playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว The Day of the Jackal (HBO) ซีรีส์นักฆ่าสายลับที่เกือบเปอร์เฟ็กต์ปราณีตทุกรายละเอียด!

The Day of the Jackal

Summary

ซีรีส์แอ็กชั่นดราม่าที่เล่าเรื่องผ่านมุมมองของ 2 ตัวละครหลักที่ต่างมีด้านมืดโลกสองใบ มือสังหารระดับโลกที่มีชีวิตครอบครัวที่เขารักสุดหัวใจ แต่ก็สร้างภาพเป็นคนดีตลอดเวลาเพื่อฆ่าคนบริสุทธิ์มากมาย กับสายลับ MI6 หญิงที่มีครอบครัวที่ดี แต่ก็ทำงานหลอกลวงสายข่าวทุกคนเพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย โดยไม่สนใจเรื่องศีลธรรมใดๆ ซีรีส์นำเสนอความขัดแย้งทางศีลธรรมจากตัวตนของทั้งคู่อยู่ตลอดเวลา ควบคู่ไปกับฉากการสืบสวนไล่ล่าระดับมืออาชีพชั้นแนวหน้าของโลกที่เรื่องลงลึกละเอียดมากทั้งฝ่ายนักฆ่าและสายลับ โดยมีฉากการถ่ายทำหลายประเทศในยุโรปและคุณภาพสูงมากเหมือนกำลังดูภาพยนตร์สายลับระดับน้องๆ เจมส์บอนด์-มิชชั่นอิมพอสซิเบิล ที่ไม่ใช่จารกรรม แต่เป็นการลอบสังหารเหยื่อระดับโลกที่แทบเป็นไปไม่ได้ โดยมีสกิลนักฆ่าขั้นเทพที่ปราณีตทุกรายละเอียดกับอุปกรณ์เสริมที่แปลกใหม่เป็นจุดขายทำให้เรื่องสนุกตื่นเต้นมากขึ้น แต่ช่วงครึ่งหลังจะมีจุดอ่อนเรื่องความสมเหตุสมผลของบทที่ขัดแย้งกันอยู่บ้าง ทำให้ซีรีส์ก็ไม่ถึงกับเปอร์เฟ็กต์ แต่ก็ดีมากพอในระดับแนวหน้าของซีรีส์แนวนี้ได้เลยครับ (ซีรีส์จบเคลียร์ประเด็นหลักหมดและประกาศทำซีซั่น 2 แล้ว)   

Overall
8.5/10
8.5/10
Sending
User Review
0 (0 votes)

Pros

  • ดัดแปลงจากนิยายชื่อดังที่ทำเป็นภาพยนตร์มาก่อน
  • งานโปรดักชั่นคุณภาพสูงถ่ายทำหลายประเทศในยุโรป
  • การเล่าเรื่องผ่านการโกหกของตัวละครหลักทั้งสองฝ่าย
  • นำเสนอความขัดแย้งทางศีลธรรมของทั้งสองฝ่าย
  • นักแสดงคุณภาพมาก
  • มีพากย์ไทย

Cons

  • ครึ่งหลังของเรื่องมีบทที่อ่อนลง
  • มีช่องโหว่ในด้านความสมเหตุสมผลของระบบรักษาความปลอดภัย
  • ช่วงการเปลี่ยนแปลงตัวละคร Jackal จากอดีตถึงปัจจุบันยังขาดความสมเหตุสมผล

ADBRO

The Day of the Jackal ล่าระห่ำ ฝ่าเมืองเดือด ซีรีส์แอ็กชั่นทริลเลอร์ดราม่า HBO 10 ตอนจบซีซั่น 1 เรื่องราวของมือสังหารปริศนาผู้หาเลี้ยงชีพด้วยการรับจ้างฆ่าด้วยค่าหัวราคาแพงระยับ แต่แล้วเขาก็ต้องพบกับคู่ต่อกรที่แข็งแกร่งไม่แพ้กัน เมื่อสายลับหญิงอังกฤษผู้แน่วแน่ออกไล่ล่าตัวเขา จนกลายเป็นเกมสุดระทึกที่ทำให้ทั้งยุโรปต้องสั่นสะเทือน
The Day of the Jackal (2024) on IMDb

The Day of the Jackal  ล่าระห่ำ ฝ่าเมืองเดือด (ไม่สปอยล์เนื้อหาสำคัญ)

 

The Day of the Jackal 
เวอร์ชั่นปัจจุบัน (ซ้าย) กับต้นฉบับภาพยนตร์ (ขวา)

ซีรีส์ดัดแปลงจากนวนิยายชื่อดังของ Frederick Forsyth ที่ตีพิมพ์ในปี 1971 และเคยถูกสร้างเป็นภาพยนตร์ในปี 1973 โดยเล่าเรื่องราวของมือสังหารรับจ้างที่มีชื่อรหัสว่า “The Jackal” ที่ได้รับภารกิจในการลอบสังหารประธานาธิบดีฝรั่งเศส Charles de Gaull ถูกยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนวนิยายสายลับระทึกขวัญที่ดีที่สุดตลอดกาล ด้วยการผสมผสานระหว่างเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์จริงเข้ากับเรื่องแต่ง รวมถึงรายละเอียดที่สมจริงเกี่ยวกับการสืบสวนสอบสวนและการทำงานของหน่วยงานความมั่นคง ในเวอร์ชั่นใหม่นี้ก็ยังคงรูปแบบเดิมไว้ แต่เปลี่ยนมาเป็นช่วงเวลาปัจจุบัน ให้ Jackal ได้รับการว่าจ้างให้สังหารบุคคลสำคัญที่เตรียมตัวจะเปิดเทคโนโลยีใหม่ทางการเงินที่ทำให้ทุกคนในโลกได้เห็นเส้นทางเงินทั้งหมดอย่างเท่าเทียมกัน ซึ่งมหาเศรษฐีทั่วโลกไม่มีวันยอมรับสิ่งนี้ได้ 

ซีรีส์เล่าเรื่องโดยมีจุดเด่นที่รายละเอียดลึกมากของตัวละคร โดยทั้งเรื่องเป็นเกมไล่ล่าของแจ็กคัล (Eddie Redmayne) กับเบียงก้า (Lashana Lynch) ในสถานการณ์ผลัดกันรุกผลัดกันรับแบบใครพลาดคือตายทันที โดยมีจุดเริ่มจากการเคสที่แจ็คคัลสังหารเหยื่อคนหนึ่งในตอนเปิดเรื่องที่ระยะยิงไกลมากระดับทำลายสถิติโลกการลอบสังหาร  เบียงก้าคือสายลับ Mi6 ที่เชี่ยวชาญปืนจึงได้เข้าไปวิเคราะห์ว่าเขาทำได้อย่างไร และก็พบความน่าตื่นตะลึงว่าไม่ใช่แค่ฝีมือการยิงขั้นเทพ แต่เขามีความสามารถแปลงโฉมใบหน้าเหมือนกิ้งก่าเปลี่ยนสีทำให้ไม่รู้ตัวตนว่าเป็นใคร มีเพียงอาวุธปืนพิเศษที่เขาสั่งทำมาใช้เท่านั้นที่จะแกะรอยไปยังตัวตนที่แท้จริงได้  ซึ่ง 5 ตอนแรกก็คือการไล่ล่าโดยผ่านการทำงานสืบสวนเป็นหลัก ซึ่งซีรีส์ก็เจาะลึกขั้นตอนการติดต่อรับงานของแจ็กคัลอย่างละเอียดยิบ ชนิดที่ว่าแทบไม่มีใครจะพบตัวเขาได้เลย ส่วนของเบียงก้าก็คือการไล่ล่าหาตัวผู้สร้างปืน โดยทำให้เห็นการสืบสวนที่ล้ำเส้นศีลธรรมอยู่ตลอดเวลา แต่ในฐานะของสายลับ MI6 ทำให้เธอคิดเสมอว่านี่เป็นสิ่งที่ถูกต้อง แม้ภารกิจนี้จะนำภัยมาถึงครอบครัวก็ตาม ก่อนที่ครึ่งหลังอีก 5 ตอนคือช่วงเวลาที่แจ็คคัลเตรียมตัวสังหารเหยื่อที่เป็นเป้าหมายหลัก โดยเดินทางไปหลายที่ในยุโรป เป็นช่วงเวลาที่ระทึกกับการสังหารที่คนดูต้องลุ้นตลอดเวลากับภารกิจของแจ็กคัล  ในขณะที่เบียงก้าก็ตามไล่ล่าป้องกันเป้าหมายกับตามจับเขาแบบหายใจรดต้นคออยู่ตลอดเวลา ซีรีส์ส่วนใหญ่จะไม่ใช่ฉากแอ็กชั่นโดยตรง เป็นการไล่ล่าสืบสวนผสมดราม่าครอบครัวของทั้งคู่ แต่ตอนท้ายก็มีฉากแอ็กชั่นใหญ่ขับรถไล่ล่าในเมืองที่เล่นใหญ่ระดับเกินซีรีส์มาก และจบลงโดยเคลียร์เรื่องราวหลักเกือบทั้งหมด โดยมีการประกาศสร้างซีซั่น 2 ต่อไปเรียบร้อยแล้วครับ

งานโปรดักชั่นการถ่ายทำเรื่องนี้เหมือนภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่มากกว่าจะเป็นซีรีส์ มีการถ่ายทำหลายประเทศในยุโรป โดยให้ความรู้สึกเหมือนกำลังดูหนังสายลับระดับเจมส์บอนด์หรือมิสชั่นอิมพอสซิเบิลที่ไม่ได้เป็นการโจรกรรม แต่เป็นการเตรียมงานฆ่าคนที่ยากแทบจะเป็นไปไม่ได้ให้พอมีช่องทางทำให้สำเร็จ แต่ระหว่างทางก็โชว์ฉากการสังหารเหยื่อบริสุทธิ์ตามรายทางที่รบกวนการทำงานของเขาอย่างอำมหิตหลายครั้ง เป็นการตอกย้ำตัวตนความเป็นมือสังหารแบบที่ผู้ชมจะรู้สึกเกลียดเขามากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ถูกดึงดูดให้ติดตามจากขั้นตอนทำงานของเขาที่ใส่ใจรายละเอียดปราณีตทุกขั้นตอน สมกับความเป็นมืออาชีพระดับท็อปของโลกในด้านการลอบสังหาร ในขณะที่บทของเบียงก้าจะเป็นปัญหาการทำงานภายในองค์กร MI6 ที่กำลังถูกสงสัยว่ามีหนอนอยู่ในองค์กร แต่ซีรีส์ก็ไม่ได้เฉลยจุดนี้ออกมาชัดเจน และทิ้งเป็นปริศนาสำคัญไว้ ซึ่งน่าจะไปคลี่คลายในซีซั่นต่อไป  

แต่จุดเด่นที่สุดของเรื่องนี้จริงๆ คือซีรีส์เล่าเรื่องด้วยคำโกหกของทั้งแจ็กคัลกับเบียงก้าอยู่ตลอดเวลา รวมถึงคนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับทั้งคู่ เรื่องทำให้เห็นว่าแจ็กคัลนั้นก็มีชีวิตอีกด้านโลกสองใบ โดยเขามีภรรยา ‘นูเรีย’ (แสดงโดย Úrsula Corberó โตเกียวจาก Money heist) กับลูกน้อยคอยเป็นที่พึ่งทางใจเวลากลับมาบ้าน โดยแสดงบทบาทให้ทุกคนที่นั่นเชื่อว่าเขาคือคนดี แต่เมื่อภรรยาเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติเวลาเขาไม่อยู่ การสืบหาความจริงของอีกด้านของเธอก็ทำให้แจ็กคัลพบกับความยากลำบากที่สุดในชีวิตยิ่งกว่างานที่เขารับเสียอีก แถมในสายงานของเขาผู้ว่าจ้างก็มีการโกหกหลอกลวงซ้อนกันอีกจนไม่มีใครไว้ใจใครได้ 100% ซึ่งซีรีส์ลงลึกถึงรอยแตกร้าวในใจของทั้งคู่ทั้งรักทั้งโกรธเกลียดผสมผสานปนเปกันไปหมด โดยทิ้งปมนี้ไว้ไปต่อซีซั่น 2 ต่อไป

 

เรื่องราวของเบียงก้าคือ การทำให้เห็นอาชีพสายลับที่พร้อมโกหกล่อลวงอยู่ตลอดเวลา โดยเธอใช้คำลวงหลอกล่อสายข่าวเพื่อให้ตามหาแจ็กคัลให้ได้ โดยไม่สนใจว่าสิ่งที่เธอทำนั้นจะมีผลร้ายกับใคร ซึ่งเรื่องแทบจะทำให้เห็นว่า MI6 นั้นเลวร้ายไม่แพ้กับนักฆ่ามืออาชีพอย่างแจ็กคัล ซึ่งไม่ใช่แค่เบียงก้าจะหลอกสายข่าว แต่เธอแทบจะหลอกทุกคนไปจนถึงคนในครอบครัวสามีกับลูกสาวที่ต้องมาติดร่างแหนี้ไปด้วย และก็ยังโกหกซ้ำๆ โดยไม่เหลือศีลธรรมไว้เลย และก่อให้เกิดความขัดแย้งในใจผู้ชมเมื่อสิ่งที่เธอทำลงไปเพื่อหยุดมือสังหาร แต่ก็ทำให้คนอื่นต้องมาตายจากคำโกหกเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายนี้โดยไม่มีการชดเชยใดๆ และยังซ้ำเติมความบอบช้ำนี่ขึ้นไปเรื่อยๆ ด้วย ซึ่งซีรีส์รีดเค้นประเด็นนี้จากทั้งคู่กันอย่างหมดเปลือก ทำให้เห็นว่าไม่มีใครดีกว่าใครในงานที่ทั้งคู่ทำอยู่ 

ถึงซีรีส์จะถ่ายทอดเรื่องราวและประเด็นต่างๆ ได้ดีจนแทบไร้ที่ติ โดยเฉพาะในครึ่งแรกสมบูรณ์แบบน่าติดตามมากๆ กับนักแสดงที่ถ่ายทอดอารมณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้อย่างลึกซึ้ง แต่ช่วงครึ่งหลังบทมีความอ่อนลงและมีจุดที่ขัดแย้งกันแบบแปลกๆ โดยไม่มีเหตุผลรองรับมากพอ อย่างฉากทำภารกิจที่มีจุดให้สงสัยมากว่า การตรวจตราความปลอดภัยคนระดับโลกจะมีความบกพร่องง่ายๆ ให้เห็นจนแทรกเข้าไปในพื้นที่ได้ยังไง อย่างสุนัขดมกลิ่นที่มีก็ไม่นำมาใช้หาที่ซ่อนตัวของเขาในพื้นที่ปิดแค่โรงละครเท่านั้น โดยเฉพาะตอนที่ย้อนอดีตของแจ็กคัลก่อนมาทำงานเป็นนักฆ่าอาชีพ เรื่องทำให้เห็นว่าเขามีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีมากกว่าปัจจุบัน จนเหมือนช่วงเวลานี้เขาคือคนดีที่ทำหน้าที่ถูกต้องตามกฏหมาย แต่ตอนตัดสินใจพลิกชีวิตมาด้านนี้เรื่องโยนประเด็นทางศีลธรรมให้เขาตัดสินใจทันทีจนเร็วเกินไป แม้มันจะดูสมเหตุผลในเวลานั้น มีการปูเหตุผลเพิ่มสั้นๆ ก่อนที่เขาจะตัดสินใจทำในสิ่งที่ถูกต้องในใจ ซึ่งมันก็ดูถูกต้องในสายคนทั่วไปแบบแอนตี้ฮีโร่ที่สังหารคนชั่วเลวบริสุทธิ์จริงๆ แต่มันก็ชวนให้สงสัยว่าถ้าเขาตัดสินใจแบบนั้นไปและเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องในใจโดยไม่มีเงินค่าจ้างมาเกี่ยวข้อง ทำไมในเวลาปัจจุบันเขากลับเป็นนักฆ่าอำมหิตที่ฆ่าเหยื่อผู้บริสุทธิ์ที่ไม่เกี่ยวกับการจ้างวานไปตลอดทาง ซึ่งมันขัดแย้งกับจุดเปลี่ยนชีวิตในเหตุการณ์นั้นมาก แต่ซีรีส์ก็พยายามให้ผู้ชมคิดและตั้งคำถามนี้เอง อย่างประโยคตอนท้ายเรื่องที่เหยื่อถามเขากลับว่า “พ่อแม่ที่ดี ทำไมคุณกลายเป็นคนแบบนี้”  ซึ่งคำตอบในเรื่องนี้ไม่มีและก็พาตัวละครแจ็กคัลเปลี่ยนไปอีกครั้งในตอนจบ ซึ่งถ้าจบในซีซั่นเลยตามนิยายที่มีเพียงเล่มเดียว เรื่องทั้งหมดอาจจะสมบูรณ์แบบกว่านี้ก็ได้ครับ 

สรุป ซีรีส์แอ็กชั่นดราม่าที่เล่าเรื่องผ่านมุมมองของ 2 ตัวละครหลักที่ต่างมีด้านมืดโลกสองใบ มือสังหารระดับโลกที่มีชีวิตครอบครัวที่เขารักสุดหัวใจ แต่ก็สร้างภาพเป็นคนดีตลอดเวลาเพื่อฆ่าคนบริสุทธิ์มากมาย กับสายลับ MI6 หญิงที่มีครอบครัวที่ดี แต่ก็ทำงานหลอกลวงสายข่าวทุกคนเพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย โดยไม่สนใจเรื่องศีลธรรมใดๆ ซีรีส์นำเสนอความขัดแย้งทางศีลธรรมจากตัวตนของทั้งคู่อยู่ตลอดเวลา ควบคู่ไปกับฉากการสืบสวนไล่ล่าระดับมืออาชีพชั้นแนวหน้าของโลกที่เรื่องลงลึกละเอียดมากทั้งฝ่ายนักฆ่าและสายลับ โดยมีฉากการถ่ายทำหลายประเทศในยุโรปและคุณภาพสูงมากเหมือนกำลังดูภาพยนตร์สายลับระดับน้องๆ เจมส์บอนด์-มิชชั่นอิมพอสซิเบิล ที่ไม่ใช่จารกรรม แต่เป็นการลอบสังหารเหยื่อระดับโลกที่แทบเป็นไปไม่ได้ โดยมีสกิลนักฆ่าขั้นเทพที่ปราณีตทุกรายละเอียดกับอุปกรณ์เสริมที่แปลกใหม่เป็นจุดขายทำให้เรื่องสนุกตื่นเต้นมากขึ้น แต่ช่วงครึ่งหลังจะมีจุดอ่อนเรื่องความสมเหตุสมผลของบทที่ขัดแย้งกันอยู่บ้าง ทำให้ซีรีส์ก็ไม่ถึงกับเปอร์เฟ็กต์ แต่ก็ดีมากพอในระดับแนวหน้าของซีรีส์แนวนี้ได้เลยครับ (ซีรีส์จบเคลียร์ประเด็นหลักหมดและประกาศทำซีซั่น 2 แล้ว)   

 
อ่านรีวิวหนังซีรีส์เรื่องอื่นของ HBO คลิกที่นี่

รีวิว Black Doves พิราบเงา (Netflix) ซีรีส์สายลับที่ตัวละครมีเสน่ห์ซับซ้อนคมคายสุดๆ