playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว The Boy ซีซั่น 2 การกลับมาของก๊วนล่าซูเปอร์ฮีโร่สุดระยำ (อัพเดทจบ 8 ตอน)

The Boy SS2

สรุป

ตัวเรื่องออกแนวเอื่อยๆ กว่าซีซั่น 1 มา ถึงจะมีฉากเลือดสาดเยอะกว่า ตัวเรื่องมาเน้นดราม่าปัญหาชีวิตส่วนตัวกระจายไปหลายตัวละคร จนถึงช่วงสามตอนสุดท้ายเรื่องถึงเข้มข้นน่าติดตาม มีฉากแอ็กชั่นสำคัญๆ เข้ามา และก็จบแบบแฮปปี้เอนดิ้งได้อย่างลงตัวมาก

Overall
7.5/10
7.5/10
Sending
User Review
0 (0 votes)

Pros

  • ฉากรุนแรงเลือดสาดใส่มาเยอะกว่าซีซั่นแรกมาก
  • เปิดตัว “สตอร์มฟรอนต์” ซูปส์หญิงที่เลวระยำไม่แพ้โฮมแลนเดอร์
  • มุกล้อเลียนเสียดสีหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่ยังมีใส่มาได้เรื่อยๆ

Cons

  • บทความขัดแย้งของบุตเชอร์กับฮิวอี้ที่ดูดราม่าแบบไม่เข้าเรื่อง
  • ดราม่าชีวิตของบุตเชอร์เยอะมากแทบทั้งเรื่อง
  • ฉากการตามล่าลุ้นกับการต่อสู้พวกซูปส์หดหายไปเกือบหมด
  • เนื้อเรื่องเอื่อยๆ ยาวนานกว่าจะเริ่มเข้าบู้จริงจังก็ช่วง 3 ตอนสุดท้าย

ADBRO

The Boy SS2 การกลับมาของก๊วนล่าซูเปอร์ฮีโร่ที่ภายนอกทำตัวเป็นคนดี แต่เบื้องหลังเลวระยำ เป็นงานสร้างต่อจากการ์ตูนที่วางเรื่องจบไปแล้วในซีซั่น 1 และต่อจากนี้คือเรื่องราวที่ซีรีส์ขยายต่อเติมโลกของเรื่องนี้ไปอีกไกลมาก

ตัวอย่าง The Boy SS2

ซีซั่น 2 เรื่องราวต่อจาก ซีซั่น 1 ตอนจบโดยตรง ที่ปิดเรื่องไว้ว่ามีการสร้างเหล่าซูเปอร์วายร้ายขึ้นมาโดยโฮมแลนเดอร์เอง เพื่อให้มีอำนาจเข้าไปอยู่ในกองทัพอเมริกา แต่เนื้อเรื่องกลับไม่ได้ให้น้ำหนักแบบมีวายร้ายตัวฉกาจเกิดขึ้นแต่อย่างใด กลายเป็นซูเปอร์วายร้ายพวกนี้แค่เป็นเครื่องมือให้ทั้งวอทกับโฮมแลนเดอร์เอาไปใช้งานเพื่อให้มีฐานอำนาจมากยิ่งขึ้นแทน ซึ่งคนที่หวังว่าซีซั่นนี้เปิดมาจะมีฉากต่อสู้ดุเดือดอะไรพวกนี้คงผิดหวังไปตามๆ กัน กลายเป็นว่าซีซั่นนี้พยายามปั้นทิศทางใหม่ขึ้นมาโดยพยายามให้ทีม The Boy ที่เหมือนหมดไฟสิ้นหวังไปแล้วในตอนจบซีซั่นแรก ให้มีความแค้นและเป้าหมายใหม่มาจัดการพวกซูปส์อีกครั้ง

ใน 3 ตอนแรกที่ปล่อยออกมาก่อนจะฉายต่ออาทิตย์จนครบ 8 ตอน เรื่องราวจะไม่ได้ไปไหนไกลมากนัก มีจุดเชื่อมต่อจากตอนจบเรื่องลูกของโฮมแลนเดอร์ และพยายามปูให้โฮมแลนเดอร์พยายามทำตัวเป็นพ่อที่สอนลูกให้รู้ถึงพลังพิเศษแบบเดียวกับเขา แต่ว่าตัวลูกของโฮมแลนเดอร์เองกลับต่อต้านและไม่ได้ยินยอมพร้อมใจตามรอยพ่อนัก และเรื่องก็โฟกัสที่ปัญหาของเดอะดีฟที่ถูกขับออกจาก 7 และพยายามหาทางกลับมาร่วมทีมให้ได้อีกครั้ง ส่วนแก๊ง The Boy ที่เหลือก็พยายามหาทางเอาตัวรอดจากทั้งกลุ่ม 7 ที่ตามล่าเขา และประกาศจับจากตำรวจทั่วประเทศ ด้วยการตามล่าตัวซูปส์วายร้ายที่เล็ดรอดเข้าในอเมริกามาแลกเปลี่ยนกับ CIA เพื่อลบล้างข้อหาทั้งหมด

เนื้อเรื่อง 2 ตอนแรกค่อนข้างธรรมดามากไม่มีอะไรใหม่ และก็ไม่ได้มีฉากการต่อสู้กับซูปส์เลยสักครั้ง มาตอนที่ 3 เรื่องถึงค่อยเข้มข้นขึ้นมา และก็เป็นฉากไฮไลท์ต่างๆ ที่อยู่ในตัวอย่าง ซึ่งตอน 3 นี่เหมือนพึ่งเริ่มทิศทางใหม่ของเรื่องจริงๆ อีกครั้ง โดยให้มีซูปส์ที่คนใหม่ที่กล้างัดข้อกับโฮมแลนเดอร์ เธอมาในนาม “สตอร์มฟรอนต์” ถูกส่งมาจากประธานวอทโดยตรง ซึ่งมาโชว์พลังเอาท้ายตอน 3 นี่แหละว่าพอๆ กับการเป็นคู่ปรับโฮมแลนเดอร์ได้เหมือนกัน โดยทิ้งปริศนาไว้ตลอดเรื่องว่าเธอคือใครกันแน่ ซึ่งลึกลับกว่าคนอื่นๆ มาก และจุดประสงค์การมาของเธอคืออะไรกันแน่ เมื่อเธอพุ่งเป้าไปที่โฮมแลนเดอร์โดยตรง

จุดด้อยของซีซั่นนี้ก็คงเป็นตัวเรื่องไม่ได้พุ่งไปที่การตามล่าเด็ดหัวซูเปอร์ฮีโร่เป็นคนๆ ในแบบซีซั่นแรก ความเข้มข้นของเรื่องจึงแผ่วลงไปมาก ซึ่งก็เข้าใจว่ามันยากมากกับการที่คิดให้คนธรรมดามาต่อสู้กับพวกซูเปอร์ฮีโร่ที่มีพลังระดับนี้ได้ และปัญหานี้เกิดตั้งแต่ช่วงหลังของซีซั่นแรกแล้ว ผู้สร้างเลยพยายามทดแทนด้วยการใส่ความรุนแรงเลือดสาดกับฉากระเบิดชิ้นส่วนมนุษย์แหวะๆ เพิ่มมากกว่าซีซั่นแรกอย่างเห็นได้ชัด แต่ฉากที่ยัดมาพวกนี้กลับไม่ได้ทำให้รู้สึกหวาดเสียวตื่นเต้นแบบที่เกิดในซีซั่นแรกจากการปะทะกับพวกซูปส์เลย และออกแนวเลือดสาดพร่ำเพรื่อเกินเหตุไปด้วย

อีกจุดที่เรื่องดูแปลกๆ ไปมากคือการพยายามใส่ปมขัดแย้งระหว่างบุตเชอร์กับฮิวอี้จนดูงี่เง่ามากเกินไป และก็ไม่ค่อยสมเหตุผลเท่าไหร่ แม้จะพยายามโยงไปถึงอดีตของน้องชายของบุตเชอร์เพิ่ม โฮมแลนเดอร์ก็ยังดูเลวแบบผิดมนุษย์ได้เหมือนเดิมไม่เปลี่ยน แต่มีเพิ่มโหมดความอยากเป็นพ่อที่ดีสอนลูกมาให้คนดูรู้สึกสงสารนิดๆ และก็เพิ่มสตอร์มฟรอนต์ขึ้นมาอีกคนให้คนดูเกลียดสูสีกัน ซึ่งก็ถือว่าทำได้สำเร็จ แต่ก็แอบเบื่อกับเรื่องราวยืดๆ ของสองคนนี้อยู่บ้าง

ตัวเรื่องเดินหน้าไปแบบเน้นดราม่าชีวิตรักของฮิวอี้กับสตอมฟอนท์ ปัญหาชีวิตของบุตเชอร์กับเมียและลูกโฮมแลนเดอร์แถมยังมีดราม่าปัญหาพ่อกับแม่บุตเชอร์เข้ามาเกี่ยวอีก ซึ่งเยอะแยะมากไปเหมือนกัน แล้วก็ดูไม่ได้เกี่ยวโดยตรงกับเรื่องการกำจัดซูปส์เลยด้วย แล้วก็ยังมีเรื่องของเดอะดีฟที่ตกอับพยายามหาทางกลับเข้าทีมด้วยปรับปรุงตัวใหม่เป็นคนดี ผ่านความช่วยเหลือของโบสถ์ใหญ่ที่มีเส้นสายกับวอท และก็ลากเอเทรนเข้ามาร่วมวงด้วย ซึ่งตรงนี้อาจจะดูไม่เกี่ยวกับเส้นเรื่องเลย แต่ว่าก็ดูขำๆ ปนสงสารกับดราม่าของเดอะดีฟพอได้อยู่เหมือนกัน

ตัวเรื่องจะมาเริ่มเดือดก็ตอน 6 ขึ้นไป มีฉากแอ็กชั่นสู้จริงจังเข้ามา ก่อนไปถึงฉากไคลแม็กซ์การกำจัดซูปส์คนหนึ่ง ที่ทำออกมาได้สะใจคนดูมากๆ ถึงมากที่สุด พร้อมกับบทสรุปเรื่องราวที่ปิดปมตั้งแต่ซีซั่น 1 ได้ลงตัวหมด แฮปปี้เอนดิ้งได้อย่างไม่น่าเชื่อเหมือนกัน ก่อนทิ้งท้ายปมใหม่ไว้ไปต่อซีซั่น 3 ซึ่งจะเป็นทิศทางใหม่แตกต่างจากทีมใต้ดินไล่ล่าซูปส์อีกด้วย

 

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!