รีวิว The Crowded Room เจาะลึกต้นกำเนิดโรคหลายบุคลิกผ่านการแสดงที่ดีที่สุดของ Tom Holland!
The Crowded Room
Summary
ซีรีส์ที่ได้แรงบันดาลใจจากชาย 24 บุคลิก บิลลี่ มิลลิแกน นำมาดัดแปลงเป็นเรื่องราวจริงจังเจาะลึกถึงก้นบึ้งการกำเนิดโรคหลายบุคลิกครั้งแรกในโลก ที่เต็มไปด้วยการเล่าเรื่องซับซ้อน โลดโผน และสะเทือนใจมาก ยืนยันเลยว่านี่คือซีรีส์ที่ดีมากที่สุดของ Tom Holland แน่นอน ร่วมกับ Amanda Seyfried ที่แสดงรับส่งอารมณ์กันได้ตลอดเวลา ใครที่มองหาความแปลกแตกต่างและคุณภาพการถ่ายทำสุดปราณีตนี่ไม่ควรพลาดที่สุดครับ
Overall
8.5/10User Review
( votes)Pros
- เจาะลึกที่มาของโรคหลายบุคลิกจากเรื่องจริง
- การแสดงที่ดีสุดของ Tom Holland
- การเข้าคู่ของ Amanda Seyfried
- เรื่องราวสะเทือนใจมาก
- นักแสดงร่วมบทดีทุกคน
Cons
- ช่วงแรกชวนงงในการเล่าเรื่องค่อนข้างมาก
- เรื่องดำเนินช้า
The Crowded Room ซีรีส์ 10 ตอนจบของ Apple TV+ เรื่องราวชีวิตของ Danny Sullivan (Tom Holland) ชายผู้ถูกจับกุมหลังจากมีส่วนร่วมในการกราดยิงในนิวยอร์กซิตี้ในปี 1979 โดยมีโปรเฟซเซอร์ Rya Goodwin (Amanda Seyfried) เป็นผู้ซักถาม ค้นหาชีวิตของ Danny ในอดีตเพื่อช่วยเขาจากคดีนี้ที่ลึกลับกว่าที่คิด
รีวิว The Crowded Room (มีสปอยล์เนื้อหาบางส่วน)
ซีรีส์ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากหนังสือ The Minds of Billy Milligan ซึ่งก็คือการทำความเข้าใจบิลลี่ มิลลิแกน ชายผู้มี 24 บุคลิกอันโด่งดัง และนำมาทำเป็นเรื่องราวมากมายในโลกบันเทิง ซึ่งแน่นอนว่าผู้ชมแทบทุกคนน่าจะเคยได้ดูเรื่องโรคหลายบุคลิกกันมาก่อนแล้ว และเรื่องนี้ยังทำซ้ำอีกรอบ คำถามคือ มันยังมีแง่มุมอะไรให้น่าสนใจติดตามอีกงั้นหรือ?
คำตอบคือ นี่เป็นซีรีส์ที่ดึงเอาเรื่องราวต้นฉบับมาดัดแปลงล้วงลึกให้เห็นถึงการเกิดโรคนี้กันอย่างละเอียดมากที่สุด โดยที่ซีรีส์ยังเล่าเรื่องราวย้อนหลังในอดีตได้อย่างลึกลับมากจริงๆ ใน 3 ตอนแรกเราจะแทบไม่รู้เลยว่ากำลังดูอะไรอยู่ ถ้าไม่ได้สนใจอ่านที่มาของเรื่องในหน้าไตเติล หรืออาจจะเข้าใจว่านี่เป็นซีรีส์อาชญากรรมแบบก่อการร้ายที่ตัวเรื่องเปิดฉากมาให้ดูด้วย นี่คือซีรีส์ที่เปิดตัวเล่าเรื่องราวย้อนกลับได้เนียนเหมือนคำสารภาพในคดีอาชญากรรมแบบจริงจังมาก ตั้งแต่เริ่มจุดกำเนิดของเรื่องราวทั้งหมด ที่เริ่มในสมัยวัยรุ่นอันเละเทะของเขา และค่อยๆ พบกับตัวละครอื่นๆ ที่มาช่วยชีวิตของเขาจากเหตุการณ์เสี่ยงชีวิตมากมาย ก่อนที่จะมาเฉลยหลังตอน 3 ไปให้ค่อยๆ ชัดขึ้นว่าที่เราดูมาทั้งหมดคือ บุคลิกภาพซ้อนของ Danny ที่เป็นคนอื่นมาเล่น และเป็นเรื่องไม่จริงทั้งหมด ซึ่งแน่นอนว่านี่คือทริกในการเล่าเรื่องนี้ที่แปลก น่าพิศวง มีความงงกับเหตุผลในเรื่องราวตื่นเต้นและแปลกประหลาด จนทำให้ใครที่ดูช่วงแรกๆ อาจจะเลิกดูไปก่อน แต่ถ้าคุณหลุดจาก 3 ตอนแรกได้แล้ว นี่คือซีรีส์ที่เริ่มคลายความพิศวงและกำลังเข้าสู่ช่วงที่แท้จริงครับ
หัวใจที่แท้จริงของเรื่องคือการรักษาเยียวยา Danny จากโปรเฟซเซอร์ Rya Goodwin เพราะในเรื่องนี่คือช่วงเวลาที่โรคนี้ยังไม่ได้รับการยอมรับใดๆ นี่คือเคสแรกของเรื่อง เสมือนจุดกำเนิดของ Billy Milligan ในเรื่องแต่งที่ไ้ด้แรงบันดาลใจตรงจากหนังสือเจาะจิตชีวิตของเขา ที่เรื่องอื่นมักเอาไปสร้างให้น่ากลัว แปลกประหลาด แต่เรื่องนี้เขาคือบุคคลที่ชีวิตสุดรันทดมากเกินกว่าที่ตัวเขาจะรับได้ ก็เลยให้กำเนิดบุคลิกต่างๆ ขึ้นมาเรื่อยๆ เพื่อประคองร่างจริงไว้ ซึ่งซีรีส์เล่าเรื่องนี้ได้อย่างยอดเยี่ยมมาก ด้วยการให้ Rya ค่อยๆ เจาะตัวตนทีละร่างว่าเกิดขึ้นมาได้อย่างไร โดยการสื่อสารหลอกล่อให้บุคลิกเหล่านี้ปรากฎขึ้นมาในแต่ละตอน และค่อยๆ ย้อนเล่าเรื่องจริงซ้อนกลับเหตุการณ์ในตอนแรกทั้งหมดอีกครั้ง ซึ่งนี่คือหัวใจของเรื่องราวเกือบทั้งหมด
ในช่วง 3 ตอนท้ายคือการเข้าสู่การพิจารณาคดีที่ซับซ้อนขึ้นไปอีก แม้ผู้ชมอย่างเราจะเชื่อแล้วว่าเขาเป็นโรคหลายบุคลิก แต่จะอธิบายให้คนอื่นเชื่อได้ยังไง เรื่องราวจึงเริ่มเผยตัวละครอื่นๆ ในอดีตจริงๆ และตัวละครในปัจุบันอย่างทนายที่ทำคดี Danny ในตอนแรกและไม่เคยเชื่อในเรื่องที่ Rya เล่า ก่อนที่หนทางจะเริ่มตีบตัน และต้องนำมาใช้สู้คดี ตัวซีรีส์เปลี่ยนเป็นแนวสู้ในศาลเต็มตัว EP9-10 ซึ่งเรื่องราวที่เกิดขึ้นก็ยังหักมุมสะเทือนใจได้มากขึ้นไปอีก เมื่อความจริงที่เปิดเผยออกมานั่นคือ โศกนาฎกรรมที่ซุกซ่อนลึกสุดในจิตใจ และเป็นปมสำคัญที่ทำให้คดีนี้จบลงตามความจริงในที่สุด โดยมีฉากเล็กๆ ปิดท้ายก่อนจบที่ช่วยทำให้เรื่องราวกลับมาสดใส และช่วยเคลียร์ปมสุดท้ายจากในศาลอีกครั้งครับ ถือว่าเยี่ยมยอดมากกับการเล่าเรื่องทั้งหมดและเก็บได้หมดจรดแบบนี้
สิ่งที่ยอดเยี่ยมไปอีกคือการแสดงของตัวหลักทั้งคู่ Tom Holland กับ Amanda Seyfried ที่เข้าคู่จูนกันได้ตลอดเวลา ส่งต่ออารมณ์ถึงกันได้อย่างสะเทือนใจ แต่บทของ Tom จะดูยากกว่ามาก และเจ้าตัวเองก็บอกว่ากดดันที่สุดตั้งแต่เป็นนักแสดงมาเลย ซึ่งก็เป็นความจริง เขาแสดงการเป็นหลายบุคลิกในแบบเหมือนคนเป็นจริงๆ ด้วยภาษากายที่ไม่เว่อร์ ผู้ชมสามารถดูออกได้ทันทีว่านี่เขากำลังเป็นใคร โดยที่ตัวนักแสดงตอนแรกก็ยังช่วยให้ผู้ชมมองเห็นภาพบุคลิกนั้นซ้อนทับกับร่างจริงในตอนหลังด้วย
สรุปนี่คือซีรีส์ที่ดีมากที่สุดของ Tom Holland และกับโรคหลายบุคลิกที่สื่อบันเทิงหยิบมาใช้นานมากด้วย ใครที่มองหาความแปลกแตกต่างและคุณภาพการถ่ายทำสุดปราณีตนี่ไม่ควรพลาดที่สุดครับ