playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว The Boys SS4 แอ็กชั่นไม่ถึงใจ ได้แค่การปูเรื่องไปสู่จุดจบซีซั่นหน้าเท่านั้น

Summary

สรุปโดยรวมซีซั่นนี้ถูกวางเรื่องมาให้เหมือนมีการโยงเรื่องการเมืองที่ดุเดือดมากระดับไปถึง Civil War สงครามกลางเมืองอเมริกา แต่เรื่องกลับทำได้แค่ปูพื้นนำร่องไว้เท่านั้นเพื่อไปจบที่ซีซั่น 5 ตัวเรื่องจึงแทบไม่มีฉากแอ็กชั่นที่น่าจดจำ ไม่มีไคลแม็กซ์ต่อสู้ดุเดือด ซึ่งค่อนข้างน่าผิดหวังพอสมควร แต่ส่วนที่ดีคือการพัฒนาตัวละครทุกตัวเพื่อไปให้ถึงจุดแตกหักสุดยอดในซีซั่นหน้า มีการพลิกกลับของบางตัวละครที่ทำได้ดีมากจนทำให้ผู้ชมเอาใจช่วย และความลับของบุชเชอร์ที่เรื่องพยายามซ่อนไว้ตลอดเพื่อปูทางเขาไปสู่จุดสุดท้ายของซีซั่นหน้าที่เดือดมากแน่นอนครับ

Overall
7/10
7/10
Sending
User Review
0 (0 votes)

Pros

  • พัฒนาตัวละครทุกตัวได้ดีมากเพื่อไปสู่ซีซั่น 5 ตอนจบ
  • ยังคงแนวเถื่อนดิบล้อเลียนแบบติดเรต  18+ได้ดี

Cons

  • เนื้อเรื่องปูการเมืองอเมริกา แต่ไม่เข้มข้นเท่าไหร่
  • ฉากแอ็กชั่นไม่เข้มข้นมาก เน้นตัวเล็กๆ สู้กัน

The Boys SS4 Amazon prime  8 ตอน ซีซั่น 4 ที่เล่นเนื้อหาเกี่ยวกับการเลือกตั้งอเมริกาให้ตรงกับเหตุการณ์ในปัจจุบันที่ทรัมป์มีโอกาสก้าวเข้ามาเป็นประธานาธิบดีคนต่อไปค่อนข้างมาก โดยเป็นฝ่ายขวาจัดที่ก้าวขึ้นมามีอำนาจนี้ ซึ่งในเรื่องนี้ก็คือการที่ฝ่ายซูปของโฮมแลนเดอร์กำลังวางแผนให้วิคตอเรีย นิวแมนขึ้นมายึดอำนาจประธนาธิบดี แล้วก็สร้างสังคมที่ซูปเป็นใหญ่ควบคุมอเมริกาและโลกให้ได้ โดยที่ฝ่าย The Boys ก็พยายามหาทางหยุดยั้งวิกฤตนี้ให้ได้เช่นกัน โดยมีอาวุธคือไวรัสจาก Gen V กับลูกชายโฮมแลนเดอร์เป็นเดิมพัน

รีวิว The Boys SS3

รีวิว The Boys SS3 ปูเรื่องดี ครีเอทฉากระยำได้เจ๋ง แต่มาหัวทิ่มดิ่งเหวเอาในตอนจบ (ไม่สปอยล์)

 

รีวิว The Boys SS3 (มีสปอยล์นิดหน่อย)

ซีรีส์ภาคนี้มีโครงเรื่องที่ดูดุเดือดจากการทิ้งเชื้อไว้ในท้ายซีซั่น 3 ทำให้เหตุการณ์ในอเมริกาแบ่ง 2 ฝ่ายระหว่างคนเชื่อในสตาร์ไลท์ที่ถอนตัวออกจากวอทกับโฮมแลนเดอร์ที่เปิดเผยเลยว่าตัวเองโหดเหี้ยมอำมหิตในการฆ่าคนในที่สาธารณะตอนท้ายซีซั่น 3 แล้วผู้คนกลับเข้าข้างเขาอีก โดยที่มีลูกชายสนับสนุนการกระทำนี้ไปด้วย แต่ว่าพอเริ่มตอนแรกเหมือนผู้เขียนบทต้องการแก้ไขประเด็นของลูกชายโฮมแลนเดอร์จึงเปลี่ยนกลับมาเป็นปกติรู้สึกผิดกับการทำร้ายผู้อื่น ซึ่งจริงๆ ก็คือเป็นไปตามเรื่องที่วางไว้มาตลอดเพราะรีเบ็คก้าแม่สอนมาให้เป็นเด็กดี ส่วนของโฮมแลนเดอร์ก็ตัดจบง่ายๆ เช่นกันด้วยข้อแก้ต่างในศาลว่าอีกฝ่ายเป็นคนเลวพยายามทำร้ายลูกชายเขา ซึ่งทำให้เรื่องดูเบาลงกว่าที่คิดไว้มาก

และด้วยความที่ผู้สร้างประกาศไว้ก่อนฉายเลยว่าซีซั่น 5 จะเป็นภาคสุดท้ายของ The Boys แล้ว (แต่มี Gen V มาคั่นก่อนในปีหน้าและทำต่อ) ซีซั่นนี้เลยกลายเป็นการปูเรื่องเพื่อไปจบที่ซีซั่น 5 มากกว่าจะมีทีเด็ดตัวร้ายหรือไคลแม็กซ์การต่อสู้ดุเดือดในแบบที่ผ่านมา โครงสร้างเรื่องในภาคนี้ยังเหมือนเดิมคือพวก the Boys พยายามหาทางฆ่าโฮมแลนเดอร์ โดยมีนิวแมนที่เพิ่มมาเป็นปัญหาด้วยอีกคน โดยการหวังพึ่งไวรัสฆ่าซูปที่ได้มาจากเนื้อเรื่องของ Gen V แต่ต้องมาทำให้แรงขึ้นจนแน่ใจว่าฆ่าได้ ซึ่งเรื่องวนอยู่กับเรื่องนี้ทั้ง 8 ตอน โดยที่ตอนท้ายก็ไม่ได้มีการนำไปใช้ แค่แสดงให้เห็นระหว่างการเดินเรื่องว่ามันสามารถทำได้ถึงแค่ไหนเท่านั้น และเนื้อเรื่องอีกเส้นทางคือความพยายามช่วยลูกชายโฮมแลนเดอร์ออกมา โดยบุชเชอร์ที่มีสภาพใกล้ตาย ซึ่งเรื่องส่วนนี้ก็แค่การปูให้เห็นว่าสุดท้ายลูกชายโฮมจะเลือกทางไหนแค่นั้น โดยมีปมอดีตของโฮมแลนเดอร์เสริมมาในตอนกลางเรื่องเพื่อให้เห็นจุดมุ่งหมายที่เขาต้องการลูกชายไว้สืบทอดต่อ ส่วนตัวละครซูปส์ใหม่ 2 ตัวซิสเตอร์เซจซูปที่ฉลาดที่สุดในโลกก็มาเพื่อแค่วางแผนไม่มีฉากสู้ ส่วนไฟร์แครกเกอร์ก็มาเพื่อสร้างดราม่าฝีปากเพราะมีความแค้นกับสตาร์ไลท์โดยตรงเท่านั้น ทำให้เรื่องก็เลยไปไม่ถึงในส่วนของฉากแอ็กชั่นและไม่มีไคลแม็กซ์ฉากต่อสู้ดีๆ แบบภาคก่อนๆ เลยครับ รวมถึงการต่อสู้ระหว่างทางก็จิ๊บจ๊อยมาก ตัวละครซูปส์ระหว่างทางเหมือนเป็นมินิบอสเล็กมากๆ แบบมาเพื่อตายระหว่างทางให้มีสีสันฉากสู้คั่นไว้หน่อยเท่านั้น แต่ที่ได้คือพวกนี้มีความตลกและการเล่นมุกอุบาทว์มากๆ ทิ้งท้ายไว้ก่อนตายครับ

แต่ถึงฉากสู้ในซีซั่นนี้จะค่อนข้างแป๊กมาก แต่ตัวเรื่องบางส่วนก็มีจุดดีที่น่าติดตาม อย่างการที่ทีม The Boys พยายามไว้ใจเอเทรน จนทำให้เอเทรนคิดได้และเปลี่ยนแปลงตัวไปมาก ซึ่งเรื่องบิ้วตัวละครเอเทรนให้ทำดีชดใช้บาปที่ก่อไว้จนเชื่อว่าผู้ชมก็เอาใจช่วยให้เอเทรนรอดให้ได้แน่ๆ โดยอีกคนที่เรื่องเจาะลึกให้เห็นอีกด้านก็คือวิคตอเรีย นิวแมน ที่ก่อนนี้ถูกปูมาเป็นตัวร้ายสูสีโฮมแลนเดอร์ แต่มาในซีซั่นนี้จะได้เห็นอีกด้านของเธอที่มีแรงจูงใจเพื่อลูกและความมั่นคงของตัวเธอเอง ที่ทำให้พอน่าเห็นใจได้เหมือนกัน นิวแมนกลายเป็นตัวละครซูปส์ที่ต้องมีพลังมากแต่ต้องปิดบังตนเองตลอดเพื่อความอยู่รอดของครอบครัว ซึ่งบทของเธอมีความสำคัญกับเรื่องตลอดว่าจะพลิกไปทางไหน เพราะเธอเป็นได้ทั้งสองฝั่ง และมีตอนจบที่เซอร์ไพรส์มากรออยู่ด้วย

นอกจากนี้ฝั่ง The Boys ก็ยังมีการซ่อนความลับของบุตเชอร์ไว้ตลอด 8 ตอน โดยตามคอมมิคเขาคือลาสบอสสุดท้ายหลังจากจัดการโฮมแลนเดอร์ได้ก็หวังฆ่าซูปทุกคน ซึ่งเรื่องในภาคนี้ก็คือการปูเนื้อหาความเข้มข้นไปสู่จุดนั้น โดยการสร้างตัวละครใหม่ โจ เคสเลอร์ เป็นเพื่อนเก่า CIA ของบุชเชอร์มาอธิบายให้สอดรับกับเหตุการณ์ที่จะเกิดในซีซั่น 5 ซึ่งมีจุดหักมุมของเรื่องอยู่ช่วงกลางๆ เรื่อง ก่อนที่ตอนท้ายจะเฉลยความลับนี้ออกมา และก็ค่อนข้างน่าตกใจกับเหตุการณ์ในตอนจบ แต่ก็ยังดูน่ากังขาอยู่ว่าแค่นี้เหรอ? ซึ่งคาดว่าเรื่องน่าจะพัฒนาตัวละครนี้เพิ่มขึ้นไปอีกในซีซั่นหน้าครับ

นอกจากนี้แล้วเรื่องก็ไล่ปูพัฒนาการความสัมพันธ์ตัวละครเล็กให้จบในภาคนี้ อย่างเฟรนชี่กับคิมิโกะก็มีปัญหาเรื่องความรักกันก่อนเคลียร์กันได้และก็เฉลยที่มาของการเป็นใบ้ของเธอ ปัญหาครอบครัวของเอ็มเอ็มในระหว่างที่ขึ้นมานำ The boys แทนบุตเชอร์โดยมี CIA คอยสนับสนุนช่วยเหลือเต็มที่ ปัญหาของดิวอี้กับสตาร์ไลท์ โดยฮิวอี้มีปัญหาเรื่องพ่อกับแม่เข้ามาแทรกในช่วงแรกของเรื่อง แต่ก็แทบไม่ได้เป็นส่วนสำคัญในตอนท้ายเลย ตัวดีฟก็มีปัญหากับปลาหมึกจริงๆ ที่เป็นคู่รักซ่อนไว้ในห้อง โดยมีคู่หูคือแบล็กนัวร์คนใหม่ที่ดีฟต้องเทรนเป็นพี่เลี้ยงให้เหมือนคนเดิม แต่เขาทำไม่ได้เพราะบุคลิกแตกต่างไปมาก ช่างพูดทั้งๆ ที่นัวร์คนเดิมคือเงียบสนิทตลอดเวลาครับ

 

สรุปโดยรวมซีซั่นนี้ถูกวางเรื่องมาให้เหมือนมีการโยงเรื่องการเมืองที่ดุเดือดมากระดับไปถึง Civil War สงครามกลางเมืองอเมริกา แต่เรื่องกลับทำได้แค่ปูพื้นนำร่องไว้เท่านั้นเพื่อไปจบที่ซีซั่น 5 ตัวเรื่องจึงแทบไม่มีฉากแอ็กชั่นที่น่าจดจำ ไม่มีไคลแม็กซ์ต่อสู้ดุเดือด ซึ่งค่อนข้างน่าผิดหวังพอสมควร แต่ส่วนที่ดีคือการพัฒนาตัวละครทุกตัวเพื่อไปให้ถึงจุดแตกหักสุดยอดในซีซั่นหน้า มีการพลิกกลับของบางตัวละครที่ทำได้ดีมากจนทำให้ผู้ชมเอาใจช่วย และความลับของบุตเชอร์ที่เรื่องพยายามซ่อนไว้ตลอดเพื่อปูทางเขาไปสู่จุดสุดท้ายของซีซั่นหน้าที่เดือดมากแน่นอนครับ

 

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!