รีวิว The Lie (Amazon Prime) อาชญากรรมสานสัมพันธ์ปัญหาครอบครัวผ่านเรื่องโกหก (ไม่สปอยล์)
The Lie
สรุป
หนังแนวดราม่าปัญหาครอบครัวแตกแยกผสมทริลเลอร์ปนมาหน่อยๆ ตัวเรื่องเดินไปด้วยเรื่องโกหกปกปิดอาชญากรรมของลูกที่บานปลายไปเรื่อยๆ แต่กลับทำให้ครอบครัวที่แตกร้าวไปแล้วกลับมาสานสัมพันธ์กันได้ ซึ่งตรงนี้แหละคือหัวใจของเรื่องนี้ผ่านเรื่องอาชญากรรมการปกปิดความผิดที่เกิดขึ้น
Overall
6/10User Review
( votes)Pros
- แนวเรื่องการโกหกปกปิดซ่อนเร้นอาชญากรรมผ่านมุมมองครอบครัว
- ความรักของพ่อแม่ที่ทำทุกอย่างเพื่อช่วยลูก
- นางเอกสาววัยรุ่นที่กำลังเริ่มดัง Joey King จาก The kissing Booth ของ Netflix
- ตอนจบที่คนเดาไม่ออกคงอุทานด่าแน่ๆ
Cons
- เรื่องไม่น่าเชื่อถือในบางช่วง เหตุผลกับการกระทำดูไม่รอบคอบสมกับคาแรกเตอร์ของตัวละครที่เป็นนักกฎหมาย
- หลายช่วงออกแนวนิ่งๆ เนือยๆ ให้คนดูรู้สึกอึมครึมไปกับเรื่องราวจนเกินไป
- ตอนจบที่อาจจะทำให้คนเกลียดหนังไปเลยมากกว่าจะเข้าใจสารที่หนังตั้งใจสื่อออกมา
หนังใหม่แนวดราม่าทริลเลอร์ของค่าย Blumhouse ที่ขึ้นชื่อเรื่องแนวระทึกสยองขวัญ ซึ่งในเดือนตุลาคมนี้ทางค่ายนี้ร่วมกับ Amazon Prime จัดหนังแนวทริลเลอร์สยองขวัญมาลงด้วยกัน 4 เรื่องต้อนรับฮาโลวีน ซึ่งตอนนี้ออกมาแล้วสองเรื่อง Black Box กับ The Lie คำลวง ที่อยู่ในรีวิวนี้
ตัวอย่าง The Lie คำลวง
รีวิวไม่มีสปอยล์เนื้อหาสำคัญในเรื่อง
เรื่องราวของเด็กสาววัยรุ่นที่เดินทางไปเตรียมตัวเข้าแคมป์กับเพื่อน แต่กลับผลักเพื่อนตกสะพานหายไปในระหว่างเดินทาง และมาสารภาพกับพ่อแม่ว่าไม่ได้ตั้งใจเป็นอุบัติเหตุ ทำให้ทั้งคู่ไม่มีทางเลือกต้องช่วยกันร่วมมือปกปิดความผิดของลูกไว้ แม้ทั้งคู่จะแยกทางกันแล้วก็ตาม
ตัวเรื่องเปิดมาไวเข้าเรื่องราวตามเรื่องที่เกริ่นไว้ทันทีครับ ซึ่งถือว่าทำได้ระทึกดีกับการที่เราคนดูรู้เลยว่ามีการฆาตกรรมเกิดขึ้น แต่กลับถูกวางแผนปกปิดด้วยความรักของพ่อแม่ ในขณะที่ลูกสาวก็สติไม่อยู่กับร่องกับรอย และตัวพ่อแม่เองก็หย่ากันแล้ว ตัวเรื่องจริงๆ คือแนวดราม่าผสมอารมณ์ทริลเลอร์เล็กๆ ซึ่งตัวทริลเลอร์ถือว่าทำได้ดีเลย โดยบทแม่ถูกวางไว้ว่าทำงานด้านกฎหมายมาก่อน จึงมีความรู้เรื่องคดีแบบที่จะเกิดกับลูกสาวได้ดี แต่ก็ไม่วายสติแตกอยู่เรื่อยๆ เพราะเมื่อคนเราปกปิดความผิด ย่อมต้องมีการโกหกไปเรื่อยๆ ซึ่งทั้งพ่อกับแม่ในเรื่องนี้ก็สร้างเรื่องโกหกที่ตอนแรกคิดว่าไม่ยาก หลักฐานก็ทำลายหมด แต่แล้วอะไรที่เกิดคาดก็โผล่มาเรื่อยๆ จนต้องโกหกต่อเนื่องใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งก็ตรงกับชื่อเรื่องนี้ตรงๆ
แต่ส่วนที่เรื่องนี้อยากเล่าจริงๆ คือส่วนดราม่าปัญหาครอบครัวแตกแยกมากกว่า ซึ่งในเรื่องถูกนำมารวมไว้กับมูลเหตุจูงใจที่ก่อให้เกิดเหตุขึ้นตั้งแต่แรก ตัวเรื่องพยายามใบ้มานิดๆ ว่าเพราะอะไร ทำไมลูกสาวถึงลงมือฆาตกรรมเพื่อนได้ง่ายๆ แถมอารมณ์ยังแปรปรวนเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ซึ่งถ้าเริ่มปะติดปะต่อได้ก็จะเดาตอนจบของเรื่องได้ส่วนหนึ่งเลย แต่ดราม่าส่วนนี้แม้จะมีความสำคัญกับเรื่องโดยตรง ตัวเรื่องกลับถ่ายทอดออกมาแบบเนือยๆ เป็นกิจวัตรประจำวันนิ่งๆ ที่ดูอึมครึม ซึ่งอาจจะเป็นเทคนิคกดดันอารมณ์คนดูที่รู้ว่ามันควรจะไม่ปกติมากกว่าการทำตัวปกติแบบนี้ เพราะนี่คือครอบครัวนี้กำลังร่วมมือกันฆาตกรรมอำพรางชัดๆ แต่เหตุการณ์นี้เองกลับทำให้ทั้งพ่อแม่ลูกได้หวนกลับมาสานสัมพันธ์กันอีกครั้ง ซึ่งก็คือสิ่งที่เป็นเมนหลักของเรื่องที่แท้จริงมากกว่าอาชญากรรมที่เกิดขึ้นตั้งแต่แรก
แต่ทั้งนี้จุดขายของเรื่องที่แท้จริงไม่ใช่บท แต่เป็นนักแสดงสาววัยรุ่น Joey King ที่ก่อนหน้านี้ก็เล่นหนังดังเรื่อง The kissing Booth ภาค 1-2 ของเน็ตฟลิกซ์ ซึ่งเธอก็แสดงออกมาได้ดี มีความสับสนวุ่นวายในตัวเองจนคนดูเองก็อ่านไม่ออกว่าสิ่งที่เธอพูดและแสดงออกมาคืออะไร อะไรคือจริง อะไรคือเท็จกันแน่ และจุดนี้เองก็เป็นทั้งตัวหลอกและตัวจริงของเรื่องราวทั้งหมด ที่ขยายใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นโศกนาฎกรรมซ้ำเติมในตอนจบแบบคนดูอาจจะต้องอุทานว่าเชี่ย!!! เลยก็ได้ ซึ่งคนเขียนเดาออกตั้งแต่กลางเรื่องแล้วก็เลยไม่รู้สึกเซอร์ไพรส์นัก แต่ถ้าใครเดาไม่ออกก็คงอารมณ์อย่างที่บอกนั่นแหละครับ
สรุปว่าเป็นหนังแนวดราม่าปัญหาครอบครัวแตกแยกผสมทริลเลอร์ปนมาหน่อยๆ ตัวเรื่องเดินไปด้วยเรื่องโกหกปกปิดอาชญากรรมของลูกที่บานปลายไปเรื่อยๆ แต่กลับทำให้ครอบครัวที่แตกร้าวไปแล้วกลับมาสานสัมพันธ์กันได้ ซึ่งตรงนี้แหละคือหัวใจของเรื่องนี้ผ่านเรื่องอาชญากรรมการปกปิดความผิดที่เกิดขึ้น