playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว The King Eternal Monarch แฟนตาซีโลกคู่ขนาน จอมราชันบัลลังก์อมตะ (อัพเดทจบ 16 ตอน)

Contents ซ่อน
The King Eternal Monarch

สรุป

เนื้อเรื่องช่วง 6 ตอนแรกเดินเรื่องวนเวียนที่เดิม เรื่องดูเป็นแนวแฟนตาซีไซไฟแต่ทำออกมาดูธรรมดาทั่วไป เน้นขายความหล่อเท่ของพระเอก เพราะเรื่องถูกวางเป็นแฟนตาซีโรแมนซ์เป็นหลัก มีฉากชวนฝันเยอะ แต่ตัวนางเอกก็มีความง่ายรักพระเอกทันทีจนไม่มีลุ้นอะไรเลย สิ่งที่น่าสนใจคือการสมมุติว่าราชวงศ์เกาหลียังสืบทอดมาถึงยุคปัจจุบันจะมีหน้าตาเป็นเช่นไร ทำได้ดีและมีความน่าสนใจ

แต่พอเข้าช่วงตอนที่ 7 ไปเรื่องเริ่มใส่ปริศนามาเยอะ มีทั้งการข้ามโลกคู่ขนาน การย้อนเวลา เปลี่ยนแปลงอดีต อนาคต รวมถึงการเล่นกับตัวตนทั้งสองโลกของนักแสดงคนเดียวกัน เรื่องจึงค่อยๆ มีเนื้อหาที่เข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ตัวละครก็เยอะจนจำได้ยาก แต่ปัญหาคือ การไทอินที่เยอะจนเกินพอดีอย่างน่าเกลียด รวมถึงการยัดฉากโรแมนติกมากเกินไปจนเรื่องดูยืดๆ ในหลายตอน แม้เรื่องจะดูมีปมเยอะ แต่ก็เล่าแบบรวบรัดในหลายๆ อย่างจนดูกระโดดๆ ชวนงง ฉากจบตอนสุดท้ายก็ทำออกมาง่ายๆ ไม่มีจุดพีคของเรื่องราวนัก เน้นเอาใจคนดูเป็นหลัก มีปลายเปิดนิดๆ แต่กลับไม่เคลียร์เรื่องราวสถานะของนางเอกในจักรวรรดิเกาหลีให้ชัดเจน

Overall
7/10
7/10
Sending
User Review
4.13 (16 votes)

Pros

  • ขายความหล่อเท่ของพระเอกและบทบาทที่ได้รับให้สาวๆ ได้ฟินเต็มขั้น
  • เรื่อวมีตลกสอดแทรกเป็นระยะๆ
  • โลกสมมุติจักรวรรดิเกาหลีที่สืบทอดมาถึงปัจจุบัน
  • CG แฟนตาซีในฉากต่างๆ ทำได้ดี
  • ดนตรีประกอบอลังการเข้ากับเรื่อง
  • ของวิเศษและสิ่งของราชวงศ์ในเรื่องเก็บรายละเอียดได้พิถีพิถันดี
  • บทตัวตนคนสองโลกที่ต้องเล่นในคาแรกเตอร์ต่างกันทำได้ดี โดยเฉพาะบทองครักษ์พระเอกที่มีสีสันมากที่สุดในช่วงหลัง
  • มีเรื่องการเดินทางข้ามเวลาไปมาเปลี่ยนแปลงอดีต อนาคต

Cons

  • พล็อตเรื่องแนวไซไฟไม่แปลกใหม่ ตัวบทยังไม่ได้แตกต่างจากแนวเรื่องเดิมๆ
  • นางเอกดูจืดจางและบทก็ดูทีเล่นทีจริงไม่ได้ดูเรียลสมกับเป็นตำรวจอาชญากรรมร้ายแรงสักเท่าไหร่
  • นางเอกพอข้ามโลกมาอีกฝั่งแล้วรักพระเอกง่ายแบบปุ๊บปั๊บเปลี่ยนบททันที
  • เรื่องราวช่วงแรกวนเวียนไม่คืบหน้าไปไหนเลย
  • การโยงเรื่องเข้ากับอลิซวันเดอร์แลนด์ที่ดูไม่เข้ากันสักเท่าไหร่
  • นายกหญิงบุคลิกและตัวบทดูเป็นนางร้ายแบบไร้กึ๋นมากๆ
  • โฆษณาแทรกในเรื่องแบบให้ดารานักแสดงใช้ซูมย้ำกันจะๆ เยอะมากในเรื่อง (หลัง EP8 เริ่มถี่หนัก)
  • ฉากแอ็กชั่น EP11 ใส่มาเยอะ แต่ไม่สมจริงดูหลอกๆ ไม่เหมือนกับตอนเปิดเรื่องที่ทำได้ดีกว่ามาก
  • ฉากจบที่เบาเน้นเอาใจคนดูไปสักหน่อยเมื่อเทียบกับความจริงที่ควรจะเป็น

ADBRO

ซีรีส์เกาหลี The King Eternal Monarch จอมราชันบัลลังก์อมตะ ของ Netflix เรื่องราวแฟนตาซีโลกคู่ขนาน เมื่อประเทศเกาหลียังมีสมเด็จพระจักรพรรดิปกครองอยู่ และเขาได้ข้ามประตูมิติมายังโลกอีกด้านเพื่อตามหาหญิงสาวที่เคยช่วยชีวิตเขาไว้จากการก่อกบฏขององค์ชายต่างมารดาที่พยายามฆ่าเขาในวัยเด็ก

 The King: Monarch of Eternity (2020) on IMDb
คะแนนเฉลี่ย IMDB

ตัวอย่างซีรีส์เกาหลี The King Eternal Monarch จอมราชันบัลลังก์อมตะ

บทความมีสปอยล์เนื้อหาบางส่วน แต่ไม่ใช่จุดหักมุมของเรื่อง

เรื่องย่อ

ซีรีส์เรื่องนี้เป็นเรื่องของโลกคู่ขนานและการเล่นกับห้วงเวลาไปพร้อมกัน โดยเรื่องราวเปิดมาที่อนาคตก่อนเรื่องจริงจะดำเนินไปในช่วงหลัง ผ่านเรื่องเล่าของ “อีริม” (รับบทโดย Lee Jung-Jin) ชายปริศนาอายุ 70 ปีผู้เล่าถึงประวัติตัวเองว่ามาจากอีกโลกหนึ่ง ในช่วงปีของจักรวรรดิเกาหลี 1994 กับการแย่งชิงขลุ่ยวิเศษ “มันพาชิกช็อก” ที่มีอำนาจลี้ลับหลายอย่างแฝงอยู่ และเป็นสมบัติแห่งชาติของจักรวรรดิเกาหลีในโลกแห่งนี้ และเขาต้องสังหารน้องชายผู้ครองบัลลังค์พร้อมกับ “อีกน” หลานชายเพื่อให้ได้ของสิ่งนี้มา แต่แผนกลับผิดพลาดจากการปรากฏตัวอย่างลึกลับของคนผู้หนึ่งที่ได้เข้ามาช่วยชีวิตอีกอนไว้ได้ อีริมจึงต้องหนีไปและได้ข้ามประตูมิติในป่าไผ่มายังโลกปกติที่ปกครองด้วยระบบสาธารณะรัฐ มีประธานาธิบดีเป็นประมุข โดยราชวงศ์เกาหลีได้สูญสิ้นไปแล้วในปัจจุบัน เขาได้มาพบตัวเองและหลายชายในโลกแห่งนี้อีกครั้งที่มีสถานะเป็นเพียงคนธรรมดา ก่อนจะสังหารทั้งคู่ลงอีกครั้ง

ในเวลาต่อมาเจ้าชายอีกนได้เสด็จขึ้นครองราชย์ เป็นสมเด็จพระจักรพรรดิแห่งราชวงศ์อีสืบต่อจากพ่อ และก็พยายามตามหาหญิงสาวปริศนาที่คาดว่ามาช่วยเขาในวัยเด็ก จากการที่ป้ายห้อยคอของเธอหล่นในวันนั้น และระบุว่าเป็นตำรวจ วันหนึ่งอีกนก็ได้พบประตูมิติในป่าไผ่ และก็ข้ามประตูมาพร้อมกับม้าขาวคู่ใจมายังโลกอีกด้าน จนมาเจอกับ “จองแทอึล” (รับบทโดย Kim Go-Eun) หญิงสาวที่เขาตามหาในโลกแห่งนี้มาตลอดชีวิต

จุดเด่นสุดของเรื่องคือ Lee Min-Ho

The King Eternal Monarch จอมราชันบัลลังก์อมตะ

จุดเด่นของเรื่องที่เกินหน้าทุกอย่างคือการกลับมาของ Lee Min-Ho นายแบบดาราหนุ่มรูปหล่อชื่อเสียงโด่งดังทั้งในเกาหลี จีน รวมถึงเอเชียจากผลงานการแสดงดังๆ อย่างเรื่อง The Heirs ซึ่งเขาได้หยุดการแสดงเข้าไปเป็นทหาร ตั้งแต่วันที่ 12 พฤษภาคม 2560 ปลดประจำการเมื่อปี 2562 ก็ได้มารับบทเป็นพระเอกในซีรีส์นี้เป็นผลงานชิ้นแรก ซึ่งหลังจากได้รับชมก็ยอมรับว่าสมกับบทบาทมาก เนื่องจากต้องเล่นเป็นจักรพรรดิหนุ่มที่ต้องใช้ชีวิต 2 โลก มีบุคลิกนุ่มลึกอ่อนโยน แต่ก็เด็ดขาดแข็งกร้าวไปพร้อมกัน ซึ่งตัวซีรีส์หลักๆ ก็ขาย Lee Min-Ho จนเด่นเกินหน้ามากกว่าเนื้อเรื่องแฟนตาซี และก็เป็นตัวดึงดูดผู้ชมให้มาดูซีรีส์เรื่องนี้อย่างแท้จริง


พล็อตเรื่องโลกคู่ขนานผสมท่องเวลา

ตัวเรื่องหลังจากรับชมช่วงแรกยังค่อนข้างธรรมดามากไปสำหรับการวางตัวเป็นแนวเรื่องแฟนตาซีโลกคู่ขนานกับการท่องเวลา ซึ่งพล็อตเรื่องแนวนี้ทำกันมาเกร่อมากๆ และมีเหตุมีผลอธิบายอะไรได้มากกว่าเรื่องนี้ที่จู่ๆ ก็เปิดประตูมิติมาเลย หรือการวางเรื่องว่ามีการย้อนเวลาจากอีกโลกไปอีกโลก เพื่อช่วยตัวเอกและมีการทิ้งของสำคัญไว้ให้ตามหา ก็เป็นอะไรที่เรื่องอื่นใช้กันมาเยอะแล้ว ทำให้การรับชมจนถึงปัจจุบันยังไม่รู้สึกว้าวอะไรกับบทได้เลย มีเพียง CG ในส่วนแฟนตาซีต่างๆ ที่ดูดีหน่อย แต่ก็ไม่ถึงขนาดเนี๊ยบ เพราะยังรู้สึกออกแนวการ์ตูนมากกว่าสมจริง ยิ่งการเน้นโยงกับเรื่อง อลิซในแดนมหัศจรรย์ (Alice in Wonderland) ให้มีคนใส่ชุดกระต่ายนำทางพระเอกไปอีกโลกยิ่งดูประหลาดแบบการ์ตูน ไม่เข้ากับเรื่องที่เปิดมาตอนแรกกับฉากการก่อกบฏนองเลือดเลย แต่มีจุดที่น่าสนใจคือการวางตัวร้าย “อีริม” (มีสถานะเป็นลุงของพระเอก แต่ถูกปลดออกจากราชวงศ์แล้ว) ให้มาอยู่ในโลกปกติของเราเพื่อวางแผนการชิงอำนาจกลับมา โดยมีอำนาจอิทธิพลอยู่แบบลับๆ ทั้ง 2 โลก และตั้งแต่ช่วง EP3 ไปหนังเริ่มเล่นมีการหยุดเวลามาเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งก็จะเชื่อมกับการข้ามมิติไปมาของทั้งพระเอกและตัวร้าย ที่ทั้งคู่เริ่มรับรู้การมีอยู่ของทั้งสองโลกและของกันและกัน

สปอยล์แผนของอีริม

แผนของอีริมถูกเปิดเผยออกมาค่อนข้างชัดเจนในตอน 5 ว่าตามหาคนในโลกปกติไปแทนที่คนในโลกคู่ขนาน โดยฆ่าคนในโลกนั้นทิ้งแล้วสวมรอยแทน จนกลายเป็นขุมกำลังอำนาจให้กับอีริมมากขึ้นเรื่อยๆ

 

The King Eternal Monarch จอมราชันบัลลังก์อมตะ
The King Eternal Monarch จอมราชันบัลลังก์อมตะ

แต่สิ่งที่น่าชมก็คือ การเซ็ทโลกสมมุติ จักรวรรดิเกาหลีปี 1994 ทั้งในอดีตและปัจจุบันปี 2019 (ปีในเรื่องหลัก) ซึ่งต้องใช้จินตนาการสูงพอสมควรว่าการที่ราชวงศ์เกาหลีไม่สิ้นการปกครองมาถึงปัจจุบันจะเป็นอย่างไร  ซึ่งก็มีการเซ็ทฉากผสมกับการใช้ CG รวมกัน มีภาพมุมสูงโชว์ให้เห็นของสิ่งก่อสร้างอย่างในจินตนาการอย่างพระราชวังปูซาน มีการถวายการอารักขาสมเด็จพระจักรพรรดิแบบเข้มงวดทุกภารกิจที่ไป อย่างการอ่านนิทานให้เด็กฟัง ซึ่งสถานะราชวงศ์ในโลกนี้ได้รับความนิยมจากประชาชนมาก เรียกว่าเป็นหน้าตาของประเทศ มีข่าวลงสื่อให้คนได้จิ้นจับคู่นายกรัฐมนตรีหญิงเข้ากับจักรพรรดิอีกน ที่ยังครองความเป็นโสดแม้อายุจะมากถึง 30 ปีแล้วก็ตาม ซึ่งในส่วนของนายกหญิงคู (รับบทโดย Jung Eun-Chae) จะเป็นบทสมทบที่มาเกี่ยวข้องกับเรื่องความรักกับพระเอก เพราะเธอพุ่งเป้าต้องการเป็นมเหสีให้ได้อย่างชัดเจนตั้งแต่แรกเริ่ม

ความเป็นอมตะนิรันดร์ตามความหมายของชื่อเรื่อง The King Eternal Monarch 

ตัวเรื่องความหมายนี้ค่อนข้างคลุมเครือว่าหมายถึงอะไรกันแน่ แม้ว่าเรื่องจะเป็นแนวแฟนตาซีไซไฟมาก แต่เปิดเรื่องมาเราก็เห็นแล้วว้าตัวร้ายไม่แก่ลงเลย ที่ตอนนี้ก็ยังเป็นปริศนาอยู่ แต่เข้าใจว่าเกี่ยวเนื่องมาจากประตูมิติเวลาที่จะหยุดทุกครั้งที่มีการข้ามฝั่งของทั้งคู่ จนใน EP10 ถึงเริ่มเข้าใจว่าเป็นความต้องการของอีริมที่จะคงความเป็นอมตะไว้เพื่อกลับมายึดอำนาจในโลกเดิม ที่ประชาชนทั่วไปเข้าใจว่าเขาตายไปแล้ว และก็กลายเป็นการร่ำลือว่าเขาเป็นอมตะไม่เปลี่ยนแปลงหน้าตาไปจาก 25 ปีก่อนเลย ซึ่งคาดว่าจะถูกเชื่อมโยงกับการที่พระราชาถูกยกไว้สูงส่งดั่งเทพตามความเชื่อโบราณ (สมมติเทพ) และก็ทำให้ความเป็นอมตะของเขาถูกใช้เป็นสิ่งหนึ่งในแผนการสั่นคลอนอำนาจบัลลังค์ของอีกน ทำให้แค่ภาพของเขาก็ต้องถูกปกปิดไว้ไม่ให้ประชาชนได้เห็นไม่งั้นจะเกิดความวุ่นวายขึ้นทันที

ตัวละครที่อยู่เหนือกาลเวลาของสองโลก (มีสปอยล์ EP11)

ดูเหมือนผู้เขียนบทยังไม่หนำใจในเรื่องตัวละครสองโลก จึงเพิ่มตัวละครที่อยู่นอกเหนือคนสองโลกมาอีกเป็นเด็กปริศนาที่โผล่มาตั้งแต่แรกๆ มีอ้างอิงถึงด้ายแดงซึ่งสื่อไปถึงเทพเจ้า รวมถึงคำพูดที่ว่าเป็นผู้รักษาสมดุลย์ด้วย ซึ่งเด็กคนนี้เกี่ยวพันกับ ขลุ่ยวิเศษ “มันพาชิกช็อก” ตำนานความเชื่อของวิเศษที่เปิดประตูมิติโลกคู่ขนานในเรื่องนี้ แต่น่าเสียดายที่เรื่องจบแบบค่อนข้างเบาบางกับตัวละครนี้มาก

ผลกระทบของการข้ามโลก (มีสปอยล์ EP12-13)

รอยแผลสายฟ้าที่กำเริบมาทุกครั้งที่ฟ้าผ่า เรื่องค่อยเฉลยว่าเป็นผลกระทบจากการเดินทางข้ามโลกคู่ขนาน ไม่ใช่มีแค่อีกนกับอีริมที่ได้รับผลกระทบ แต่รวมถึงหลายๆ คนที่ก็เกิดรอยแผลนี่เช่น แต่บางคนก็ไม่มีผลกระทบตรงนี้ สันนิษฐานว่าน่าจะเกิดจากความไม่สมดุลย์ของคนฝั่งโลกปกติที่ตายไปจากฝีมืออีริม ทำให้คนที่เหลืออยู่ตัวตนเดียวเกิดผลกระทบตรงนี้ขึ้นมา

กฏและเงื่อนไขของการย้อนเวลาในเรื่องนี้ (มีสปอยล์ EP14-15)

ตัวเรื่องถูกทำให้เห็นตั้งแต่ตอนแรกแล้วว่ามีการย้อนเวลามาแน่ๆ แต่ปริศนาในเรื่องก็ถูกปิดไว้ยาวนานมากจนถึงตอน 14-15 ของเรื่องถึงเฉลย ซึ่งก็มาจากขลุ่ยวิเศษที่แยกเป็นสองส่วนในเรื่องกลับมารวมกันในช่องว่างมิติ เลยสามารถย้อนเวลาไปยังที่ๆ เจ้าของขลุ่ยต้องการได้ และเมื่อเปลี่ยนแปลงอดีต คนเวลาในปัจจุบันก็จะมีความทรงจำใหม่กับหลักฐานจากอดีตเพิ่มเข้ามาทั้งสองโลก กฎของการย้อนเวลาในเรื่องจึงไม่ใช่ลูป แต่เป็นการแก้ไขอดีตแล้วอนาคตถูกเปลี่ยนทับไปเรื่อยๆ ตัวละครในเรื่องนี้จึงแก้ไขอดีตซ้ำๆ ได้ โดยไม่มีผลกับเส้นเวลาเก่า (อย่างกรณีอีริมที่รู้แล้วว่าตัวเองย้อนมาหาและตายด้วยมือตัวเอง ตอนนี้เขาก็ไม่ย้อนกลับไปทำแบบนั้นอีก จึงเกิดอนาคตใหม่ขึ้นต่อไป อีริมที่ตายคือเส้นเวลาเก่าก่อนเปลี่ยน)

สงครามน่านน้ำระหว่างประเทศญี่ปุ่น VS. เกาหลี

ตัวเรื่องมีเกริ่นมานิดๆ หน่อยๆ ตลอดเวลาว่าจักรวรรดิเกาหลีที่พระเอกปกครองอยู่ในโลกคู่ขนานเจอปัญหาจากการคุกคามของญี่ปุ่น ซึ่งตามข้อเท็จจริงในโลกเราปกติทั้งคู่มีข้อพิพาทแย่งเกาะเล็กๆ ในทะเลกันอยู่ แต่ที่เป็นข่าวบ่อยๆ คือกับการรุกล้ำน่านน้ำญี่ปุ่นของเกาหลีเหนือเพื่อมาทำประมงมากกว่า ในซีรีส์นี้เกาหลีไม่ได้แบ่งประเทศ แต่แบ่งเป็นภาคเหนือกับใต้ เรื่องก็เลยเปลี่ยนเป็นญี่ปุ่นมารุกรานโดยตรงแทน ซึ่งจะมีฉากรบทางน้ำ พร้อมฝ่าบาทเปลี่ยนชุดเป็นจอมพลสูงสุดลงมาบัญชาการเรือรบโจมตีญี่ปุ่นเองในตอนที่ 6 ซึ่งก็ถือว่าลงทุนทำฉากให้ดูยิ่งใหญ่ไม่น้อย โดยใช้ฟุตเทจเก่าความละเอียดหยาบนิดๆ มาประกอบ (เข้าใจว่าไม่ได้ใช้ CG เป็นหลัก) มีฉากยิงปืนใหญ่จากเรือให้เห็นพอหอมปากหอมคอ เกาหลีในเรื่องนี้ถือว่ายิ่งใหญ่กว่าโลกปกติมาก และก็บีบบังคับให้ญี่ปุ่นยอมขอโทษ โดยใช้การงดส่งออกแร่หายาก “แรร์เอิร์ธ” มาเป็นมาตรการกดดัน (ในความจริงเรื่องแรร์เอิร์ธนี้มาจากจีนที่ผลิตมากสุดแล้วมากดดันที่อื่นจนเป็นข่าวดังช่วงก่อน)

ปล.ญี่ปุ่นในเรื่องนี้ทำเหมือนสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ดูแล้วเก่ามาก แบบจงใจไม่ให้ดูดีแบบกองเรือรบเกาหลีเลย


ดารานักแสดงในเรื่อง

ส่วนที่น่าผิดหวังคือการที่นางเอก Kim Go-Eun ที่ความสวยไม่เด่นมากพอกับการเข้าคู่กับ Lee Min-Ho สักเท่าไหร่ ตัวบทของเธอก็ยังดูขัดๆ กับการเป็นตำรวจในแผนกคดีอาชญากรรมร้ายแรงแต่ดูทีเล่นทีจริงกับงานมากไป ยิ่งในตอนที่ 3 มีฉากแอ็กชั่นให้สู้กับพวกฝูงนักเลงยิ่งเห็นได้ชัดว่าเธอไม่ได้ถนัดกับบทที่ต้องมีฉากแบบนี้เข้ามาเกี่ยวด้วย ภาพที่ออกมาจึงดูง้องแง้งอ่อนปวกเปียก ไม่สมกับที่ตัวเรื่องวางไว้ว่าเธอเป็นเทควันโดสายดำเลย อาจจะเพราะนี่เป็นซีรีส์แฟนตาซีไม่ได้ขายความเรียลจริงจังก็ได้ แต่ตัว Lee Min-Ho รับบทได้เข้ากับตัวเองแบบไร้ที่ติ ทั้งการวางมาดเป็นฝ่าบาทแบบอะไรๆ ก็ต้องมีการเว้นระยะห่าง มีองค์รักษ์ประจำตัวสุดเท่ “โจ ยอง” (รับบทโดย Woo Do-Hwan) ที่เป็นเพื่อนสมัยเด็กคอยให้ความคุ้มครองตลอดเวลา เรียกว่าเป็นพระรองของเรื่องนี้เลยซึ่งก็เน้นเท่กินขาดไม่แพ้กัน แถมพอพบกับตัวเองในโลกปกติที่ค่อนข้างเอ๋อๆ ก็กลายเป็นมุกตลกสีสันของเรื่องได้ฮามาก (เจอกันตอน EP7)

ส่วนคาแร็กเตอร์ของพระเอกพอมาอยู่ในโลกปกติก็ยังติดการทำตัวแบบเดิม จนกลายเป็นเจ้าชายหลงยุคที่ดูแล้วก็น่ารักอมยิ้มกับบทเอ๋อๆ หลุดๆ เมื่อมาเจออะไรใหม่ๆ ในโลกนี้ แถมความหล่อยังเป็นจุดเด่นเตะตาร่วมกับการมีม้าขาวคู่ใจติดตามมายังโลกนี้ด้วย ซึ่งตัวซีรีส์ในตอน 2 ก็แทบจะขายตัว Lee Min-Ho โดยที่นางเอกเป็นแค่ตัวเสริมเรื่องราวเท่านั้น ซึ่งก็มาแบบโดนพระเอกกอดแต่แรกพบ การจ้องมองจริงจัง ซึ่งซีรีส์เรื่องนี้ชัดเจนว่าต้องการขายความฟินจิ้นจากตัวพระเอกกับบทที่วางไว้สูงส่งมากๆ กับเรื่องนี้

นายกหญิงคูถูกวางบทไว้แบบตื้นมากไม่มีมิติในตัวละครนี้เลย เปิดเรื่องมาก็เพื่อหาทางจับพระเอกให้ได้ในแบบที่มองยังไงก็เหมือนนางร้ายตั้งแต่แรก แถมทั้งบททั้งลุคที่สื่อออกมาก็ไม่ได้มีมาดเข้มที่สมกับเป็นนายกหญิงที่โลกแห่งนี้ชื่นชมว่าเป็นผู้หญิงเก่งเลย บุคลิกส่วนตัวของบทก็ขัดกับตำแหน่งหน้าที่มาก เป็นส่วนที่ยิ่งดูไปยิ่งรู้สึกขัดใจมากที่สุดในเรื่องเลย และจนจบเรื่องเธอก็ไม่ได้เป็นตัวละครหลักสำคัญกับปมของเรื่องนัก

นายกรัฐมนตรีหญิงของเรื่องที่จ้องจะจับพระเอกให้ได้ ดูแล้วออกแนวไร้สมองจนขาดความสมจริงมากที่สุด

ซีรีส์มีส่วนของคดีฆาตกรรมมาเกี่ยวข้องด้วย โดยมีจุดเชื่อมโยงกลับไปหาอีริมที่รับบทโดย Lee Jung-Jin เป็นตัวร้ายของเรื่องที่ก่อกบฎในโลกคู่ขนานและย้ายมาใช้ชีวิตแฝงตัวอยู่ในโลกนี้ ซึ่งก็ยังคงความโหดไว้เหมือนเดิม แต่จะเป็นตัวร้ายที่ออกแนวสุขุมลุ่มลึกวางแผนมากกว่าตัวร้ายแบบอาละวาดไปทั่ว ซึ่งก็เหมาะดีกับบทและสถานะในเรื่องที่เขาเองก็มีเชื้อราชวงศ์เดียวกับพระเอกเช่นกัน

ตัวตนคนสองโลกที่ใช้นักแสดงคนเดียวเล่น 2 บทต่างกัน

เมื่อเป็นโลกคู่ขนานก็ทำให้มีตัวละครหลายตัวเดินเรื่องอยู่ 2 โลกสลับไปมา แต่ก็ไม่ได้มีการข้ามโลกหรือรู้สึกถึงความเกี่ยวข้องกันในช่วง EP1-6 ยกเว้นในส่วนของตัวร้ายที่เปิดมาก็ข้ามโลกมาฝั่งปกติมาเจอตัวเองแล้วจัดการไปแล้ว ซึ่งช่วง EP1-6 จะเป็นการนำเสนอตัวคนเดียวเล่นสองคาแรกเตอร์ แต่พอ EP7 จะเริ่มมีการเจอหน้ากันของตัวละครเดียวกันต่างโลก และก็เผยตัวตนของนางเอกทั้งสองโลกว่าชีวิตต่างกันอย่างไร รวมถึงบางคนในโลกทั้งสองต่างก็สัมผัสความรู้สึกหรือเห็นภาพตัวเองในอีกโลกได้แล้ว เป็นผลกระทบต่อเนื่องมาจากการข้ามโลกไปมาบ่อยขึ้นของทั้งพระเอกและตัวร้าย ทำให้โลกทั้งสองเริ่มมีการซ้อนทับกันขึ้น

“โจ ยอง” องครักษ์พระเอกที่เล่นได้มีสีสันที่สุด

สำหรับเรื่องนี้พระเอกเป็นจุดขายก็จริง แต่ความที่บทของมินโฮจะเป็นนิ่งขรึมตลอดเวลาในลุคราชา ยกเว้นพอมาอยู่ในโลกที่มีนางเอกถึงทำตัวคิกขุๆ ลดความผ่อนคลายลงมา แต่ก็ไม่ได้แตกต่างกันมากจนรู้สึกดึงดูดอะไรนัก (ยกเว้นคนที่ดูเขาอย่างเดียว) แต่เห็นได้ชัดเลยว่าคนดูกลับมาสนใจบทองค์รักษ์โจยองกันมากมาย ด้วยลุคหล่อเนี๊ยบขรึมชวนมองตั้งแต่ในตอนแรก ก่อนที่ EP7  หลุดก๊ากออกมาเป็นสายฮาเต็มตัว ทำให้เห็นเลยว่า Woo Do-Hwan นักแสดงคนนี้มีของในตัวเยอะมาก เล่นสองบทบาทที่ต่างกันได้อย่างเนียนเป็นธรรมชาติตลอด เป็นคนเดียวในเรื่องที่รับบทสองร่างมาเจอกันคุยกันปกติ แถมบางครั้งเล่นเป็นสองคนในร่างเดียวสับขาหลอกคนดูให้งงอีกว่าตอนนี้คือ โจยอง หรือไม่ใช่โจยองกันแน่ (อึนซอบ) เพราะเขาเล่นบทฮาหน้าตายได้สมบาทมากจนเราแยกไม่ออก (โจยองในบางครั้งมีแอบหลอกด่าพระเอกเนียนๆ ให้ฮา)

บทพระรองที่มาเด่นเอาตอนท้ายเรื่อง

ตามสูตรเกาหลีก็ต้องมีพระรองที่แอบรักนางเอก ซึ่งเรื่องนี้ตัวบท “คังชินแจ” ที่นางเอกเรียกรุ่นพี่ แม้จะมีบทมาตั้งแต่แรก แต่แทบไม่เด่นอะไรเลย เนื่องจากตัวเรื่องต้องการซ่อนปมปริศนาความลับของตัวเขาไว้มากมาย ก่อนจะมาเฉลยเอาช่วงท้ายๆ เรื่องเลย ซึ่งก็มีความสำคัญกับตัวเนื้อเรื่องหลักไม่แพ้โจยอง รวมถึงเรื่องราวความรักที่แอบเก็บไว้ใจว่าชอบนางเอกก็จะมาเน้นหนักเอาตอนใกล้จบเช่น แถมยังมีฉากจบแฮปปี้เอนดิ้งที่ลงตัวเป็นอย่างมาก

ฉากโรแมนติกที่เยอะจนล้นของเรื่อง

ปัญหาของเรื่องนี้ที่เป็นทั้งจุดเด่นและจุดด้อยก็คือฉากโรแมนติกที่ตั้งใจเซ็ทมาให้พระเอกนางเจอเจอหน้ากันเมื่อไหร่ต้องมีฉากสโลว+ฉากสวีท เยอะมาก แถมเป็นแบบทั้งกอดจูบกันตั้งแต่แรกๆ โดยไม่ต้องปูบทให้ทั้งคู่ฝ่าฟันอะไรมาด้วยกันถึงรักกันได้เลย ทำให้ส่วนโรแมนติกของเรื่องขาดความน่าเชื่อถือมาก แต่ถ้ากลุ่มเป้าหมายสาวๆ ที่ต้องการดูฉากพวกนี้ก็ถือว่าเรื่องเซ็ทติ้งมาแบบได้ชวนฝันสุดๆ

ไทอินสินค้าเข้ามาแทบตลอดเวลา

ด้วยความที่ซีรีส์เรื่องนี้ทุนสูงมากระดับต้นๆ ของช่องฟรีทีวีเกาหลี SBS จึงต้องเขียนบทยัดไทอินสปอนเซอร์เข้ามาบ่อยมาก แรกๆ อาจจะไม่ทันได้สังเกตุอะไรเพราะคิดว่าเป็นบทการใช้ชีวิตปกติ อย่างไปร้านกาแฟ ร้านอาหาร กินไก่ กิมจิ เครื่องนวดหน้า แต่พอ EP8 เริ่มถี่หนักจนเห็นได้ชัดเพราะเน้นย้ำสินค้าเดิมๆ กลับมากับเพิ่มสินค้าใหม่เข้าไปอีก โดยให้ตัวละครพูดสรรพคุณสินค้าขายกันแบบโต้งๆ ไม่ต้องมาเนียนๆ อะไรกันเลย ทำให้คนดูรู้สึกเบื่อเวลาเห็นการไทอินแบบนี้มาก บางคนอาจจะบอกว่าดูตลกไม่คิดอะไร แต่รวมๆ แล้วไทอินเรื่องนี้ต่อตอนนี่ก็กินเวลากับทำให้มีฉากไม่จำเป็นมากขึ้นเยอะจนเสียเนื้อเรื่องกับบรรยากาศของเรื่องไปจริงๆ ครับ


สรุปความน่าสนใจ The King Eternal Monarch (เรียงตาม EP มีสปอยล์บางส่วน)

เนื้อเรื่อง EP1-6 ยังเรียกว่าเดินเรื่องไม่ได้น่าติดตามสักเท่าไหร่ เรื่องดูเป็นแนวแฟนตาซีไซไฟแต่ทำออกมาดูธรรมดาทั่วไป และก็ไม่เดินหน้าเรื่องราวไปสักเท่าไหร่ วนๆ กับการขายความหล่อเท่ของพระเอก เพราะเรื่องถูกวางเป็นแฟนตาซีโรแมนซ์เป็นหลัก ซึ่งในสายโรแมนติกตัวหนังทำออกมาได้ดีอยู่แล้ว มีฉากชวนฝันเยอะ แต่ตัวนางเอกก็มีความง่ายจนเกินไปจากตอนแรกหัวดื้อไม่เชื่อมาก พอข้ามโลกไปได้ก็กลายเป็นอ่อนระทวยยอมไปหมด หันมารักพระเอกทันทีจนไม่มีลุ้นอะไรเลย แต่สิ่งที่เตะตาน่าสนใจคือการสมมุติว่าราชวงศ์เกาหลียังสืบทอดมาถึงยุคปัจจุบันจะมีหน้าตาเป็นเช่นไร อันนี้เป็นส่วนที่ต้องชมว่าทำได้ดีและมีความน่าสนใจเสมอเมื่อเรื่องเดินไปยังโลกฝั่งนี้ครับ

EP7-8 ถึงค่อยมีเนื้อหาที่น่าติดตามจากการที่พระเอกพาองค์รักษ์ข้ามมาเจอตัวเองอีกฝั่งมาเจอตัวเอง ก็กลายเป็นสายฮาและเป็นตัวดึงดูดให้คนดูชวนติดตามตลอด พร้อมกับเริ่มเดินหน้าสืบสวนหาตัวร้ายในโลกปกติ และก็เริ่มเผยให้เห็นแผนการหลักของตัวร้ายอีริม พร้อมทั้งเปิดตัวละคร “คนใส่ชุดฮู้ดกระต่าย” ที่ค้างไว้เป็นปริศนาในตอนเริ่มเรื่องสักทีว่าคือใคร

EP9-10 ถือว่าทำได้น่าติดตามเพราะเรื่องกลับมาโฟกัสที่ตัวร้ายแล้ว และก็มีฉากการพบกันของทั้งคู่เป็นไฮไลท์ของเรื่องนี้ แต่ก็ยังติดข้อเสียเดิมๆ มาอยู่คือขายของเยอะกับพระเอกนางเอกเจอหน้ากันไม่ได้ ต้องยัดให้เป็นฉากโรแมนซ์ตลอดเวลาจนเกินไป

EP11 เรื่องเพิ่มฉากแอ็กชั่นการปะทะของทั้งสองฝ่ายมากขึ้น แต่ไม่ค่อยมีลุ้นอะไร มีมีบทการสลับเปลี่ยนตัวคนสองโลกในปัจจุบันแบบตัดฉากข้ามเรื่องเลย น่าจะเพราะต้องการเรียกเรตติ้งที่ตกต่ำไปกลับมา แต่เรื่องก็กลายเป็นดูรีบเล่าข้ามๆ มากไปจนขาดรายละเอียดที่ควรมี และก็ยังเพิ่มปมกับตัวละครปริศนามากขึ้นไปอีก ตรงนี้ถือว่าน่าติดตาม

EP12 เรื่องไม่ค่อยเดินหน้าไปไหน ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับบทโรแมนติกต่อจากตอนก่อนแบบจัดเต็มมากเกินกว่าจูบ แต่เรื่องก็ค่อยๆ เผยปมเรื่องรอยสายฟ้าที่ติดตัวอีกนกับอีริม พร้อมกับการข้ามโลกไปมาของตัวละครอื่น โดยที่ยังคงทิ้งปริศนาในเรื่องเดิมคาทิ้งไว้ตลอด พร้อมกับยังใส่ปมใหม่เข้ามาเกี่ยวกับคนดูแลอีกนเพิ่มมาอีกว่าอาจจะเป็นคนที่มาจากในโลกปกติ

EP13 เรื่องเข้มข้นตลอดตั้งแต่แรกจนจบ พร้อมกับเฉลยปมเรื่องที่ค้างคาไว้จากตอนแรกว่าใครที่มาช่วยพระเอกตอนเด็ก รวมถึงเรื่องประตูมิติสองที่กับการหยุดเวลา และก็ตัวละครสำคัญที่ถูกอีริมพาข้ามฝั่งทั้งสองโลกว่ามีหน้าที่อะไร รวมถึงตัวตนเลียนแบบนางเอกมาโลกปกติทำไม แทบจะเฉลยทุกอย่างหมดแล้วในตอนนี้ครับ

EP14-15 ถือว่าเป็นช่วงเข้มข้นที่สุดของเรื่องนี้แล้ว ตัวเรื่องสนุกกับการเล่นย้อนเวลาไปมากับการข้ามโลกที่เดินเรื่องได้รวดเร็วมาก เรื่องราวเน้นไปที่การย้อนเวลากลับไปในอดีตตอนต้นเรื่องคืนเหตุการณ์ก่อกบฏอีกครั้ง พร้อมกับให้ดูหลักการย้อนเวลาของเรื่องนี้ว่าถ้าแก้ไขอดีต ปัจจุบันจะเปลี่ยนไปยังไง มีเผยตัวตนกับเหตุผลที่อีริมต้องการจากแต่ละคน นอกจากนี้ยังเผยความลับของ ขลุ่ยวิเศษ “มันพาชิกช็อก” ทั้งการเปิดประตูมิติกับการย้อนเวลาว่าทำได้ยังไง

EP16 ตอนจบที่ครึ่งแรกเป็นการเคลียร์เรื่องราวในอดีตที่จุดกำเนิดของเรื่อง ซึ่งก็ไม่มีลุ้นอะไรมากนักทุกอย่างเป็นไปอย่างง่ายๆ ส่วนครึ่งหลังก็เป็นแนวโรแมนติกกับการเปิดมิติตามหานางเอกในโลกคู่ขนานแบบอื่นๆ ซึ่งตัวซีรีส์ทำออกมาหลากหลายมาก แต่ฉากจบค่อนข้างชิลๆ ง่ายๆ เกินไปสักหน่อย แม้จะดูแฮปปี้เอนด์ดิ้งดีก็ตาม จบแบบกึ่งๆ ปลายเปิดนิดๆ แต่กลับไม่เคลียร์เรื่องราวสถานะของนางเอกในจักรวรรดิเกาหลีให้ชัดเจน

สปอยล์ฉากจบของเรื่อง

ตอนจบของเรื่องหลังพระเอกจัดการอีริมได้ กลายเป็นนางเอกก็ยังมีความทรงจำอยู่เหมือนเดิม เนื่องจากเทพขลุ่ยวิเศษ “มันพาชิกช็อก” ตัดสินใจไม่ตัดเชือกแห่งโชคชะตา (เชือกลูกดิ่ง) ของทั้งคู่ ทำให้พระเอกต้องออกตามหานางเอกไปทุกโลกคู่ขนานจนเจอ จากนั้นก็จบแบบทั้งคู่แอบมาพบกันทุกวันหยุดท่องเที่ยวไปในโลกต่างๆ จนแก่เฒ่า (แต่ไม่ได้เคลียร์เรื่องสถานะมเหสีของนางเอก)

 

อ่านรีวิวซีรีส์เกาหลี Original Netflix เรื่องอื่นคลิกที่นี่

Leave a comment
The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!