playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว The Cage (Netflix) ขนนักกีฬาดังมาเล่นเอาใจแฟน UFC ได้ดี แต่ไม่เหมาะกับผู้ชมทั่วไปเท่าไหร่

The Cage

Summary

โดยรวมเป็นซีรีส์กีฬา MMA ที่ขนเอานักกีฬา UFC ดังๆ มาเล่นหลายคน โดยเขียนบทให้พวกเขาเล่นเป็นตัวเองได้ดีเลย แต่ว่าตัวเอกกลับใช้นักแสดงปกติมาเล่นซึ่งร่างกายมันไม่ได้แบบนักฬาสายนี้จริงๆ รวมถึงฉากสู้ที่เขียนให้ตัวเอกเป็นสไตรเกอร์ไม่เน้นรัดก็ทำให้วิธีเอาชนะแต่ละครั้งดูมีช่องโหว่ง่ายเกินไปไม่ดุเดือดเหมือนจริงเท่าไหร่ โดยเฉพาะฉากสุดท้ายที่ง่ายเกินไปมาก และบทของเรื่องนี้ก็เป็นไปแบบเส้นตรงง่ายๆ ด้วย แต่ดีที่ซีรีส์หยิบจับเอาเรื่องปมปัญหาของนักสู้มาใช้ประกอบเล่าเรื่องราวได้สอดคล้องกัน แต่มันก็เหมาะสำหรับคนที่รู้เรื่องพวกนี้ซึ่งเป็นแฟนกีฬาสายต่อสู้มากกว่าผู้ชมทั่วไปครับ (ซีรีส์ไม่จบในตัวมีทำต่อซีซั่น 2)

Overall
6.5/10
6.5/10
Sending
User Review
5 (1 vote)

Pros

  • ขนเอานักกีฬา UFC ดังๆ มาเล่นหลายคน
  • บทมีลงรายละเอียด MMA หลายด้านดี
  • ตัวร้ายเล่นได้สมบทบาท
  • มีพากย์ไทย

Cons

  • หุ่นตัวเอกดูไม่ลีนไปด้วยกล้ามเลย
  • ฉากการชนะหลายครั้งทำออกมาง่ายๆ
  • บทง่ายๆ เป็นเส้นตรง

 

ADBRO

The Cage ซีรีส์ Original Netflix ฝรั่งเศส 5 ตอนจบซีซั่น 1 เรื่องราวของเทเลอร์ หนุ่มจากครอบครัวยากจนที่ฝันอยากเข้าแข่งเป็นแชมป์ในรายการ UFC ที่เป็นฝันของทุกคนในวงการนี้ แต่เขาต้องผ่านสังเวียนในยุโรปให้เป็นที่ประจักษ์ให้ได้ซะก่อน โดยเฉพาะอิบราฮิมนักสู้ MMA ที่เป็นตัวร้ายของวงการตามจ้องเล่นงานเขาอยู่

The Cage (2024) on IMDb

รีวิว The Cage

ซีรีส์เล็กๆ ทึ่ดูหมือนโนเนม แต่จริงๆ แล้วน่าจะมีทุนหนาและได้รับการสนับสนุนจาก UFC โดยตรง เพราะขนนักกีฬาในวงการ MMA เข้ามาหลายคนมาก โดยเฉพาะแชมป์ตัวท็อปดังๆ ที่ยังแข่งอยู่และที่ลาสังเวียนไปแล้ว อย่าง จอน โจนส์, จอร์จส์ เซนต์ ปิแอร์, ซิริล เกน หรือแม้แต่ทาง One ก็มีอย่าง อนิสสา เม็กเซน ซึ่งบทของนักกีฬาตัวจริงของ UFC เหล่านี้ก็ไม่ได้มาแค่รับเชิญ แต่มาเล่นเป็นนักแสดงในบทจริงจังอย่าง โค้ช พี่เลี้ยง นักจัดรายการ ซึ่งมีบทช่วยตัวเอกจริงจังในการต่อสู้นี้ตั้งแต่ต้นจนจบเลย สำหรับแฟน UFC แค่นี้ก็น่าจะชอบแล้วที่ได้เห็นนักกีฬาพวกนี้มาเล่น โดยที่การแสดงของพวกเขาก็ไม่ได้ดูขัดตาอะไรมากด้วย ก็ยังรักษาลุคของตัวเองไว้แบบเดิมเลยครับ

แต่สำหรับตัวเอกของเรื่องซีรีส์กลับใช้นักแสดงที่มีผลงานไม่มากนักอย่าง Melvin Boomer ซึ่งบอกตรงๆ ว่าเป็นการเลือกที่ไม่เข้าท่านัก เพราะเขาก็ไม่ได้มีร่างกายที่ฟิตบึกบึนแบบนักกีฬาจริงๆ ซึ่งในเรื่องนี้ก็มีช่วงการฝึกอัพน้ำหนัก เปลี่ยนเวจรุ่นขึ้นไปเจอพวกตัวใหญ่ๆ หรือสังเวียนใต้ดิน UFC ที่โกงน้ำหนักกันแบบเถื่อนๆ อีก ซึ่งพอร่างกายมันไม่ได้ แม้จะพยายามเขียนบทให้ตัวเอกเป็นสายสไตรเกอร์ ก็คือเน้นยืนชกล้วนๆ มากกว่าการชนะด้วยจับรัด (แต่มีฉากฝึกรอดจากการจับรัดอยู่ตลอด) แต่มันก็ทำให้ดูไม่สมจริง เพราะการชกเข้าเป้าแต่ละครั้งอีกฝ่ายเปิดหน้าหราให้ชก รวมถึงจังหวะการชนะหลายครั้งก็ดูง่ายๆ ไปอย่างอยู่ๆ ก็ต่อยได้รัวๆ อีกฝ่ายโต้ไม่ได้ หรือตอนชนะในศึกสุดท้ายก็เล่นง่ายๆ ทีเดียวจอดเลย ซึ่งมันไม่ดุเดือดเหมือน MMA จริงๆ เลย แต่ตัวร้ายของเรื่องหุ่นให้กล้ามเป็นมัดๆ เล่นบทแสดงอารมณ์ชั่วๆ ได้ดี อันนี้ต้องชมเลยว่าน่าจะสลับบทกันมากกว่า

แต่ในด้านการลงรายละเอียดของเรื่องถือว่าค่อนข้างดี มีการหยิบจับปมประเด็นต่างๆ ของกีฬานี้มาใช้เพื่อเล่าเรื่อง อย่างการจะดังได้ต้องหาแสงท้าทายกัน เรื่องจึงสร้างให้พระเอกพยายามหาแสงให้ตัวเองโดยมีตัวร้ายที่เป็นแชมป์ในรายการ MMA ของฝรั่งเศสที่พระเอกไปฟลุ๊คต่อยคว่ำได้จนเป็นไวรัลไปทั่วเน็ต จนทำให้ทั้งคู่กลายเป็นศัตรูคู่อาฆาตกันตลอดเรื่องและมีการชก 3 รอบกับตัวร้ายนี้ ซึ่งซีรีส์ก็เอาเรื่องปมจิตใจหลังโดนน็อคที่เรียกว่า PTSD มาใช้ทำให้เขาไม่สามารถก้าวขึ้นสังเวียนได้ โดยมีฉากการฟื้น ฟูจิตใจโดยให้ไปสู้ในสังเวียนใต้ดิน ซึ่งเรื่องนี้เดินสายไปหลายประเทศโปแลนด์ เม็กซิโก แคนาดา ซึ่งแต่ละประเทศก็มีเรื่องราวต่างกัน นอกจากนั้นยังเอาประเด็นเรื่องฐานะยากจนของพระเอกมาเป็นแรงบันดาลใจพร้อมกับปัญหาไปพร้อมกันเมื่อแม่ไม่ยอมรับกีฬาประเภทนี้เพราะมองว่าเลี้ยงตัวไม่ได้ ซึ่งก็ไม่ต่างจากไทยที่นักมวยเด็กต้องชกหาตังเพื่อพ่อแม่ แต่ถ้าไม่ดังแจ้งเกิดก็มีแต่เจ็บตัวไม่คุ้มเท่านั้น แต่เรื่องทั้งหมดก็ยังเป็นบทที่ถูกเขียนมาเล่าเรื่อง่ายๆ หลายอย่างก็ดูเฟคๆ อย่างเพื่อนรักที่พยายามทรยศหากินโดยไม่สนใจตลอด จนถึงขั้นตอนท้ายที่ลงมือทำลายตัวเอกเพราะอิจฉาแค่นั้น ซึ่งเข้าใจว่าต้องการหักมุมเพื่อให้มีปมไปซีซั่น 2 แต่มันก็ทื่อๆ ไม่สมเหตุผลมากเกินจนเกินไปครับ

สรุป โดยรวมเป็นซีรีส์กีฬา MMA ที่ขนเอานักกีฬา UFC ดังๆ มาเล่นหลายคน โดยเขียนบทให้พวกเขาเล่นเป็นตัวเองได้ดีเลย แต่ว่าตัวเอกกลับใช้นักแสดงปกติมาเล่นซึ่งร่างกายมันไม่ได้แบบนักฬาสายนี้จริงๆ รวมถึงฉากสู้ที่เขียนให้ตัวเอกเป็นสไตรเกอร์ไม่เน้นรัดก็ทำให้วิธีเอาชนะแต่ละครั้งดูมีช่องโหว่ง่ายเกินไปไม่ดุเดือดเหมือนจริงเท่าไหร่ โดยเฉพาะฉากสุดท้ายที่ง่ายเกินไปมาก และบทของเรื่องนี้ก็เป็นไปแบบเส้นตรงง่ายๆ ด้วย แต่ดีที่ซีรีส์หยิบจับเอาเรื่องปมปัญหาของนักสู้มาใช้ประกอบเล่าเรื่องราวได้สอดคล้องกัน แต่มันก็เหมาะสำหรับคนที่รู้เรื่องพวกนี้ซึ่งเป็นแฟนกีฬาสายต่อสู้มากกว่าผู้ชมทั่วไปครับ (ซีรีส์ไม่จบในตัวมีทำต่อซีซั่น 2)

รวมรีวิว Netflix คลิกที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!