playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว The Morning Show สงครามปฏิวัติคนข่าว ขึ้นหิ้งสุดยอดซีรีส์ดีที่สุดของ Apple Tv+ (อัพเดทจบ 10 ตอน)

The Morning Show

สรุป

ซีรีส์น้ำดีคุณภาพสูงที่ไม่ใช่หาได้ง่ายๆ เรื่องราวไต่ระดับเดือดขึ้นเรื่อยๆ ผสมกับเรื่องจริงของวงการข่าวที่จัดหนัก อัดกันแรงๆ ด้วยการแสดงของดารานำทั้ง Jennifer Aniston กับ Reese Witherspoon ที่เชือดเฉือนกันด้วยคารมความคิดต่างขั้วกับเรื่องราวข่าวดังที่เกิดขึ้นในอเมริกา เป็นซีรีส์ระดับคุณภาพสูงสุดทุกด้านแบบหาดูที่ไหนไม่ได้ ห้ามพลาดเด็ดขาดครับ

Overall
9.5/10
9.5/10
Sending
User Review
3.5 (4 votes)
Comments Rating 0 (0 reviews)

Pros

  • รวมดาราคุณภาพคับแก้ว
  • ลงลึกเจาะถึงปัญหาวงการสื่อ
  • ฉากปะทะคารมสุดมันส์
  • การแสดงขั้นสุดยอดของดารานำทั้งคู่
  • ตอนจบที่พีคในพีคบ้าคลั่งกันถึงที่สุด

Cons

  • บทสนทนาที่มาเป็นชุด อาจจะไม่เหมาะกับคนตามไม่ทัน
  • ช่วงกลางมีแผ่วลงไปบ้าง

The Morning Show ซีรีส์ใหม่ที่มาพร้อมการเปิดตัวสตรีมมิ่ง Apple TV+ (คลิกรับชมผ่านเว็บไซต์ได้ที่นี่) เรื่องราวของรายการข่าวทีวีในปัจจุบันที่ต้องการลุกขึ้นมาปฎิวัติตัวเองใหม่ จนเกิดเป็นสงครามระหว่างผู้ประกาศข่าวสาวตัวท็อปกับบรรดาผู้บริหาร ที่ได้ Jennifer Aniston ดาราตัวแม่ทีวีซีรีส์ที่กลับมารับงานอีกครั้ง!

 The Morning Show (2019) on IMDb
คะแนนเฉลี่ย IMDB

ตัวอย่างหนังซีรีส์ The Morning Show (Apple TV+)

ต้องบอกกันตรงๆ ว่าจากหน้าหนังหรือตัวอย่างที่ออกมาไม่ได้รู้สึกว่าอยากมาดูซีรีส์เรื่องนี้เลย ด้วยความที่คิดว่านี่คงเป็นหนังดราม่าชีวิตซิทคอมอะไรไปตามเรื่องราว อาจจะเพราะเห็นหน้า Jennifer Aniston ทีไรติดภาพลักษณ์จากซีรีส์เฟรนด์ทุกที แต่แล้วกลายเป็นว่านี่เป็นซีรีส์แนวดราม่าวงการข่าวที่ดุเดือดเข้มข้น มันส์กว่าที่คิดไว้มาก เรียกว่าลืมภาพปกโปรโมทจืดๆ นั่นไปได้เลยครับ

หนังมาพร้อมเรื่องราวปัจจุบันที่วงการทีวีกำลังเจอวิกฤติศรัทธากับเรตติ้งตก หลังจากผู้คนหันไปเสพข่าวจากมือถือ ที่ไม่ต้องมีเวลาจำกัด แถมดูออนไลน์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ข่าวไม่ต้องกรองอะไร จริงเท็จมั่วๆ ไปคนก็ชอบอยู่ดี ซึ่งวิกฤตินี้สถานีข่าวทั้งหลายก็ต้องหาทางเรียกเรตติ้งกลับมา แต่แล้วรายการข่าวภาคเช้าใหญ่สุดของอเมริกา The Morning Show กลับเจอปัญหาภายในผู้ประกาศชายตัวท็อป “มิตซ์” (Mitch Kessler) ขวัญใจผู้ชมมาตลอด 15 ปี โดนหน่วยงานภายนอกตรวจสอบหลังมีเรื่องร้องเรียนพฤติกรรมมิชอบทางเพศกับทีมงานผู้หญิง ซึ่งทางสถานีก็เด้งฟ้าผ่าเอาออกทันที นั่นทำให้ผู้ประกาศสาวคู่ขวัญอย่าง “อเล็กซ์” (ที่เล่นโดย Jennifer Aniston) โดนหางเลขวิบากรรมนี้ไปด้วย งานนี้ไม่ใช่แค่ว่าจะหาใครที่เคมีเข้ากับเธอได้ง่ายๆ แต่กลายเป็นสงครามผู้ประกาศในสถานีที่อยากก้าวขึ้นมาแทนมิตซ์ และไม่ใช่แค่นั้น กลายเป็นว่ากลุ่มผู้บริหารสถานีกลับฉวยจังหวะนี้หาทางเอาเธอออกไปพร้อมกัน งานนี้เธอจึงต้องดิ้นรนสุดชีวิตเพื่อให้หน้าที่การงานยังอยู่ รวมถึงอำนาจทรงอิทธิพลที่เธอมั่นใจว่าตัวเองกุมหัวใจผู้ชมอเมริกาไว้ได้ค่อนประเทศ

 

อีกมุมหนึ่งนักข่าวสาวห้าวจากช่องอื่น “แบรดลี่ แจ็กสัน” (เล่นโดย Reese Witherspoon)  ผู้ตรงไปตรงมากับการรายงานข่าว ยึดมั่นในจรรยาบรรณนักข่าวสุดโต่ง กำลังเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์จากคลิปจวกผู้ชุมนุมถ่านหินคนหนึ่งที่มีเรื่องกับเธอ กลายเป็นว่าผู้ดูคลิปชอบตัวตนปากร้ายตรงไปตรงมาของเธอ จนกระแสนี้ไปเตะตา “คอรี่” (เล่นโดย Billy Crudup) หัวหน้าฝ่ายบริหารงานข่าวสูงสุด ที่เหล่าผู้บริหารอวุโสส่งมาจัดการปัญหาของ The Morning Show และตัวคอรี่เองก็ต้องการปฏิวัติรายการใหม่โดยไม่ต้องมีอเล็กซ์ เขาจึงลากแจ็กสันเข้ามาเป็นไม้ตายปฏิวัติรายการนี้ แม้แจ็กสันเองจะไม่ได้ยินยอมพร้อมใจ แต่เธอก็ต้องการพื้นที่การนำเสนอข่าวที่เรียกว่าตรงข้ามกับสิ่งที่ “อเล็กซ์กับมิตซ์” เคยทำไว้ในรายการทั้งสิ้น

นี่เป็นซีรีส์ที่นอกจากจะสนุกไปกับสงครามข่าวจากมุมมองทั้งหัวอนุรักษ์และฝ่ายปฏิวัติแล้ว หนังยังเล่นเสียดสีลึกเข้าเนื้อถึงปัญหารายการข่าวในปัจจุบัน ที่ต้องขึ้นกับเรตติ้งเพื่อเลี้ยงสถานีให้รอด ทำให้ติดกับดักเซฟโซนเล่นข่าวไม่ประเทืองปัญญา หรือข่าวไหลตามกระแสโซเชียลในปัจจุบัน จนทำให้งานข่าวกลายเป็นการปั่นกระแสเรียกเรตติ้งมากกว่าจะเป็นข่าวที่ช่วยยกหาทางออกให้กับปัญหาต่างๆ ในสังคม

หนังใช้ “อเล็กซ์” เป็นตัวแทนคนข่าวรุ่นเก่าที่เชื่อมั่นในประสบการณ์กับแนวข่าวของตัวเอง จนเสพติดไม่ยอมลงจากตำแหน่งผู้ประกาศ แม้ว่าจะโดนมรสุมหนักก็ยังหาทางไปต่อในแบบงัดข้อกับผู้บริหารจนเอากันไม่ลง ซึ่งคนแบบเธอก็ต้องเจอกับ “แจ็กสัน” ที่เป็นนักข่าวโคตรจริงใจตรงไปตรงมากับวิชาชีพ จนไปอยู่ที่ไหนก็เอาตัวไม่รอด เพราะกลายเป็นจระเข้ขวางคลองไปหมด ซึ่งฉากที่ต้องคู่ต้องปะทะคารมกันทางความคิดคำพูดกลางรายการสดๆ เป็นอะไรที่แบบที่ลับสมองลุ้นให้ผู้ชมคิดตามว่าทั้งคู่จะไล่ต้อนเอาอีกฝ่ายลงได้ยังไง ยกตัวอย่างฉากที่อเล็กซ์ถามแจ็กสันว่า คุณเป็นฝ่ายอนุรักษ์นิยมหรือเสรีนิยม (ฝ่ายขวาหรือซ้าย) ถ้าเป็นผู้นำคุณต้องเลือก แต่แจ็กสันกลับตอบว่าเธอเป็น “ฝ่ายมนุษย์” ซึ่งหมายความเธออยู่ทั้ง 2 ฝ่าย หนังมีฉากปะทะกันด้วยคารมคมๆ แบบที่ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นบทพูดประดิษฐ์ให้สวยหรู จากทั้ง “อเล็กซ์กับแจ็กสัน” รวมถึงการแสดงที่สมบาทแบบเหมาะกับบทของทั้งคู่ เป็นอะไรที่เรียกได้ว่าทั้งพีคทั้งมันส์โดยไม่ต้องมีฉากแอ็กชั่นอะไรในซีรีส์นี้เลย

ซีรีส์นี้ยังมีความสมจริงด้วยการนำเสนอเรื่องราวของคดีดังเหตุการณ์ดังที่เกิดขึ้นในอเมริกา ในแง่มุมที่สื่อปกติอาจจะได้เล่น แต่เรื่องนี้นำมาเล่นให้เห็นเบื้องหลังที่คุณไม่ได้เห็นมาก่อน แล้วยังจับประเด็นเรื่องการละเมิดทางเพศในองค์กรที่ชายเป็นใหญ่คุมทุกอย่างไว้ในมือได้หมด มาชำแหละกันแบบนับไส้กันเลยว่ากี่ขด ซึ่งเรื่องราวครึ่งหลังจะค่อยๆ ก่อตัวประเด็นนี้ไต่ระดับความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นเฮอร์ริเคนระดับ 5 ที่ตอนจบบ้าคลั่งเอามากๆ แบบแทบหยุดหายใจไปกับฉากสุดท้ายของเรื่องในซีซั่น 1 ซึ่งจบไม่ค้าง แถมยังเกินความคาดหมายว่าซีรีส์แนวดราม่าตอบโต้กันด้วยบทสนทนาจะสนุกดุเดือดกันได้ขนาดนี้

นี่เป็นหนังที่เฉือนคมด้วยบทชั้นดี พร้อมกับเรื่องราวอัพเดททันโลกปัจจุบัน เป็นหนังที่กล้าแทงเข้าใจกลางปัญหาสื่อ ที่ปัจจุบันความน่าเชื่อถือถูกลดทอนลงเรื่อยๆ จากการกระทำของตัวบุคคลที่ใช้ความเป็นสื่อหากินจนละเลยจรรยาบรรณไปหมด ซึ่งเรื่องพวกนี้ไม่ต้องดูอเมริกาก็ได้ ที่ไหนๆ ก็มีปัญหาเดียวกันแทบทั้งนั้น (ที่ไทยนี่ยิ่งเห็นชัด) หนังจึงฮุคเข้าตรงใจคนดูที่เบื่อหน่ายข่าวทีวีจนหันไปหาอ่านข่าวจากพลเมืองส่งขึ้นโซเชียลแทน ซึ่งรายการ The Morning Show ในเรื่องก็ไม่รู้ว่าการนำเสนอของตัวเองมีปัญหา จนต้องมีคนอย่างแจ็กสันกับคอรี่เข้ามาสวนกระแสทำให้เกิดการเปรียบเทียบ นำไปสู่การปฏิวัติข่าวที่แท้จริงให้น่าเชื่อถือกับตรงใจกับคนยุคปัจจุบัน

บอกเลยครับว่านี่เป็นซีรีส์น้ำดีคุณภาพสูงที่ไม่ใช่หาได้ง่ายๆ ควรค่าแก่การดูมากที่สุดใน Apple Tv+ ตอนนี้ ยิ่งถ้าคุณเป็นคนติดตามข่าว อ่านข่าว อยากรู้เบื้องหลังการทำงานข่าว ประเด็นปัญหาสังคม หรือว่าสนใจเรื่องราวการเมือง ฝ่ายซ้าย ฝ่ายขวา หรือแม้แต่ตรงกลาง ก็ยิ่งสนุกไปกับเรื่องราวเชือดเฉือนของประเด็นอ่อนไหวในเรื่องที่แต่ละอย่างคัดมาให้ดารานำทั้งคู่ที่อยู่คนละขั้วโต้ตอบกันได้ดุเด็ดเผ็ดมันส์มากๆ แถมเป็นการทิ้งบอมบ์ลูกใหญ่สู่สังคมให้เกิดเอฟเฟ็กต์มมาอีกด้วย โดยไม่ได้หยุดแค่ในหนัง แต่เรื่องราวในหนังคือเรื่องจริงที่นำมาเล่าทั้งนั้น นี่จึงเป็นซีรีส์ที่สุดขั้วเอามากๆ ในทุกๆ ด้าน แบบหาดูที่ไหนไม่ได้ ห้ามพลาดโดยเด็ดขาดครับ!

ถ้าสนใจก็ทดลองดูฟรี 7 วันได้ผ่านทางเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชั่น Apple TV ก็ได้เช่นกัน สมัครสมาชิก Apple TV+ ดูผ่านเว็บไซต์ได้ที่นี่ ด้วยราคาสมาชิกแสนถูกเดือนละ 99 บาท (แถมแชร์ได้หน้าจอได้ 10 เครื่อง อ่านรายละเอียดเพิ่มคลิกที่นี่)

Leave a comment
The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!