รีวิวซีรีส์ The Chosen One (Netflix) Stranger Things เวอร์ชั่นเม็กซิโกในแบบปาฏิหาริย์ของพระเจ้า!
The Chosen One
Summary
นี่คือซีรีส์ที่ดัดแปลงสร้างจากคอมิคได้อย่างยอดเยี่ยมมาก ด้วยเรื่องราวที่มีรายละเอียดตัวละครลึกเหมือนเป็น Stranger Things เวอร์ชั่นเม็กซิโก ที่นักแสดงทุกคนเล่นได้อย่างน่าประทับใจมาก รวมถึงการเล่าเรื่องปาฏิหาริย์ในรูปแบบที่แปลกใหม่ มีความน่าตื่นเต้น น่าประทับใจ และยังซับซ้อนมากในตอนจบอีกด้วยครับ แนะนำเลยว่าห้ามพลาด โดยเฉพาะแฟนของนักเขียนมาร์ค มิลล่าร์โดยเฉพาะด้วยครับ
Overall
8.5/10User Review
( vote)Pros
- ดัดแปลงจาก American Jesus ของมาร์ค มิลล่าร์
- เหมือนเป็น Stranger Things เวอร์ชั่นเม็กซิโก
- แนวปาฏิหาริย์ในยุคสมัยใหม่
- เรื่องซับซ้อนน่าติดตาม
- ทีมนักแสดงยอดเยี่ยมมาก
- งานโปรดักชั่นคุณภาพดี
- มีเสียงพากย์ภาษาไทย
Cons
- จงใจใช้งานภาพ 4:3 แทบตลอดทั้งเรื่อง
- ตอนจบตัดเรื่องแบบกระโดดทำให้สับสนเข้าใจผิดได้
The Chosen One (ชื่อเม็กซิกัน el elegido ชื่อไทย ผู้ถูกเลือก) ซีรีส์เม็กซิกันที่สร้างจากคอมิคอเมริกันของ มาร์ค มิลล่าร์ มีทั้งหมด 6 ตอน เรื่องราวของเด็กอายุ 12 ที่ค้นพบว่าตัวเองมีพลังแบบพระเยซู จะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของเขา?
ตัวอย่างกับงานสร้าง
รีวิว The Chosen One (el elegido) ไม่มีสปอยล์
ซีรีส์จากคอมิคชื่อเรื่อง American Jesus ของมาร์ค มิลล่าร์ คนเขียน Kick-ass นั่นเอง ซึ่งนี่คือจุดขายหลัก โดยร่วมงานกับ Netflix ก่อนนี้คือ Jupiter’s Legacy ซีรีส์แนวซูเปอร์ฮีโร่ที่เตรียมทำยาว แต่ก็โดนแคนเซิลไปหลังจบซีซั่นแรกในเวลาอันสั้น เนื่องจากผลตอบรับหลายๆ ด้านไม่ดี แม้เนื้อเรื่องจะดีก็ตาม ซึ่งมาคราวนี้ก็สอบผ่านฉลุยในซีรีส์ที่สั้นเพียง 6 ตอนเท่านั้น แต่ก็อาจจะมีปัญหาเกิดขึ้นไ้ด้เพราะนี่เป็นซีรีส์ที่ดัดแปลงจากเรื่องที่เกิดในอเมริกาไปเป็นเม็กซิโก ซึ่งนักแสดงจะพูดสเปนทั้งหมด ทำให้ผู้ชมภาษาอังกฤษเป็นหลักมักจะมองข้ามซีรีส์ประเภทนี้ไปด้วย แต่ต้องบอกว่านี่คือผลงานที่ห้ามพลาดจริงๆ ครับ
เรื่องราวแนวบุตรของพระเจ้าปรากฎตัวในยุคใหม่มีอยู่หลายเรื่อง แต่เรื่องนี้คือมีความแตกต่างแบบฉีกแนวไปอย่างมาก ด้วยธีมแนว Stranger Things ที่เล่าเรื่องแก๊งเด็กย้อนยุคไปยังสมัยไม่มีสมาร์ทโฟน ภาพเป็นขนาด 4:3 ตลอดทั้งเรื่อง ยกเว้นฉากแฟลชแบ็คจะเป็นแนวกว้าง เป็นการจงใจเล่นภาพแบบนี้เอง แล้วเดินเรื่องอยู่ในเมืองเล็กๆ ชายฝั่งเม็กซิโกด้วย มีผู้คนชนเผ่าดั้งเดิมอาศัยอยู่ ซึ่งก็เป็นตัวละครในแก๊งเด็กนี้ด้วย ทำให้เรื่องเป็นการผจญภัยแบบเด็กๆ ที่พบกับสิ่งเหนือธรรมชาติ แต่มาในรูปแบบของตัวละครที่มีพลังพิเศษ Jodie ทำให้เด็กในแก๊งพยายามคิดใช้พลังนี้เพื่อหาเงินเล็กๆ น้อยๆ แต่กลายเป็นปาฏิหาริย์ของพระเจ้าที่พาผู้คนมามากมายให้มาศรัทธาและงมงายจนกลายเป็นโศกนาฎกรรมที่ทำให้ทั้งเมืองแทบล่มสลาย
ซีรีส์เดินเรื่องเทียบเคียงปาฏิหาริย์ต่างๆ ในไบเบิล อย่างการเปลี่ยนน้ำเป็นไวน์ การรักษาคนเจ็บป่วย ซึ่งฉากพวกนี้ก็ค่อยๆ สร้างปฏิหาริย์คู่กับเรื่องราวการเติบโต Coming of Age ของตัวละครแก๊งเด็กในเรื่อง ซึ่งมีเรื่องรักสามเส้า ปาร์ตี้วันเกิด สัญญาของเพื่อน การหักหลัง ความเปลี่ยนแปลงของเด็กกลุ่มนี้ถูกเล่าควบคู่ไปพร้อมกันได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะในเรื่องความรักที่เรื่องเน้นหนักมากกว่าอย่างอื่น (นางเอกเป็นเด็กเม็กซิกันที่น่ารักมาก) แต่ก็ไม่ถึงกับมีฉากเกินเลยไปกว่าจูบ แต่หลายฉากก็มีความโรแมนติกมากทีเดียว ซึ่งประเด็นเหล่านี้เองที่สร้างให้ตัวละครแก๊งเด็กในเรื่องนี้ทุกคนมีบทบาทลึกน่าประทับใจกันทุกคน
และไม่ใช่แค่แก๊งเด็กตัวเอกที่มีเรื่องราวลึกของตัวเอง แต่ตัวละครเสริมทุกคนในเรื่องต่างมีบทบาทเด่นน่าจดจำกันทุกคนเช่นกัน อย่างแม่ของ Jodie ที่กุมความลับการกำเนิดไว้ มีเนื้อเรื่องเป็นแฟลชแบ็คย้อนเล่าในตอนต้นทุกตอน ช่างภาพที่คอยติดตามค้นหาความจริง บาทหลวง 2 คนที่มีความเชื่อแตกต่างกัน แต่ที่เด่นสุดคือเด็กตัวร้ายของเรื่องที่เริ่มจากทะเลาะวิวาทในโรงเรียน ก่อนจะค่อยๆ พัฒนาเรื่องราวควบคู่กับตัวเอก Jodie ให้เหมือนคู่แค้นกันไปตลอดเรื่อง โดยเขาอยู่ในสภาพที่ถูกกดดันทางจิตใจมากขึ้นเรื่อยๆ กลายเป็นตัวร้ายที่น่าสงสาร เพราะอีกฝ่ายคือเด็กที่เสมือนเป็นเมสสิยาห์ที่เขาไม่มีทางทำอะไรได้เลย
นอกจากนั้นแล้วยังมีเรื่องแนว LGTBQ มาเสริมอีก โดยเป็นบทของแม่ทูนหัว Jodie ที่เป็นกระเทยแต่งหญิงคนเดียวในเมือง ซึ่งเรื่องได้เอาบทของเขามาสอดคล้องกับความเป็นเด็กประหลาดของ Jodie ได้อย่างเหมาะเจาะ ในเรื่องการยอมรับตนเอง การต่อสู้กับผู้คนที่มองแตกต่างและเห็นเขาเป็นตัวประหลาด โดยที่เรื่องราวของแม่ทูนหัวนี้สอดแทรกกลมกลืนไปเหตุการณ์สำคัญต่างๆ ในเรื่องได้อย่างน่าประทับใจ
CG ในเรื่องอยู่ในขั้นดีมากทีเดียวกับหลายๆ สิ่งที่เป็นปาฏิหาริย์แบบต่างๆ อย่างฉากวาร์ปไปอีกภพหนึ่งที่ในเรื่องมีการใช้บ่อย และเป็นความลับสำคัญอย่างหนึ่งของเรื่องด้วย แต่ CG ในเรื่องนี้จะไม่ถึงกับมีความแปลกประหลาดมาก ยังอยู่ในสภาพที่ดูเป็นความจริงได้แบบไบเบิล อย่างการเดินบนน้ำเป็นต้น
ตัวเนื้อเรื่องจบที่ตอน 6 โดยเป็นฉากจบที่เคลียร์ปมทั้งหมดได้อย่างอลังการสวยงามมาก และก็มีฉากที่เผยความลับสำคัญของเรื่องหลายอย่างมากมาย เป็นการหักมุมต่ออีกหลายชั้นเพื่อไปต่อในซีซั่นต่อไป ซึ่งจุดนี้เองหลายคนน่าจะมีสับสนอยู่บ้าง จึงขอสปอยล์ตอนจบไว้ด้านล่างให้อ่านกันสั้นๆ ครับ
สปอยล์ตอนจบ The Chosen One (el elegido)
ตอนจบ Jodie คือลูกของซาตาน และข้ามเรื่องมาเป็นประธานาธิบดีอเมริกาเลย โดยแม่ของเขาที่พยายามปกปิดตัวตนของลูกก็ยังรับใช้ลัทธิบูชาซาตานอยู่ตลอดทั้งเรื่อง เพื่อกดดันจิตใจและฝึกการใช้พลังหลอกลวงผู้คนให้เหมือนพระเจ้า
สรุปนี่คือซีรีส์ที่ดัดแปลงสร้างจากคอมิคได้อย่างยอดเยี่ยมมาก ด้วยเรื่องราวที่มีรายละเอียดตัวละครลึกเหมือนเป็น Stranger Things เวอร์ชั่นเม็กซิโก ที่นักแสดงทุกคนเล่นได้อย่างน่าประทับใจมาก รวมถึงการเล่าเรื่องปาฏิหาริย์ในรูปแบบที่แปลกใหม่ มีความน่าตื่นเต้น น่าประทับใจ และยังซับซ้อนมากในตอนจบอีกด้วยครับ แนะนำเลยว่าห้ามพลาด โดยเฉพาะแฟนของนักเขียนมาร์ค มิลล่าร์โดยเฉพาะด้วยครับ