playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว The Gorge (Apple Tv+) รักข้ามหุบเหวที่พบแต่ความน่าผิดหวัง!

The Gorge

Summary

สรุป เป็นภาพยนตร์ที่มีพล็อตเรื่องตั้งต้นแนวคิดน่าสนใจในการผสมผสานระหว่างแนวรักโรแมนติกกับแอ็คชั่นไซไฟ แต่การดำเนินเรื่องและบทภาพยนตร์ไม่สามารถพัฒนาศักยภาพของทั้งสองแนวให้ลงตัวได้เลย โดยเสียเวลาชั่วโมงแรกเป็นหนังรักที่อืดอาดยืดยาดจนเกินไป ก่อนที่ครึ่งหลังเปลี่ยนเป็นแนวแอ็กชั่นไล่ฆ่าสัตว์ประหลาดที่อาจจะดูจุใจ แต่ก็ไม่ได้แปลกใหม่เพราะเหมือนไปก็อปโลกกลับด้านของซีรีส์สเตรนเจอร์ธิงส์มารวมเข้ากับเรสซิเดนท์อีวิลแบบง่ายๆ สัตว์ประหลาดขาดเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทำให้ทั้งเรื่องกลายเป็นผลงานที่ธรรมดา แม้จะมีนักแสดงที่มีความสามารถร่วมแสดงหลายคน แต่ผู้ชมที่สนใจแค่น้องจอยก็ยังโอเคอยู่ แม้จะน่าผิดหวังกับบทที่เธอได้รับและพยายามเล่นสุดฝีมือแล้วก็ตามครับ

Overall
6/10
6/10
Sending
User Review
0 (0 votes)

Pros

  • นักแสดงเด่นน่าสนใจ แอนยา เทย์เลอร์-จอย 
  • แบ่งครึ่งหนังรักกับแอ็กชั่น
  • ได้ผู้กำกับมีชื่อ Scott Derrickson 

Cons

  • โครงเรื่องขาดความสมดุล เน้นฉากรักนานเกินไปในชั่วโมงแรก
  • การออกแบบสัตว์ประหลาดไม่น่าสนใจ ขาดเอกลักษณ์ และถูกกำจัดได้ง่ายเกินไป
  • บทภาพยนตร์ค่อนข้างตื้นเขิน
  • ไม่ได้ใช้ศักยภาพของซิกัวร์นีย์ วีเวอร์เลย
  • ขาดฉากไคลแม็กซ์ที่น่าจดจำ

ADBRO

The Gorge ภาพยนตร์แนวแอ็คชั่น-โรแมนติก ของ apple Tv+ เรื่องราวเกิดขึ้นที่บริเวณหุบเหวลึกลับที่มีภัยคุกคามอยู่ภายใน สองสไนเปอร์จากอเมริกากับรัสเซียที่ได้รับมอบหมายให้ปกป้องโลกจากสิ่งมีชีวิตประหลาดที่อยู่ในหุบเหวเหล่านั้น
The Gorge (2025) on IMDb

รีวิว The Gorge (มีสปอยล์บางส่วน)

หนังสตรีมมิ่งที่ได้ผู้กำกับที่น่าสนใจอย่าง Scott Derrickson มาทำ (ผลงานก่อน The Black Phone 2021 Doctor Strange 2016) แถมนำแสดงโดย แอนยา เทย์เลอร์-จอย นางเอกที่มีแฟนๆ ตามเชียร์มากมายให้เธอดังระดับแนวหน้าซูเปอร์สตาร์จริงๆ ได้สักที หลังจากคว่ำกับ Furiosa: A Mad Max Saga มาล่าสุด (ส่วน ไมลส์ เทลเลอร์ ที่มาเป็นพระเอกนี่ก็เฉยๆ นะ) และยังได้ ซิกัวร์นีย์ วีเวอร์ มาเล่นด้วยอีก แถมผู้เขียนบทก็เป็น Zach Dean คนเขียน The Tomorrow War   หนังสตรีมมิ่งดังของ amazon prime ที่สร้างสัตว์ประหลาดล้างโลกโดยมีจุดเด่นแตกต่างจากเรื่องอื่นได้ดีทั้งที่มาและความสามารถร้ายกาจมากจนต้องย้อนเวลากลับมาหาคนไปกู้โลก (พล็อตคล้ายๆ Edge of Tomorrow)   ก็หวังว่าไอเดียแบบนี้จะถูกนำมาใช้ในเรื่องนี้ที่มาพล็อตสัตว์ประหลาดลึกลับแบบเดียวกัน แต่กลายเป็นว่าบทในเรื่องนี้ไม่มีความแปลกใหม่เลยและทำลายองค์ประกอบอื่นๆ ที่ควรจะดีได้ไปเกือบทั้งหมด

หนังเปิดเรื่องด้วยการปูพื้นความเป็นมาของตัวละครหลักอย่างรวบรัด – นางเอกมาจากรัสเซีย ส่วนพระเอกเป็นชาวอเมริกัน ทั้งคู่เป็นนักฆ่ามืออาชีพระดับท็อปของโลก ทั้งคู่ถูกจับให้อยู่คนละฝั่งของหุบเหวลึก หรือที่เรียกว่า “โกรกธาร” – หุบผาชันแคบที่มีลำธารไหลผ่านเบื้องล่าง โดยมีคำสั่งห้ามเด็ดขาดไม่ให้ทั้งสองฝ่ายติดต่อกัน แต่แล้วความรักก็เบ่งบานขึ้นเมื่อทั้งคู่แอบส่องกล้องมองหากัน และสื่อสารผ่านป้ายข้อความ หนังทุ่มเทเวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงแรกไปกับการนำเสนอเรื่องราวความรักข้ามหุบเหวนี้อย่างเต็มที่ ราวกับโลกนี้มีเพียงพวกเขาสองคน แม้จะมีฉากสัตว์ประหลาดโผล่มาให้เห็นฉากหนึ่งเพื่อเรียกน้ำย่อย แต่หนังกลับไม่ได้พัฒนาประเด็นนี้ต่อว่าพวกนี้คือตัวอะไร กลับมุ่งเน้นนำเสนอความรักทางไกลต่อ ซึ่งก็มาในรูปแบบแปลกๆ ดูน่ารักดี ทว่าการใช้เวลานานถึงเกือบชั่วโมงโดยแทบไม่มีการเชื่อมโยงกับปริศนาเรื่องสัตว์ประหลาดที่ผู้ชมรอคอย ทำให้จังหวะการเล่าเรื่องดูอืดอาดเกินไปมากๆ สุดท้ายพระเอกก็ตัดสินใจจะข้ามฟากไปหา ซึ่งจริงๆ ก็เพราะความหื่นนั่นแหละเพราะนางเอกก็มีบทแซวว่าตลอดเวลาที่คุณอยู่อีกฝั่งคิดจะหาทางเอาฉันยังไงใช่มั้ย ซึ่งหนังก็ไม่รอช้ามีคุยพอเป็นพิธีกับฉากเต้นรำให้เกิดจังหวะแนบชิดเป็นฉากโรแมนติกก่อนจัดฉากเลิฟซีนให้หนึ่งฉาก (แต่ก็ไม่เห็นอะไรหรอกนะ) ซึ่งบทโรแมนติกแบบนี้มันทื่อมากจนไม่น่าเชื่อว่าเขียนขึ้นมาได้ยังไง เพราะมันไร้อารมณ์ความเป็นหนังรักโดยสิ้นเชิง

หนังมาเริ่มเรื่องสัตว์ประหลาดกันในชั่วโมงหลังเมื่อทั้งคู่ตกลงไปในโกรกธารด้านล่างด้วยมุกสิ้นคิดง่ายๆ จนไม่น่าเชื่อว่านี่คือนักฆ่ามือโปรของโลก แทนที่บทหนังที่เล่าเรื่องโลกของสัตว์ประหลาดด้านล่างจะมีความแปลกใหม่ แต่กลายเป็นเหมือนการยำโลกกลับด้านของซีรีส์สเตรนเจอร์ธิงส์เข้ากับเรสซิเดนท์อีวิล (ผีชีวะ) เข้าด้วยกัน ซึ่งถ้ายำดีๆ มันก็มีความน่าสนใจอยู่ แต่หนังกลับซ้ำซาก วนอยู่กับตัวที่คล้ายๆ ซอมบี้ผสมรากไม้ที่ก็ไม่ได้เก่งอะไรเลย มีแมงมุมขาประจำของหนังแนวนี้มาแจมนิดหน่อย แต่ทั้งหมดก็ถูกฆ่าด้วยปืนแบบง่ายๆ ไม่มีตัวไหนมีสกิลความสามารถพิเศษอะไรสักนิดเดียวเลย เอาว่าถ้ามีกระสุนมากพอสองคนนี้ก็คงฆ่าล้างบางสัตว์ประหลาดที่นี่หมดได้แน่ๆ ซึ่งหนังก็พยายามลากยาวฉากแอ็กชั่นโลกด้านนี้ในครึ่งหลังเพื่อทดแทนการปูเรื่องฉากรักชั่วโมงแรก ทำเหมือนเป็นหนังรักผสมแอ็กชั่นคนละครึ่งตามคอนเซ็ปต์ แต่บอกตรงๆ ว่าพอดูๆ ไปมันกลับน่าเบื่อมากกว่าช่วงแรกที่รอลุ้นว่าข้างล่างนั่นคืออะไรซะอีก เพราะบทเฉลยที่มาของสัตว์ประหลาดพวกนี้ก็เล่นง่าย มันคืออัมเบรลล่าที่มาทดลองกันที่ตรงนี้นั่นแหละ ซึ่งสุดท้ายเรื่องมันก็มาบรรจบที่ว่าบอสคือใคร ก็คงเดากันไม่ยาก แต่น่าเสียดายที่ไม่มีฉากแอ็คชั่นไคลแม็กซ์ที่สมศักดิ์ศรีกับการรอคอยตลอดทั้งเรื่อง แล้วก็วกไปจบปิดท้ายแบบหนังรักสูตรสำเร็จเดิมๆ อีกรอบด้วย

ตัวนักแสดงที่เสียของมากที่สุดคือ ซิกัวร์นีย์ วีเวอร์ ผู้กำกับเหมือนเลือกมาแค่เพื่อดึงให้ผู้ชมสนใจมาดู แต่บทแทบไม่มี แถมมีก็ไม่ได้ช่วยอะไรกับเรื่องเลย เป็นใครก็ได้ ตัวพระเอก ไมลส์ เทลเลอร์ ก็เล่นพอใช้ได้กับบทพระเอกฮีโร่เต็มสูบทำเพื่อผู้หญิงที่รักได้ทุกอย่าง แต่น่าเสียดาย แอนยา เทย์เลอร์-จอย ที่ดูก็รู้ว่าเธอพยายามเล่นบทนี้ให้ดีที่สุดแล้ว ตัวบทก็พยายามใส่มิติของตัวละครลงไปมากกว่าใคร เพราะเธอมีพ่อที่ป่วยมะเร็งและต้องคอยแบกรับบาปที่เธอก่อไว้มาตลอด แต่บทมันก็เขียนขึ้นมาโดยไม่ได้เอาส่วนนี้ไปทำอะไรต่อ จนทำให้เป็นบทครึ่งๆ กลางๆ ที่ไม่ส่งเสริมตัวละครไปมากกว่านั้นเลย แต่ผู้ชมที่มาดูน้องจอยก็คงคุ้มค่าแหละ เพราะเธอก็ยังสวยลึกลับมีเสน่ห์เฉพาะตัวแบบที่พอแบกความล้มเหลวของทั้งเรื่องไว้ได้อยู่ครับ

 

สรุป เป็นภาพยนตร์ที่มีพล็อตเรื่องตั้งต้นแนวคิดน่าสนใจในการผสมผสานระหว่างแนวรักโรแมนติกกับแอ็คชั่นไซไฟ แต่การดำเนินเรื่องและบทภาพยนตร์ไม่สามารถพัฒนาศักยภาพของทั้งสองแนวให้ลงตัวได้เลย โดยเสียเวลาชั่วโมงแรกเป็นหนังรักที่อืดอาดยืดยาดจนเกินไป ก่อนที่ครึ่งหลังเปลี่ยนเป็นแนวแอ็กชั่นไล่ฆ่าสัตว์ประหลาดที่อาจจะดูจุใจ แต่ก็ไม่ได้แปลกใหม่เพราะเหมือนไปก็อปโลกกลับด้านของซีรีส์สเตรนเจอร์ธิงส์มารวมเข้ากับเรสซิเดนท์อีวิลแบบง่ายๆ สัตว์ประหลาดขาดเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทำให้ทั้งเรื่องกลายเป็นผลงานที่ธรรมดา แม้จะมีนักแสดงที่มีความสามารถร่วมแสดงหลายคน แต่ผู้ชมที่สนใจแค่น้องจอยก็ยังโอเคอยู่ แม้จะน่าผิดหวังกับบทที่เธอได้รับและพยายามเล่นสุดฝีมือแล้วก็ตามครับ

รวมรีวิว apple TV+ คลิกที่นี่

รีวิว Black Doves พิราบเงา (Netflix) ซีรีส์สายลับที่ตัวละครมีเสน่ห์ซับซ้อนคมคายสุดๆ