playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว The Greatest Beer Run Ever หนังสงครามเวียดนามที่พล็อตดูบ้าบอแต่ก็เป็นเรื่องจริงแบบซื่อๆ (ไม่สปอยล์)

The Greatest Beer Run Ever

Summary

นี่เป็นหนังสงครามที่ฉาบหน้าด้วยพล็อตเรื่องบ้าบอ แต่ก็ถ่ายทอดมุมมองบ้าบอนั้นออกมาได้ซื่อตรงกับเรื่องจริงของสงครามเวียดนามในยุคนั้น ที่นักการเมืองอเมริกาใช้สงครามข่าวสารบิดเบือนความจริงหลอกผู้คนไปตายโดยอ้างความรักชาติ ฮีโร่กู้โลก จนทำให้เกิดคนที่เหมือนตัวเอกในเรื่องนี้ที่สนับสนุนสงครามจนเผลอทำเรื่องบ้าบออย่างนั้นลงไปโดยบริสุทธิ์ใจ ก่อนที่จะเรียนรู้ความจริงที่โหดร้าย แต่ในเรื่องก็มีดราม่ามิตรภาพดีๆ ระหว่างทางกับทั้งเพื่อนทหารและชาวเวียดนามรวมอยู่ด้วย ฉากสงครามแม้จะเป็นสเกลเล็กแต่ก็ทำออกมาได้ดี รวมถึงระบบเสียงที่แยกทิศทางได้ดีเลย  ถือเป็นหนังดราม่าสงครามน้ำดีอีกเรื่องเลย แม้คุณอาจจะเคยดูแนวสงครามเวียดนามมาก่อนแล้วหลายเรื่อง แต่ก็ไม่อยากให้พลาดเรื่องนี้อีกสักเรื่องเช่นกันครับ

Overall
7.5/10
7.5/10
Sending
User Review
0 (0 votes)

Pros

  • หนังสงครามเวียดนามจากเค้าโครงเรื่องจริงที่ดูบ้าบอ
  • ได้ดาราดังรุ่นใหญ่อย่างรัซเซล โครว กับ บิล เมอเรย์มาเล่น
  • ฉากสงครามย่อมๆ ทำได้ดี
  • ถ่ายทอดมุมมองสงครามข่าวสารที่บิดเบือนในยุคนั้น
  • มุกตลกในเรื่องชวนขำได้เสมอ

Cons

  • เรื่องราวผจญภัยค่อนข้างเกินจริงไปเยอะเหมือนกัน (จริงสัก 50 แต่ง 50)
  • เดินเรื่องยืดยาวไม่กระชับเท่าไหร่ ( 2 ชั่วโมงเต็ม)
  • บทของบิล เมอเรย์น้อยมาก

ADBRO

 The Greatest Beer Run Ever (2022) on IMDb

รีวิว The Greatest Beer Run Ever

 

หนังเรื่องนี้มาจากโปรดิวเซอร์กับเขียนบทจากกรีนบุ๊ค Peter Farrelly ที่ได้รางวัลออสการ์ และยังได้นักแสดงนำมีฝีมืออย่าง Zac Efron, Russell Crowe, กับ Bill Murray มาร่วมด้วย ซึ่งก็การันตีได้ว่านี่ไม่ใช่หนังเล็กๆ ทุนต่ำลงสตรีมมิ่งธรรมดา แต่เป็นหนังดราม่าสงครามเวียดนามที่มีเรื่องราวจากเค้าโครงของจริงที่ดูบ้าบอเกินกว่าจะเชื่อว่ามีคนแบบนี้จริงๆ แต่ก็เป็นเรื่องจริง

หนังสงครามเวียดนามมีมาแล้วมากมาย ซึ่งแน่นอนว่าทั้งหมดก็นำเสนอมุมโหดร้าย ความน่ากลัวของสงคราม และความผิดพลาดที่อเมริกาส่งทหารโดยเฉพาะเด็กหนุมไปเข้าร่วมรบ ซึ่งในเรื่องนี้เองก็อาจจะไม่ได้แตกต่างอะไรในจุดนี้ แต่สิ่งที่เรื่องนี้ฉีกออกมาคือความบ้อบอของเรื่องจริงที่ชวนขำตั้งแต่พล้อตแล้วว่าเป็นไปได้เหรอที่คนๆ หนึ่งจะมีความคิดอุตริพาตัวเองไปยังดงสงครามเพื่อเอาเบียร์ไปให้เพื่อน ซึ่งตัวเรื่องเอาจุดนี้มานำเสนอได้ดีในแง่มุมที่ว่า คนซื่อๆ ที่เชื่อข่าวจากนักการเมือง ประธานาธิบดี ในสมัยนั้นมีเยอะมาก เป็นการปลุกกระแสคลั่งรักชาติแบบผิดๆ ที่ฝังหัวมาจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่อเมริกามีส่วนช่วยทำให้นาซีกับญี่ปุ่นแพ้สงครามและกอบกู้โลกไว้ได้ จนกลายเป็นความเชื่อสืบต่อเนื่องมาว่ารัฐบาลออกคำสั่งอะไรมาก็คือสิ่งที่ถูก จนนำไปสู่ความคิดที่ว่าการไปรบที่เวียดนามคือการกู้โลกอีกครั้งของตัวเอกในเรื่องนี้ที่อยากมีส่วนช่วยเหลือเพื่อนที่ไปรบแบบใสซื่อบริสุทธิ์มาก

ตัวเรื่องปูฐานทำให้เราเข้าใจความคิดของ ชิคกี้ ได้ดี โดยเขาเป็นคนที่เรียนไม่จบมัธยม ทำงานออกเรือประมงเก็บตังกลับมาเมาเหล้า ชีวิตของเขาวนเวียนอยู่แค่นี้ แล้วชิคกี้ก็เลยเชื่ออย่าง 100% ว่าสงครามครั้งนี้อเมริกาทำถูกต้อง จนถึงขั้นกล่อมน้องต่างพ่อไปรบแล้วก็หายสาบสูญไป นั่นกลายเป็นจุดเริ่มที่ทำให้ชิคกกี้อยากทำอะไรมากกว่าอยู่ที่บ้านเมาเหล้าคุยกับก๊วนไปเฉยๆ ไอเดียที่ว่าจึงพุ่งออกมาขณะเมา แต่กลายเป็นชุมชนรู้ข่าวว่าเขาจะไปเวียดนามก็ดีใจฝากของส่งไปให้อีก ทำให้ชิคกี้ตกกระไดพลอยโจนต้องไปจริงๆ ซึ่งตัวเรื่องก็ตัดมาที่เขาถึงเวียดนามแล้ว ก็กลายเป็นการผจญภัยบ้าๆ บอๆ แบบเหลือเชื่อว่าทำไปได้ยังไง โดยหลักๆ คือทหารที่นั่นดันคิดว่าเขาเป็น CIA จากเสื้อผ้าหน้าผมสูตรเดียวกัน ซึ่งพาให้ฮาทุกครั้งที่ชิคกี้เนียนเป็น CIA เพื่อหาช่องเดินทางเอาเบียร์ไปแจก 

แม้ตัวเรื่องจะดูบ้าบอไร้สาระ แต่กลายเป็นว่านี่เป็นหนังสงครามที่มีสาระจริงจังมากกว่าที่คิดมาก ตัวเรื่องผลักดันให้ชิคกี้ไปเจอสงครามของจริงแล้วก็รู้สึกว่าไม่ควรมา อันนี้น่าจะเป็นเรื่องที่ก่อนดูเราคิดไว้ แต่ตัวเรื่องเจาะลงไปอีกว่าชิคกี้ได้ไปเห็นสิ่งเลวร้ายที่ CIA ตัวจริงทำไว้ (ซึ่งแน่นอนนี่คือเรื่องแต่งเข้ามา) รวมถึงภาพของสงครามจริงที่นักการเมืองพยายามบิดไปอีกอย่างเหมือนว่าอเมริกาจะชนะ หรือการสร้างเรื่องโกหกมากมายเพื่อหลอกให้ทหารและคนอเมริกันเองเชื่อว่าเวียดนามเลวร้ายเป็นภัยต่อโลก ซึ่งชิคกี้จะได้ไปเจอกับตัวละครที่รัซเซลโครวเล่นเป็นนักข่าวสงคราม และก็ได้เห็นมุมมองของเรื่องจริงที่ข่าวพยายามนำเสนอ แต่ถูกบิดเบือนโดยทหารในพื้นที่เป็นอีกเรื่อง กลายเป็นความเลวร้ายจริงๆ ของสงครามคือสงครามข่าวสารที่อเมริกาเองบิดเบือนความจริงเอง เพื่อหาประโยชน์ให้นักการเมืองที่สนับสนุนสงครามในเวลานั้น

ตัวหนังไม่ได้แค่มุมร้ายๆ แต่ในเรื่องราวนี้ก็ยังมีมิตรภาพที่เกิดขึ้นกับเพื่อนๆ ที่ชิคกี้ไปเจอตัว ซึ่งทุกคนแม้ว่าจะงงว่ามาทำไม ทำไมเอ็งงี่เง่าเบอร์นี้ แต่ลึกๆ แล้วนี่ก็เป็นสิ่งที่ดีกว่าสงครามที่ทุกคนกำลังประสบอยู่ และตัวชิคกี้เองก็ได้พบเจอกับมิตรภาพของคนเวียดนามที่มีต่อเขา ทำให้ในเรื่องร้ายๆ ของเรื่องนี้ก็มีสิ่งดีๆ ที่ช่วยพยุงความรู้สึกไว้รวมอยู่ด้วย

ถึงตัวหนังอาจจะดูเป็นแนวตลกดราม่า แต่พอถึงฉากสงครามจริงๆ ก็ทำออกมาดีพอตัวเลย ระบบเสียงในเรื่องแยกทิศททางดีมากเหมือนอยู่ท่ามกลางกระสุนจริงๆ แต่ในเรื่องจะเป็นแค่ฉากสงครามสเกลย่อมเล็กๆ เพราะตัวชิคกี้เองแค่ผ่านไปติดชั่วคราว แต่ในเรื่องก็มีฉากใหญ่ๆ อย่างสงครามในไซง่อนอยู่ตอนท้ายเรื่องด้วยครับ

นี่เป็นหนังสงครามที่ฉาบหน้าด้วยพล็อตเรื่องบ้าบอ แต่ก็ถ่ายทอดมุมมองบ้าบอนั้นออกมาได้ซื่อๆ กับสงครามที่หลอกผู้คนไปตายได้อย่างซื่อตรงกับความจริงในยุคนั้นมาก ถือเป็นหนังดีอีกเรื่องเลย แม้คุณอาจจะเคยดูแนวสงครามเวียดนามมาก่อนแล้วหลายเรื่อง แต่ก็ไม่อยากให้พลาดเรื่องนี้อีกสักเรื่องครับ

ติดตามอ่านรีวิวหนัง/ซีรีส์ใน Apple TV+ คลิกที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!