท้ายในห้องที่เกิดเหตุกับเหยื่อ เขาจึงพยายามหาทางพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง โดยที่ยังต้องหาทางสานสัมพันธ์กับเพื่อนสาวในวัยเรียนที่เขาแอบชอบมาตลอดด้วย

รีวิว

ซีรีส์สืบสวนที่ดูเหมือนแนวตลกไม่จริงจัง แต่ความจริงเป็นซีรีส์ที่จริงจังกับรายละเอียดทุกอย่างในแต่ละตอนมาก แต่ด้วยความตลกของเรื่องทำให้หลายๆ อย่างที่นำเสนอออกมาถูกมองข้ามไป ซึ่งแอบน่าเสียดายมากที่เรื่องพยายามจะตลกแหวกแนวกันทุกตอนจนเกินไปหน่อย ซึ่งในเรื่องนี้จะแบ่งเวลาให้แต่ละตอนเป็นการเล่าเรื่องในงานปาร์ตี้ของแต่ละคนผ่านตัวละคร 7 คน จากทั้งหมด 8 ตอน ตอนสุดท้ายจะเป็นตอนเฉลยเรื่องราวทั้งหมด โดยหยิบจับจากเรื่องเล่าทั้ง 7 ตอนมาย้อนให้ดูว่าใครมีพิรุธตรงไหน และใครที่เล่าเรื่องโกหกให้ตำรวจนักสืบฟัง ซึ่งพอเฉลยในตอนท้ายเราถึงรู้ว่าทุกตอนที่เล่ามาทั้งหมดเกี่ยวข้องกันทุกจุดจริงๆ แบบที่สามารถย้อนไปดูต่อฉากจับผิดตามได้เลย ซึ่งจุดนี้คือความเจ๋งของเรื่องที่คิดมาดี มีบทเฉลยที่ลงตัว อธิบายได้ทุกอย่าง พร้อมกับจบคดีในตัวเลยไม่มีค้างต่อไปซีซั่นต่อไป

แต่สิ่งที่เรื่องนี้มีปัญหานิดๆ ก็คือการที่พยายามทำให้เรื่องดูแหวกแนวในบางตอนมากไปหน่อย อย่างตอนของเพื่อนซี้อนิกที่ฝันอยากเป็นนักร้อง คำให้การของเขาก็กลายเป็นการเล่าเรื่องแบบหนังเพลงไป คืออยู่ๆ เรื่องก็ตัดให้ทั้งตอนเป็นหนังเพลงไปเลย ซึ่งจะว่าครีเอทให้สนุกมันก็พอได้ แต่คือพอดูๆ ไปมันกลายเป็นมีแต่น้ำมากไปหน่อย เพราะเสียเวลาไปกับฉากร้องเพลงเหมือนเรามานั่งดูฉากเต้นในหนังอินเดียติดๆ กันอะไรแบบนั้น หรืออีกตอนที่เป็นนางเอกของเรื่องเล่าโดยตัดเรื่องเป็นการ์ตูนอนิเมชั่น คือเราเข้าใจว่าคนสร้างอยากครีเอทให้แต่ละตอนมีแนวการนำเสนอแปลกใหม่ แต่คือมันแปลกเกินไป แล้วก็ไม่สนุกอีกต่างหาก ยิ่งพอตัดอารมณ์จากการเล่าเรื่องปกติกลับไปอนิเมชั่นหยาบๆ ยิ่งทำให้รู้สึกว่ากลายเป็นตอนที่แย่แบบไม่รู้จะดูไปทำไมเลย ซึ่งอะไรแบบนี้แหละที่ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ดูมีปัญหาอยู่บ้าง แต่ถ้าตัดพวกตอนแปลกๆ แบบนี้ไป ตอนที่เล่าเรื่องราวตามปกติก็ถือว่าทำได้ดีเลย ตอนดูเราอาจจะแค่เพลินๆ กับตลกบ้างพอสมควร แต่พอตอนจบที่เรื่องราวทุกฉากสำคัญหมดทำให้เรื่องราวพวกนี้ดูเจ๋งขึ้นมาทันที เพราะเป็นคนดูเองที่ไม่ทันคิดตามทั้งๆ ที่เรื่องแทบจะเฉลยแบบจะๆ ให้เห็นตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าใครคือคนร้าย

ตัวเรื่องมีเส้นเรื่องรองเป็นความรักของอนิกกับโซอี้ ซึ่งเขากลับมางานนี้เพื่อพบเธอโดยเฉพาะ หลังรู้ว่าเธอหย่าจากสามีที่เป็นอดีตหัวโจกแกล้งเขาไปแล้ว แต่ก็ไม่หย่าขาดจากกัน เส้นเรื่องรองนี้กลับทำได้สนุกกว่าตอนสืบสวนซะอีก เพราะเรื่องราวมันสลับซับซ้อนจากการที่ใครๆ ก็หมายตาโซอี้ในงานนี้แบบเดียวกับอนิก แล้วก็กลายเป็นศึกชิงนางอีรุงตุงนังที่สนุกมาก โดยแอบมีฉากโรแมนติกเล็กๆ แทรกอยู่ด้วย ซึ่งคนดูก็ต้องลุ้นแหละว่าอนิกจะแก้ข้อกล่าวหาตัวเองได้พร้อมกับสานรักกับโซอี้ได้ด้วยรึเปล่า ซึ่งเป็นบทสรุปสุดท้ายของเรื่องราวต่อจากการไขคดีนี้ด้วย

ในเรื่องยังถ่ายทอดอารมณ์ของงานปาร์ตี้คืนสู่เหย้าได้เป็นอย่างดี ตัวเรื่องทำให้เห็นว่าการกลับมาพบกันของเพื่อนวัยเรียนเป็นอย่างไรในทุกแง่มุม ทั้งหัวโจกในอดีต เด็กที่ถูกแกล้ง สาวป๊อบประจำโรงเรียน ก๊วนเด็กเนิร์ด เป็นแนวเรื่องการกลับเคลียร์ปัญหาที่ค้างคาไว้สมัยอดีต ซึ่งเรื่องก็สละเวลาให้ 1 ตอนมีฉากย้อนอดีตไปยังสมัยพวกนี้เป็นเด็ก แต่ก็ใช้ตัวแสดงตอนโตนี่แหละไปแต่งตัวเป็นเด็กสมัยนั้น ซึ่งก็ทำให้ตอนนี้มันกลายเป็นตอนตลกแบบเก๋ๆ เหมือนเด็กโข่งกันทุกคน นอกจากนี้แล้วเรื่องยังพยายามเล่นธีมงานปาร์ตี้ทั้งเรื่องด้วย โดยที่เกิดเหตุเป็นปาร์ตี้ต่อจากปาร์ตี้งานคืนสู่เหย้า แล้วก็ยังมีปาร์ตี้ย้อนอดีตเรียนจากตอนนี้ด้วย ซึ่งก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับการไขคดีในปัจจุบันด้วย

สรุป The Afterparty สนุกและดีไหม

ดูเพลินๆ สนุกพอสมควร จะติดก็ตรงบางตอนที่ทำออกมาฉีกแนวไปหน่อย โดยรวมถือว่าเป็นซีรีส์สืบสวนสั้นๆ 8 ตอนจบที่โอเคเลยครับ

 

ติดตามอ่านรีวิวหนัง/ซีรีส์ใน Apple TV+ คลิกที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!