playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว The Lincoln Lawyer SS2 Part 1-2 แนวเรื่องแบบเดิม เพิ่มชีวิตรัก แต่ก็ยังดูสนุกได้ตลอดเรื่อง (ไม่สปอยล์)

The Lincoln Lawyer SS2

Summary

สรุปนี่ยังเป็นซีรีส์ทนายที่ดีมากไม่ต่างจากซีซั่นแรก แม้มีแนวเรื่องแบบเดิม แต่สไตล์การเล่าเรื่องแตกต่างไป ทำให้เห็นพัฒนาการของตัวละครที่ดีมาก จนเหมือนซีรีส์ที่ชวนให้ผู้ชมติดตามต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ไม่ต้องมีจบเลยก็ได้ครับ

Overall
8/10
8/10
Sending
User Review
5 (1 vote)

Pros

  • เน้นพัฒนาการของตัวละครครบทุกตัว
  • มีเรื่องรักเข้ามามากกว่าซีซั่นแรก
  • เน้นบทสนทนาที่น่าติดตาม
  • คาดเดาเรื่องยาก

Cons

  • ตอนจบคดีหลักง่ายไป
  • เล่าเรื่องชีวิตของตัวละครต่างๆ มากกว่าซีซั่นแรก

ADBRO

The Lincoln Lawyer SS2 Part 1-2 ซีรีส์ภาคต่อของทนายลินคอล์น เรื่องราวของการสู้คดีใหม่ที่เกี่ยวข้องกับหัวใจ ความรัก หลังจากที่ชนะและมีชื่อเสียงมากมายกลายเป็นทนายมือหนึ่งของเมือง
อ่านรีวิวภาค 1 คลิกที่นี่

รีวิว The Lincoln Lawyer SS2 Part 1-2 (ไม่มีสปอยล์)

ซีรีส์เรื่องนี้ในซีซั่นแรกทาง Netflix ปล่อยมาทีเดียว 10 ตอน แต่ซีซั่น 2 เปลี่ยนแผนการตลาดเป็นแยก Part 1-2 แบ่งครึ่ง 5/5 ตอน แต่ก็เป็นการเดินเรื่องในแบบเดียวกับซีซั่นแรกไม่เปลี่ยนแปลง แค่มีจุดพีคค้างไว้กลางเรื่องใน EP5 มาทำให้ตื่นเต้นขึ้นเท่านั้น สำหรับผู้ชมที่มาดูรวดเดียว 10 ตอนก็แทบจะไม่ได้รู้สึกแบบนั้น เพราะจุดนี้กลายเป็นเรื่องธรรมดาตามปกติมากกว่าครับ

ซีรีส์ยังเล่าเรื่องแบบผสม โดยมี คดีหลัก คดีรอง คดีย่อย คดีแทรก ไว้เช่นเดิม แต่ใช้ตัวฆาตกรรอยสักที่ทิ้งท้ายไว้ตอนจบซีซั่น 1 มาเป็นตัวเปิดเรื่องในคดีย่อยแค่ 2 ตอนจบ ไม่ใช่เป็นคดีหลักแบบปกติที่ซีรีส์อื่นๆ ทำกัน ซึ่งถือว่าแปลกมาก โดยตัวเรื่องก็น่าสนใจเมื่อทนายลินคอล์นถูกหนุ่มคนรวยจ้างในคดีเล็กๆ ให้ช่วย แต่แล้วเหตุการณ์กลับพลิกกลับตาลปัตรในเวลาต่อมา ซึ่งในเวลานี้ตัวทนายลินคอล์นเองมีชีวิตที่เปลี่ยนไปมากจากซีซั่นแรกหลังจากชนะคดี ก็กลายเป็นคนมีชื่อเสียงโด่งดังของเมืองไป ซีรีส์ 2 ตอนแรกจึงเป็นการเชื่อมคดีเก่าที่ค้างไว้กับเล่าชีวิตใหม่ไปพร้อมกัน ซึ่งก็มีตัวละครใหม่ Lisa Trammell (แสดงโดย Lana Parrilla) เธอเป็นเจ้าของร้านอาหารดังที่พบรักและมีความสัมพันธ์กับลินคอล์นตั้งแต่วันแรกที่เจอ และก็เป็นตัวละครในคดีหลักของซีซั่น 2 นี้

คดีหลักกับรองในเรื่องจะเริ่มที่ EP3 โดย Lisa Trammell ถูกตั้งข้อหาฆาตกรรมนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในลานจอดรถใกล้ร้านของเธอ ด้วยความสัมพันธ์ในคืนนั้นทำให้ลินคอล์นตัดสินใจช่วยเธอสู้คดีทันที ทั้งๆ ที่มีทางชนะน้อยมาก แถมทีมงานก็ยังทักท้วงว่าผิดกฎทนายห้ามมีความสัมพันธ์กับลูกความ แม้จะหยุดความสัมพันธ์นี้ไว้แล้วก็ตามที ซึ่งตัวเรื่องก็เล่นในเรื่องความรักหนักกว่าซีซั่นแรก ทั้งความรักครั้งใหม่กับเยื่อใยกับอดีตภรรยาคนแรก Maggie McPherson ที่ Neve Campbell เล่น และยังมีบทบาทอยู่ค่อนเรื่อง ก่อนที่ช่วงหลังจะตัดบทไปที่อื่นชั่วคราว ซึ่งซีรีส์ผูกเรื่องความรักซ้อนตรงนี้ไว้เพื่อเป็นประเด็นให้เห็นชีวิตส่วนตัวที่มีปัญหา แก้ไขไม่ได้แม้ทนายจะเก่งในศาลแค่ไหนก็ตาม และยังนำความรักครั้งใหม่นี้ไปปิดจบเรื่องได้อย่างลงตัวมากอีกด้วย

 

ในส่วนของคดีความจะดูเบาไม่หวือหวาต่างไปจากซีซั่นแรกค่อนข้างมาก ทั้งเรื่องแทบจะเน้นบทสทนาล้วนๆ แทบไม่มีฉากแอ็กชั่นเลยแม้แต่น้อย แต่เรื่องกลับทำได้สนุกกับคดีที่คลุมเครือในหลายๆ อย่าง ตั้งแต่ความรู้สึกว่า Lisa Trammell อาจจะเป็นฆาตกรจริงๆ ก็ได้ หรือพยานที่เป็นนักธุรกิจมาเฟียอาจจะเป็นผู้จ้างวานตัวจริง ตัวเรื่องปั้นอัยการสาวผิวดำมาเป็นคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อ โดยเป็นการสู้แบบสลับกันชนะกับแพ้ไปมาในทุกพยานหลักฐานที่เกิดขึ้น แม้ผู้ชมจะรู้ว่าตัวเอกต้องชนะคดีในที่สุด แต่การเล่าสลับไปมาแบบนี้ก็ทำให้เรื่องสนุกแบบต่อเนื่องตั้งแต่ต้นจนจบจริงๆ เรียกว่ามีหืดขึ้นคอกันเลยทีเดียว

ตัวเรื่องยังพัฒนาตัวละครสมทบทุกคนให้มีการเติบโตขึ้นมาเรื่อยๆ ตามเรื่องด้วย อย่างความรักของผู้ช่วยทนายกับนักสืบก็เป็นส่วนที่บทค่อนข้างเยอะ แล้วก็มีเรื่องจุกจิกกวนใจก่อนแต่ง มีลุ้นนิดๆ ว่ารอดถึงงานแต่งได้หรือไม่ หรือคนขับรถสาวผิวดำก็มีพยายามสร้างฝันของตัวเองให้สำเร็จ พวกนี้คือจะมีอุปสรรคนิดหน่อยที่ได้คนในทีมผลัดกันเข้ามาช่วยเหลือด้วยข้อกฎหมายเล็กๆ ให้ผ่านไปได้

 

จุดด้อยของเรื่องถือว่าเบาบางอย่าง คดีหลักที่จบในศาลแบบง่ายๆ จนเหมือนที่สู้กันมาอย่างดุเดือดเสียเปล่า แต่เรื่องก็ยังมีต่อเป็นการจบนอกศาล ที่ช่วยทำให้เรื่องราวทั้งหมดสมบูรณ์ลงตัวในที่สุด อีกจุดก็คือซีซั่นนี้มีตัวละครสมทบเยอะขึ้นมาก ก็เป็นการเล่าชีวิตนอกส่วนของกฎหมายเยอะขึ้นกว่าซีซั่นแรก แต่ก็ทำให้ได้รู้เรื่องชีวิตครอบครัวของตัวละครทุกคนมากขึ้นด้วย ซึ่งเข้าใจว่าซีรีส์ตั้งใจต่อยอดเรื่องราวพวกนี้ไว้ใช้ในซีซั่นต่อๆ ไป เพราะตอนท้ายที่ทิ้งไว้ก็เป็นเรื่องราวคดีที่เกี่ยวข้องใน 2 ตอนแรกกลับมาในซีซั่น 3 ต่อไปครับ

 

สรุปนี่ยังเป็นซีรีส์ทนายที่ดีมากไม่ต่างจากซีซั่นแรก แม้มีแนวเรื่องแบบเดิม แต่สไตล์การเล่าเรื่องแตกต่างไป ทำให้เห็นพัฒนาการของตัวละครที่ดีมาก จนเหมือนซีรีส์ที่ชวนให้ผู้ชมติดตามต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ไม่ต้องมีจบเลยก็ได้ครับ (เพราะนิยายชุดก็มีหลายเล่มมากด้วย)

 

 

อ่านรีวิวหนัง Netflix ในเว็บไซต์เพิ่มเติมคลิกที่นี่

including other English reviews

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!