playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว The Frog หากไม้ล้มในป่าลึก (Netflix) สงครามจิตวิทยาสุดระทึกของเจ้าของที่พักกับฆาตกรโรคจิต

The Frog หากไม้ล้มในป่าลึก

Summary

ซีรีส์เกาหลีแนวระทึกขวัญที่เลือกเล่าแนวผลกระทบของที่พักที่เกิดเหตุฆาตกรรม จนส่งผลร้ายต่อชีวิตของครอบครัวเจ้าของและคนรอบข้างตามมาไม่หยุด โดยช่วง 5 ตอนแรกคือ ดราม่าสงครามจิตวิทยาที่สนุกแบบกดดันกันระหว่างเจ้าของที่พักกับคนร้ายโรคจิต เน้นย้อนอดีตเล่าผลลัพธ์กับจุดเริ่มของ 2 เหตุการณ์ไปพร้อมกัน แต่พอช่วงหลังเรื่องกลับเป็นแนวคดีอาชญากรรมตามสไตล์เกาหลีทั่วไป โดยพยายามยืดบทตัวร้ายด้วยเหตุการณ์ที่ไม่สมเหตุผลหลายอย่างด้วย แล้วก็จบแบบธรรมดามากจนน่าผิดหวังอยู่เหมือนกันเมื่อเทียบกับครึ่งแรกที่ดูน่าจะมีดีกว่านั้น แต่จุดดีที่ดึงให้เรื่องน่าชมสุดคือความสวยแบบร้ายโรคจิตของ Go Min-Si ที่เธอแสดงได้ดีและดึงดูดมากทั้งเรื่องครับ

Overall
7/10
7/10
Sending
User Review
5 (2 votes)

Pros

  • ผลกระทบรอบด้านของที่พักที่เกิดคดีฆาตกรรม
  • สงครามจิตวิทยาใน 5 ตอนแรกที่ทั้งระทึกและน่าอึดอัด
  • ความสวยแบบร้ายโรคจิตของ Go Min-Si
  • มีพากย์ไทย

Cons

  • บทช่วงหลังตอน 6-8 เป็นแนวอาชญากรรมธรรมดา
  • ยืดบทให้คนร้ายรอดแบบไม่สมเหตุผลหลายครั้ง
  • บทของตำรวจหญิงน่าผิดหวังในตอนหลัง
  • แฟลชแบ็คเยอะมาก

The Frog หากไม้ล้มในป่าลึก ซีรีส์เกาหลี Original Netflix แนวระทึกขวัญ 8 ตอน มีพากย์ไทย ในช่วงฤดูร้อนของรีสอร์ทในป่าลึกอันสงบสุข หญิงลึกลับคนหนึ่งเข้าพักและก่อความปั่นป่วนให้กับชีวิตของเจ้าของที่พักและผู้คนรอบข้าง
The Frog (2024) on IMDb

 

รีวิว The Frog หากไม้ล้มในป่าลึก (ไม่สปอยล์จุดสำคัญ)

ซีรีส์แนวระทึกขวัญเกาหลีที่ถูกเล่าในรูปแบบมุมมองใหม่ ผ่านสถานที่เกิดเหตุฆาตกรรมที่เป็นที่พักท่องเที่ยว ทำให้มีผลกระทบกับเจ้าของที่พักและชีวิตครอบครัวแตกย่อยออกไปหลายทิศทาง ซึ่งตัวเอกในเรื่องก็มีหลายคนที่ถูกเล่าพร้อมกัน โดยเริ่มจาก จอนยอนฮา (แสดงโดย Kim Yun-Seok) ชายวัยเกษียณที่เลือกชีวิตสงบทำที่พักเงียบๆ แต่มีหญิงสาวปริศนา (แสดงโดย Go Min-Si) เข้ามาพักพร้อมกับเด็กชาย ก่อนที่เธอจะเช็คเอาท์ไปเงียบๆ พร้อมกับปริศนาคาใจ ซึ่งทำให้เขาต้องร่วมเก็บความลับนี้ไว้ จนกระทั่งปีต่อมาเธอกลับมาอีก ก่อนที่จะปั่นป่วนชีวิตของเขาไม่หยุด ในขณะอีกด้านเรื่องก็เล่าถึงครอบครัวของคูกีโฮ (แสดงโดย Yoon Kye-Sang) ที่ทำที่พักเหมือนกัน ก่อนจะเจอกับฆาตกรต่อเนื่องที่เลือกเอาศพมาหั่นที่นี่จนเป็นข่าวดังชื่อเสียงที่พักเสียหาย และครอบครัวของเขาก็ต้องทนทุกข์กับเรื่องนี้ไม่จบสิ้น โดยมีตำรวจหญิง (แสดงโดย Lee Jung-Eun) ที่หลงไหลในคดีฆาตกรรมเข้ามาเกี่ยวข้องกับทั้งสองเรื่องราวนี้อีกที

ซีรีส์เลือกเล่าด้วยวิธีการเปิดเรื่องราวทั้งหมดให้เห็นก่อนนิดๆ ตั้งแต่ต้นเรื่อง ก่อนแฟลชแบ็คย้อนอดีตกลับไปให้เห็นที่มาตลอดทั้งเรื่อง ซึ่งทุกตัวละครในเรื่องมีความเกี่ยวพันกันทั้งหมด และก็ผูกร้อยเรียงอดีตของทั้งหมดค่อยๆ เข้ามาหากัน โดยเลือกเล่าผลลัพธ์ของคดีคูกีโฮที่ครอบครัวเขาต้องแตกแยกจากการตกเป็นข่าวในคดีฆาตกรรมดังที่ประชาชนจับตาสนใจ สื่อก็ขยันทำสกู๊ปเจาะเรื่องราวของที่พักแห่งนี้ โดยมีอาชญากรที่พยายามทำให้ตัวเองตกเป็นข่าวเพื่อสร้างชื่อเสียง จนทำให้ชีวิตของครอบครัวนี้ต้องย่อยยับไม่จบสิ้น แต่ของจอนยอนฮาคือจุดเริ่มของเรื่องราวแบบเดียวกัน ซึ่งหญิงปริศนานี้ก็คือตัวเอกหลักที่มาในรูปแบบการเล่นสงครามจิตวิทยากับเขา เมื่อในอดีตเขาเลือกปกปิดเรื่องราวของเธอเงียบๆ เพราะกลัวตกเป็นข่าว แต่ก็ทำให้ปัจจุบันเขาต้องพบกับการถูกแบล็คเมลจากเธอแทน และยังคิดจะยึดสถานที่พักแห่งนี้เป็นของตัวเอง จนกลายเป็นสงครามจิตวิทยาที่ต่างฝ่ายต่างต้องหาทางแก้เกมแย่งชิงการครอบครองสถานที่พักนี้กัน โดยที่เรื่องส่วนนี้อยู่ใน 5 ตอนแรก ถูกเล่าเป็นแนวดราม่าผลกระทบกับชีวิตที่ค่อยๆ หนักขึ้นเรื่อยๆ ไม่ได้เป็นแนวฆาตกรรม แต่มีฉากภาพหลอนฉากแบบนี้อยู่บ่อยครั้ง เรื่องมีแต่ความอึมครึมที่น่าอึดอัดกับการกระทำของตัวละครหญิงปริศนาที่คาดเดาไม่ได้ และก็โชว์ความสวยเซ็กซี่ของนักแสดงอยู่ตลอดเวลา ในขณะที่จอนยอนฮาก็หาทางแก้เผ็ดโต้กลับได้เรื่อยๆ แสบสันมากไม่แพ้กัน กลายเป็นคู่มวยที่สูสีมาก ซึ่งเรื่องค่อนข้างสนุกมากกับสงครามจิตวิทยาแบบนี้ ส่วนของคูกีโฮก็พาผู้ชมดิ่งไปในความเศร้าตอกย้ำสร้างอารมณ์หดหู่ขึ้นเรื่อยๆ ว่าทำไมคนที่ไม่ผิดอะไรเลยต้องมาเจอกับชะตากรรมแบบนี้ได้ ซึ่งผลกระทบนี้ก็ขยายวงกว้างมากขึ้นและส่งผลไปยังช่วงหลังของเรื่องต่อไป 

ครึ่งหลังตอน 6-8 เรื่องถูกเล่าโดยเริ่มจากการเฉลยจุดหักมุมเล็กๆ บางอย่าง มีการเปลี่ยนทิศทางการเล่าเรื่องและสร้างตัวละครใหม่แทรกขึ้นมา มีความเป็นแนวสืบสวนกับแอ็กชั่นมากขึ้น ตำรวจเข้ามามีบทบาทมากขึ้นจากช่วงแรกที่แทบจะไม่มีเลย โดยที่เรื่องก็ยังคงเล่าชีวิตของทั้งสองคู่นี้ต่อไป แต่เป็นช่วงที่เน้นฉากอาชญากรรมรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งก็เป็นตามสไตล์เกาหลีที่พยายามบิ้วเรื่องให้ใหญ่โตเว่อร์ขึ้นมากจากที่พักในป่ามาเป็นที่อื่นๆ ในเมือง มีการผูกโยงกับตระกูลดังคนรวยผู้มีอำนาจบงการตำรวจได้ ทำให้ช่วงท้ายเรื่องเป็นเหมือนแนวสูตรสำเร็จเกาหลีมากไปจนน่าผิดหวัง ซึ่งเรื่องก็ยังพยายามหาทางยืดบทให้คนร้ายรอดไปได้เรื่อยๆ จนสถานการณ์หลายครั้งค่อนข้างเกินจริงจนถึงขั้นไม่สมเหตุผลได้เลย แล้วก็จบแบบกรรมตามสนองธรรมดาแค่นั้น

นอกจากนี้ตำรวจหญิงที่ตอนแรกวางไว้ว่ามีไหวพริบสุดยอด โดยวางตัวเป็นแค่ผู้มองดูสังเกตุการณ์ในคดีที่เกิดขึ้นมา โดยไม่ได้พยายามเข้ามาช่วยไขคดีจับคนร้าย ก็ทำให้เธอเหมือนเป็นตัวละครปริศนาว่าจะเป็นคนแบบไหนกันแน่ แต่พอมาช่วงหลังก็กลายเป็นตัวละครตำรวจผู้มีคุณธรรม พยายามสู้กับอำนาจมืดในวงการตำรวจ เท่ากับว่าบุคลิกที่ปูเรื่องมาช่วงแรกหายไปหมด กลายเป็นตำรวจฮีโร่ที่มาช่วยปิดคดีแบบธรรมดาเท่านั้น

 

ส่วนประเด็นชื่อเรื่องหากไม้ล้มในป่าลึกถูกพูดถึงอยู่หลายครั้งว่าเสียงนั้นใครจะได้ไหม แต่ก็แทบจะไม่ได้ชวนให้คิดถึงอะไรนัก เพราะเรื่องไม่ได้มาแนวสัจธรรม ทำให้ดูเหมือนแค่เป็นกิมมิคเล่าพ้องกับเรื่องไปลอยๆ เท่านั้น

 

สรุป ซีรีส์เกาหลีแนวระทึกขวัญที่เลือกเล่าแนวผลกระทบของที่พักที่เกิดเหตุฆาตกรรม จนส่งผลร้ายต่อชีวิตของครอบครัวเจ้าของและคนรอบข้างตามมาไม่หยุด โดยช่วง 5 ตอนแรกคือ ดราม่าสงครามจิตวิทยาที่สนุกแบบกดดันกันระหว่างเจ้าของที่พักกับคนร้ายโรคจิต เน้นย้อนอดีตเล่าผลลัพธ์กับจุดเริ่มของ 2 เหตุการณ์ไปพร้อมกัน แต่พอช่วงหลังเรื่องกลับเป็นแนวคดีอาชญากรรมตามสไตล์เกาหลีทั่วไป โดยพยายามยืดบทตัวร้ายด้วยเหตุการณ์ที่ไม่สมเหตุผลหลายอย่างด้วย แล้วก็จบแบบธรรมดามากจนน่าผิดหวังอยู่เหมือนกันเมื่อเทียบกับครึ่งแรกที่ดูน่าจะมีดีกว่านั้น แต่จุดดีที่ดึงให้เรื่องน่าชมสุดคือความสวยแบบร้ายโรคจิตของ Go Min-Si ที่เธอแสดงได้ดีและดึงดูดมากทั้งเรื่องครับ

 

 

รวมรีวิว Netflix คลิกที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!