playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว The Head SS2 ซีรีส์ฆาตกรรมที่ทำซ้ำเหตุการณ์ในซีซั่นแรกได้อย่างน่าทึ่งมาก!

Summary

ซีรีส์ที่ทำได้น่าทึ่งมากกับการเล่นเรื่องราวต่อซีซั่นแรกโดยตรง แม้ผู้ชมจะรู้ว่าฆาตกรคือใครจากตอนจบซีซั่นแรก แต่ก็ยังมีเนื้อหาสดใหม่ให้เล่าได้อีก โดยตั้งใจเล่นเรื่องซ้ำในรูปแบบการเล่าเรื่องเดิมทั้งหมดทุกอย่าง แต่เป็นสถานที่ใหม่ ทีมตัวละครใหม่ ที่ผู้สร้างทำได้ดีขึ้นไปอีก ใครชอบภาคแรกยังไงก็ควรดูภาคนี้ต่อแน่นอนครับ 

Overall
8/10
8/10
Sending
User Review
0 (0 votes)

Pros

  • เล่าเรื่องต่อจากซีซั่นแรก แต่ทำซ้ำเหตุการณ์รูปแบบเดิมได้ดีมาก

Cons

  • เนื้อเรื่องยังมีบางจุดไม่เคลียร์ให้ชัดอยู่บ้าง

ADBRO

The Head ss2 ซีรีส์ HBO แนวทริลเลอร์ 6 ตอนจบเมื่อ 4 ปีก่อน และดูก็ไม่ได้ดังมากในไทยเลย ซึ่งผู้ชมก็คงคิดว่าจบสมบูรณ์ไปแล้วด้วย เมื่อตอนจบเป็นการเปิดตัวฆาตกรที่เรื่องนี้ซ่อนมานานตั้งแต่แรกจนมาเฉลยเอานาทีสุดท้ายและรอดไปได้ ทำให้ไม่น่าจะสร้างเนื้อเรื่องต่อได้ และตัวละครก็ตายกันหมดแล้ว แต่ด้วยความที่ซีรีส์ประสบความสำเร็จมากของสตูดิโอ The Mediapro Studio ทำให้เรื่องที่ตั้งใจจบกลับมีซีซั่น 2 ต่อ และก็ยังทำออกมาได้ดีมากขึ้นไปอีก จนเตรียมทำซีซั่น 3 ต่อไปแล้วด้วย

 

รีวิว The Head ss1

รีวิว The Head (HBO) ซีรีส์สยองขวัญที่มีกลิ่นอายละม้ายคล้าย The Thing อย่างตั้งใจ (ไม่สปอยล์)

 

 

รีวิว The Head ss2 (ไม่สปอยล์)

รีวิวนี้มีสปอยล์เนื้อหาตอนจบของซีซั่น 1

เนื้อเรื่องสร้างความน่าทึ่งเมื่อเล่นเรื่องต่อจากตอนจบซีซั่น 1 ตรงๆ โดยเลขตอนของซีซั่น 2 ยังต่อเป็นเลข 7-12 มี 6 ตอนจบเช่นเดิม “แม็กกี้” ฆาตกรที่รอดมาก็ใส่ร้าย “อาเธอร์” เพื่อให้เขารับโทษติดคุกจากคดีฆาตกรรมทั้งศูนย์วิจัยที่เธอก่อขึ้น แต่เนื้อเรื่องก็เล่าเพียงสั้นๆ และตัดมาที่ฉากกลางทะเลบนเรือขนสินค้าขนาดยักษ์ ซึ่งอาเธอร์ไม่ได้ติดคุกแล้ว และยังทำการทดลองสาหร่ายที่ช่วยดูดซับคาร์บอนเพื่อกู้โลกร้อนต่อ โดยมีทีมงานนักวิทยาศาสตร์ชุดใหม่ที่รวมคนหลายเชื้อชาติมาไว้ด้วย ก่อนที่เรื่องจะเริ่มการตายสยองอีกครั้งทันทีเมื่อมีเหยื่อคนแรกที่หัวถูกตัดขาด ซึ่งนี่คือรูปแบบฆาตกรรมเดียวกับที่แม็กกี้ทำมาก่อน แต่เธอไม่ได้อยู่บนเรือ และเรือลำนี้ก็เป็นความลับสุดยอด ใครกันคือคนร้าย? แม็กกี้คือผู้บงการอีกครั้งหรือไม่? 

นี่คือจุดเริ่มของเรื่องนี้ในตอนแรกที่ทึ่งมากว่าซีรีส์ยังเล่นกับธีมเดิมไว้ได้ทั้งหมด ตัวละครหลายเชื้อชาติ (ภาคนี้มี 10 เชื้อชาติ) สถานที่ปิดห่างไกล ไม่มีตำรวจมาเกี่ยวข้อง รูปแบบฆาตกรรมสยอง จิตใจของตัวละครที่ต้องระแวงกันเอง ซึ่งทั้งหมดยังทำออกมาดีมาก ทั้งฉากฆาตกรรมที่อาจจะน่ากลัวน้อยลงเนื่องจากสถานที่จำกัดพื้นที่มากกว่า แต่ก็มีความน่ากลัวที่ต่างออกไปอีกแบบ หรือการเชื่อมโยงแผนสมคบคิดกับงานวิจัยกู้โลกร้อนก็ยังคงมีอยู่ และก็เล่าขยายเรื่องราวส่วนนี้จนเป็นแกนกลางของเรื่องนี้เลยก็ว่าได้ แต่จุดเริ่มทั้งหมดทั้งมวลก็เหมือนกับซีซั่นแรกนั่นคือ จิตใจของมนุษย์ที่บิดเบี้ยวเมื่ออยู่ในช่วงวิกฤต ซึ่งซีซั่นนี้ก็ยังสร้างอารมณ์ตรงนี้ออกมาได้ดี ตัวละครแต่ละคนล้วนมีช่วงเวลาชวนน่าสงสัยกันหมด และยังซ่อนเรื่องที่แท้จริงที่เดาได้ยากมากไว้เหมือนเดิม โดยนำไปเฉลยในนาทีสุดท้ายเหมือนกันอีกด้วย   

 

นอกจากนี้ยังเพิ่มปมสำคัญคือ แม็กกี้มาเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ได้จริงหรือไม่ ซึ่งเหตุการณ์ในเรื่องมีการตัดสลับเล่าเรื่องของแม็กกี้ที่ไม่ได้อยู่ในเรือ และเป็นคนละเวลากับในเรือ มีช่วงเล่าเรื่องราวชีวิตของเธอมากขึ้น แต่ทั้งหมดมีความเกี่ยวข้องกันในทางใดทางหนึ่ง ซึ่งเพิ่มความฉงนให้เรื่องนี้มากขึ้นไปอีก 

งานโปรดักชั่นของเรื่องนี้ก็ดีมากไม่แพ้ซีซั่นแรกที่เซ็ตติ้งในสตูดิโอแต่เหมือนอยู่ขั้วโลกมากจริงๆ แต่ซีซั่นนี้ถ่ายทำบนเรือขนาดใหญ่ของจริง และก็เล่นกับพื้นที่บนเรือที่มีอุปกรณ์เดินทางต่างๆ ให้เข้ากับเหตุการณ์ในเรื่องได้เป็นอย่างดีทุกจุด 

 

สรุปเป็นซีรีส์ที่ทำได้น่าทึ่งมากกับการเล่นเรื่องราวต่อซีซั่นแรกโดยตรง แม้ผู้ชมจะรู้ว่าฆาตกรคือใครจากตอนจบซีซั่นแรก แต่ก็ยังมีเนื้อหาใหม่ให้เล่าได้อีก โดยตั้งใจเล่นเรื่องซ้ำในรูปแบบการเล่าเรื่องเดิมทั้งหมดทุกอย่าง แต่เป็นสถานที่ใหม่ ทีมตัวละครใหม่ ที่ผู้สร้างทำได้ดีขึ้นไปอีก ใครชอบภาคแรกยังไงก็ควรดูภาคนี้ต่อแน่นอนครับ 

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!