รีวิวซีรีส์ The Glass Dome (Netflix) ปมเยอะ จังหวะช้า แต่จบได้คุ้มค่ามาก!
The Glass Dome
Summary
ซีรีส์สืบสวนที่เริ่มต้นอย่างเชื่องช้า และเต็มไปด้วยปมมากมายจนชวนสับสนในช่วง 3 ตอนแรก โดยไม่มีฉากคนร้ายลักพาตัวเด็กหญิงไปขังไว้ในตู้กระจกให้เห็นเลย แต่ซีรีส์ก็สามารถพลิกกลับมาสร้างความประทับใจได้ในครึ่งหลัง ด้วยการค่อยๆ เผยตัวคนร้ายออกมา การวางปมเพิ่มที่น่าติดตาม และคลี่คลายปมปริศนากับเฉลยเรื่องราวที่เชื่อมโยงเหตุการณ์ในอดีตและปัจจุบันได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะตัวคนร้ายที่ยังไงก็คาดไม่ถึงแน่นอน จนดูจบแล้วต้องอยากกลับไปดูซ้ำเพื่อค้นหาร่องรอยและคำใบ้ต่างๆ ที่ถูกซ่อนไว้ตลอดทั้งเรื่องครับ
Overall
7/10User Review
( votes)Pros
- ไอเดียเรื่องตู้กระจกกับแรงจูงใจคนร้าย
- การพัฒนาตัวละครเลจ์ลาที่เป็นเหยื่อมากกว่านักสืบ
- การพลิกเรื่องในตอนสุดท้ายที่เหนือชั้นมาก
- มีพากย์ไทย
Cons
- ครึ่งแรกเล่าช้าและมีปมเรื่องมากไป
- ขาดฉากอีกด้านของคนร้ายในช่วงแรก
ADBRO
“The Glass Dome” เป็นซีรีส์ Original Netflix จากสวีเดน 6 ตอนจบ แนวสืบสวน มีพากย์ไทย เล่าเรื่องราวของเลจ์ลา นักอาชญาวิทยาที่กลับมายังเมืองเล็กๆ ในสวีเดนซึ่งเคยเป็นสถานที่ที่เธอถูกลักพาตัวในวัยเด็ก เพื่อร่วมสืบสวนคดีการหายตัวไปของเด็กสาวที่ดูเหมือนจะเชื่อมโยงกับอดีตอันดำมืดของเธอ
รีวิว The Glass Dome (ไม่สปอยล์)
ซีรีส์นี้นำเสนอพล็อตเรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับเด็กที่ถูกจับขังในตู้กระจก โดยตัวเอกเลจ์ลาเองก็มีประสบการณ์ถูกลักพาตัวในวัยเด็กและหลบหนีออกมาได้ แต่ไม่สามารถจำหน้าคนร้ายได้ ทำให้คดีในอดีตยังคงเป็นปริศนา เมื่อเวลาผ่านไป 20 ปี เธอได้กลับมาที่เมืองบ้านเกิดและพบว่ามีคดีลักพาตัวใหม่ที่มีรูปแบบคล้ายคลึงกับเหตุการณ์ในอดีตของเธอ
จุดเด่นของซีรีส์คือการวางโครงเรื่องที่ซับซ้อน ผ่านการเล่าเรื่องสลับไปมาระหว่างอดีตและปัจจุบัน โดยอาศัยความทรงจำที่ขาดหายและค่อยๆ กลับมาของเลจ์ลา พร้อมกับแทรกปมต่างๆ มากมาย ทั้งความขัดแย้งในครอบครัวของเหยื่อที่เชื่อมโยงเรื่องชู้สาวกับหัวหน้าตำรวจที่กำลังสืบสวน ประเด็นมลพิษจากเหมืองที่กำลังก่อสร้าง และความขัดแย้งในครอบครัวของเลจ์ลาเองระหว่างพ่อของเธอกับอาที่รับช่วงตำแหน่งหัวหน้าตำรวจ
ในช่วงสามตอนแรก ซีรีส์อาจดูเหมือนสะเปะสะปะและค่อนข้างช้า เนื่องจากมีปมมากมายที่ถูกนำเสนอพร้อมกัน ทำให้ผู้ชมอาจรู้สึกว่าเรื่องราวขาดทิศทางที่ชัดเจน อีกทั้งยังไม่มีฉากที่แสดงด้านของคนร้ายให้เห็นเลย ส่งผลให้เรื่องราวค่อนข้างเนิบช้าและขาดความน่าตื่นเต้น
แต่เมื่อเข้าสู่ครึ่งหลังของซีรีส์ ทิศทางเรื่องเริ่มชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเลจ์ลาสามารถสร้างโปรไฟล์คนร้ายจากความทรงจำที่กลับมา ทำให้เรื่องราวเข้มข้นและชวนติดตามมากขึ้น การเผยปมปริศนาและเหตุการณ์ต่างๆ ถูกวางไว้อย่างแยบยล จนนำไปสู่การเฉลยที่น่าทึ่งและคาดไม่ถึง แม้ในตอนแรกอาจรู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ แต่เมื่อย้อนกลับไปดูร่องรอยต่างๆ ที่เรื่องได้วางไว้ตั้งแต่ต้น ทำให้เห็นว่าทุกอย่างเชื่อมโยงกันอย่างสมเหตุสมผล
ตัวละครเลจ์ลาถูกนำเสนอในมุมที่น่าสนใจ ไม่ได้เป็นนักอาชญาวิทยาที่เก่งกาจตามแบบฉบับของซีรีส์สืบสวน แต่เป็นเหยื่อที่ยังคงมีบาดแผลทางจิตใจ มีชีวิตที่ไม่สมประกอบ และต้องหนีไปใช้ชีวิตในอเมริกาเพื่อหลีกหนีจากความทรงจำอันเจ็บปวด ซึ่งเมื่อกลับมาเผชิญหน้ากับอดีต เธอก็ต้องเผชิญกับความหวาดกลัวที่หลอกหลอนเธอมาตลอด ในตอนจบที่มีฉาก “ตู้กระจก” เป็นสัญลักษณ์ย้อนรอยความทรงจำที่ฝังลึกอย่างเจ็บปวดทำ ให้ตอนจบของซีรีส์มีความสะเทือนใจและลึกซึ้ง
โดยสรุปแล้ว หากคุณชอบซีรีส์สืบสวนที่มีความซับซ้อนและพร้อมอดทนกับช่วงต้นเรื่องที่ค่อนข้างช้า The Glass Dome ก็นับเป็นซีรีส์ที่คุ้มค่ากับการรับชม โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบเรื่องราวเกี่ยวกับจิตวิทยาอาชญากรและการเฉลยปมที่น่าประหลาดใจ