playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว The Mysterious Benedict Society สมาคมสายลับเด็กสุดพิสดาร ผ่านปัญหาเชาว์แปลกใหม่ไม่เหมือนใคร (ไม่มีสปอยล์)

สรุป

ซีรีส์สายลับเด็กที่เรื่องราวอาจจะดูเด็กไม่ได้อันตรายมากก็จริง แต่ก็มีความลุ้นสนุกไปกับความพิดารของปัญหาเชาว์ที่เด็กต้องเจอ โดยที่ตัวเอกเด็กทั้ง 4 คนมีความพิเศษในการแก้ปัญหาเดียวกันออกมาได้ 4 แบบ ทำให้เรื่องดูสนุกแปลกใหม่แบบคาดไม่ถึงเดาไม่ได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในเรื่องเลย แนะนำเลยว่านี่เป็นซีรีส์เด็กที่ผู้ใหญ่ดูได้และสนุกมากๆ เรื่องหนึ่งในโลกเลยก็ว่าได้ครับ

Overall
8/10
8/10
Sending
User Review
5 (1 vote)

Pros

  • การแก้ปัญหาของเด็กทั้ง 4 คนไปคนละแบบ
  • ตัวละครทุกตัวถูกออกแบบให้มีเสน่ห์แบบประหลาดๆ
  • มีมุมมองที่โลกไม่สวยผ่านตัวละครเด็กที่ร้ายเกินเบอร์จนมีเสน่ห์แบบแปลกๆ
  • โปรดักชั่นโลกย้อนยุคจากนักวิทยาศาสตร์วิกลจริตที่ทำออกมาดีมาก
  • สร้างจากนิยายดังที่มีต่อเนื่องมาเกินสิบปีแล้ว และทำออกมาได้ดีมากด้วย
  • มีเสียงพากย์ไทย

Cons

  • ปมวิกฤตต่างๆ ที่เด็กเจออาจจะดูไม่เร้าหรืออันตรายมากในมุมมองคนดูผู้ใหญ่ (แต่เด็กดูสนุกเร้ามากแน่นอน)
  • การผ่านปัญหาหลายอย่างมีฟลุ๊คหรือทางออกแบบเว่อร์ๆ เกินจริงปนอยู่ด้วย

The Mysterious Benedict Society สมาคมลับเบเนดิกท์ ซีรีส์เด็กแนวสืบสวนของ Disney+ ที่เต็มไปด้วยความพิสดารในการเดินเรื่องแก้ปัญหาเชาว์แปลกใหม่ไม่เหมือนใคร แบบที่เด็กดูได้ผู้ใหญ่ดูดี พร้อมงานสร้างย้อนยุคลงทุนสูงของดิสนีย์โดยเฉพาะ

 The Mysterious Benedict Society (2021) on IMDb

ตัวอย่าง The Mysterious Benedict Society สมาคมลับเบเนดิกท์

ซีรีส์สืบสวนสร้างจากนิยายเด็กเบสเซลเลอร์ในชื่อเดียวกัน ตัวนิยายเริ่มตีพิมพ์ในปี 2550 (ไม่มีแปลไทย) จนมาถึงปัจจุบัน 5 เล่ม เป็นเนื้อหาจบภายในเล่มเป็นภาคเรื่องราวหลักของ ศาสตราจารย์เบเนดิกท์ ที่คัดสรรเด็ก 4 คนจากนับพันเพื่อมาทำภารกิจลับกู้โลกจากวายร้ายที่ต้องการควบคุมโลก ซึ่งทางดิสนีย์เองก็หยิบมาทำเรียงตามลำดับจากเล่มแรกเป็นตอนเปิดตัว แนะนำตัวละครและโลกของนิยายเรื่องนี้ว่าเป็นยังไงกันก่อน

เรื่องย่อ

ตัวเรื่องเป็นโลกสมมุติในย้อนยุคไปในอดีตโดยไม่ได้ระบุปีไว้ในเรื่อง ในยุคที่ยังไม่มีเครื่องมือติดต่อสื่อสารอะไรกันนักนอกจากโทรศัพท์บ้าน สังคมในตอนนั้นผู้คนกำลังอยู่ในภาวะวิตกจริตกับ “สถานการณ์ภาวะฉุกเฉิน” อธิบายง่ายๆ ก็คือเจอแต่ข่าวแย่ๆ ผ่านสื่อต่างๆ อย่างตลาดหุ้นตกหนัก ผู้คนตกงานอดอยาก ภัยพิบัติต่างๆ จนทำให้สังคมเกิดหวาดวิตกและไม่อาจจะใช้ชีวิตได้ตามปกตินัก (จริงๆ ก็แอบเหมือนโควิดตอนนี้) แต่เบื้องหลังเรื่องนี้กลับเป็นการวางแผนขององค์กรลับกลุ่มหนึ่ง ซึ่งศาสตราจารย์เบเนดิกต์ (รับบทโดย Tony Hale) ได้ล่วงรู้ตัวตนของพวกเขา และได้พยายามหาทางกระชากเอาความจริงที่ซ่อนออกมา แต่การที่จะเข้าถึงองค์กรนี้ที่ตั้งอยู่บนเกาะแห่งหนึ่งได้ ต้องใช้วิธีส่งสายลับเป็นเด็กนักเรียนเข้าไปแฝงตัวอยู่ในโรงเรียนบนเกาะแห่งนี้ ซึ่งก็คือตัวเอกเด็ก 4 คนที่มาจากที่แตกต่างกัน ทั้ง 4 ถูกเบเนดิกท์คัดเลือกผ่านกระบวนการทดสอบพิสดารจากนับพันคน จนมาเป็นสายลับเด็กที่มีสกิลและคุณสมบัติแตกต่างกันมาก แต่ทั้ง 4 ก็ต้องพึ่งพากันและกันเพื่อให้ภารกิจกู้โลกนี้สำเร็จ แม้จะอันตรายถึงชีวิตก็ตาม

ตัวละครหลักเด็กทั้ง 4 คน

เรียงจากซ้ายไปขวา เคท สติกกี้ เรย์นี่ คอนสแตนซ์

เรย์นี่ (รับบทโดย Mystic Inscho) ตัวเอกหลักที่ถูกยกให้เป็นหัวหน้ากลุ่ม เป็นเด็กเฉลียวฉลาดที่สุดในกลุ่มด้วยวิธีแก้ปัญหาแตกต่างจากใครทั้งหมด มีวุฒิภาวะผู้นำสูง เขาเป็นเด็กกำพร้าที่ดูแลโดยครูสาวที่ส่งเขามาทดสอบกับเบเนดิกท์เพื่อเข้าโรงเรียนที่ดีที่สุด แต่กลับไม่รู้ว่านี่เป็นโฆษณาหลอกของเบเนดิกท์ที่เฟ้นหาสายลับเด็กมาร่วมทีม

สติกกี้ (รับบทโดย Seth Carr)  เด็กผิวสีที่ถูกพ่อแม่หลอกใช้เอาเงินรางวัลจากการแข่งขันทางวิชาการ จนต้องหนีออกจากบ้านมาเข้ารับการทดสอบนี้ เขามีความสามารถพิเศษ “ความจำแบบภาพถ่าย” ทำให้สามารถจดจำอะไรทุกอย่างที่เห็นได้ทั้งหมดในเสี้ยววินาที ความฉลาดสูสีกับเรย์นี่ แต่มีปัญหาจิตใจไม่มั่นคง

เคท (รับบทโดย Emmy DeOliveira) เด็กสาวกำพร้าในคณะละครสัตว์ที่มีความสามารถทางกายสูง สามารถปีนป่ายที่ต่างๆ ได้ รวมถึงมีสารพัดเครื่องมือช่วยเหลือที่เก็บไว้ในกระป๋องห้อยติดตัวไว้ตลอด นิสัยเป็นคนใจร้อนชอบลุยมากกว่าใช้สมองแก้ปัญหาแบบคนอื่น

คอนสแตนซ์ (รับบทโดย Marta Kessler) เด็กสาวตัวน้อยที่สุดในกลุ่ม แต่มีความแสบมากกว่าใคร ความฉลาดของเธอสูงไม่แพ้เรย์นี่กับสติ๊กกี้ แต่บุคคลิกของเธอกลับไม่เอาใคร ปากร้ายชอบขัดคอ ชอบแยกตัวออกจากกลุ่ม มีความเห็นแก่ตัวจากมุมมองโลกร้ายๆ ตามความจริง จนเหมือนโตเกินอายุ นอกจากนี้ยังมีวิธีแก้ปัญหาต่างๆ ง่ายๆ ด้วยการไม่ไปเผชิญหน้ากับมันแต่แรกก็หมดเรื่อง จนกลายเป็นเด็กประหลาดที่สุดในเรื่องนี้เลยก็ว่าได้

 

รีวิว The Mysterious Benedict Society

นี่เป็นซีรีส์เด็กก็จริง แต่ก็มีความน่าติดตามอย่างน่าประหลาด เริ่มต้นด้วยเหล่าตัวละครที่มีเอกลักษณ์พิเศษกันทุกคน นอกจากตัวเอกเด็กทั้ง 4 คนที่พิเศษเอามากๆ แล้ว ตัวละครอย่างเบเนดิกท์ที่เป็นผู้ก่อตั้งทีมตัวเอกเด็กทั้ง 4 เป็นศาสตราจารย์อัจฉริยะที่มีปัญหาโลกวูบหลับเมื่อมีอารมณ์ขันมากไปหน่อย อีกทั้งลูกทีมก็ประหลาดไม่แพ้กันตั้งแต่ชื่อ นัมเบอร์​ 2 หญิงสาวเพี้ยนๆ ที่มีสกิลสารพัดอย่างไว้ช่วยเบเนดิกต์ กับมีสาวผิวสีอีกคนที่พยายามทำอะไรตรงข้ามกับนัมเบอร์ 2 ตลอด หรือมิลิแกน ชายร่างยักษ์ที่สูญเสียความทรงจำทั้งหมด แต่เป็นพวกลุยภารกิจภาคสนามเก่งมาก ตัวร้ายหลักของเรื่องก็มีความพิเศษทั้งจากที่มาที่ไปไม่ธรรมดา ความคิดที่เดายากแบบคนไม่ปกติที่ดูเหมือนปกติ รวมถึงตัวละครสมทบอื่นๆ ทั้งเรื่องก็มีเอกลักษณ์พิเศษแบบประหลาดๆ จนทำให้ทุกช่วงที่มีตัวละครต่างๆ โผล่มามีแต่เรื่องเซอรไพรซ์คาดไม่ถึง ผู้ชมจะไม่สามารถคาดเดาอะไรในเรื่องนี้ได้เลย แม้การแก้ปัญหาหรืออันตรายในเรื่องทุกตอนอาจจะดูเด็กๆ ไม่ร้ายแรงมากในมุมผู้ใหญ่ แต่ในเรื่องก็นำเสนอความอันตรายที่ชวนลุ้นในมุมเด็กๆ ได้กำลังดี แม้แต่ผู้ใหญ่เองก็ดูไปแอบลุ้นไปได้เช่นกัน

จุดเด่นอีกอย่างของเรื่องคือ การเดินเรื่องด้วยเกมปริศนาเชาวน์เป็นหลัก ซึ่งตั้งแต่ตอนแรกที่เบเนดิกท์ออกข้อสอบทั้งทฤษฎีในกระดาษและภาคปฏิบัติก็เป็นไปในแบบลับสมองประลองเชาว์มากกว่าการสอบปกติ ซึ่งบางอันเราอาจจะเคยได้เห็นมาก่อนอย่างพวกการขยับไม้ขีดในจำนวนครั้งที่จำกัด แต่ในเรื่องนี้ก็ยังเอาเชาว์พื้นๆ พวกนี้มาพลิกแพลงให้แปลกใหม่ขึ้นได้อีก และไม่ได้มีแค่คำตอบเฉลยแบบเดียวแบบที่เรามักเข้าใจกัน ในเรื่องนี้จะมีเฉลย 4 แบบจากความคิดเด็ก 4 คนในปริศนาเดียวกันหลายครั้ง เรียกว่าแทบตลอดเรื่องเลยก็ได้ที่เรื่องเดินไปด้วยไอเดียความแตกต่างของเด็ก 4 คนไปพร้อมกัน ซึ่งนอกจากจะคาดไม่ถึงแล้ว ยังเป็นไอเดียนอกกรอบที่ตัวคนเขียนเรื่องนี้นำเสนอได้เก่งมาก นี่จึงเป็นหนังเด็กที่เนื้อเรื่องช่วยบริหารสมองให้เกินเด็ก แม้แต่ผู้ใหญ่เองก็ยังเชื่อว่าคาดไม่ถึงกับทางออกแบบเด็กๆ ในรูปแบบที่ต่างกันออกไปแบบนี้ครับ

ตัวเรื่องใช้การย้อนยุคไปยังสมัยอดีตที่ยังไม่มีเครื่องมือทันสมัยอะไรมาก เป็นช่วงเวลาที่วิทยาศาสตร์กำลังเริ่มเฟื่องฟู โปรดักชั่นทำออกมาดีมากเพราะจำลองเนรมิตรเรื่องราวย้อนยุคพร้อมเทคโนโลยีกึ่งๆ ทันสมัยแต่มาในโลกแบบ Mad scientist จาการมีนักวิทยาศาสตร์บ้าๆ ทำให้อะไรหลายๆ อย่างดูเพี้ยนๆ วิกลจริตไปหมด คล้ายๆ อย่างเกมไบโอช็อค ถ้าใครเคยเล่นหรือรู้จักเกมนี้มาก่อน ในเรื่องจึงมีสิ่งประดิษฐ์แปลกๆ สมมุติขึ้นมาใหม่มากมาย เป็นจุดขายชูโรงอย่างหนึ่งของเรื่อง โดยที่ยังมีความล้ำเกินยุคร่วมอยู่ด้วย อย่างเครื่องออกอากาศส่งตรงเข้าจิตใจของตัวร้ายที่สร้าง “สถานการณ์ภาวะฉุกเฉิน” อันเป็นปมหลักในเรื่องนี้ ซึ่งเครื่องมือแปลกๆ พวกนี้มีทั้งฝ่ายตัวเอกกับฝ่ายตัวร้าย แต่จะเป็นฝ่ายผู้ใหญ่ใช้เท่านั้น ซึ่งพวกเด็กๆ ก็ต้องใช้สมองหาทางแก้ปัญหาหยุดยั้งสิ่งประดิษฐ์พิสดารเหล่านี้

คอนสแตนซ์ตัวแสบที่สุดของเรื่อง

แต่ที่น่าติดตามที่สุดคือการแสดงของเด็กทั้ง 4 คนที่แตกต่างกันมาก แต่ต้องมาทำงานร่วมกันในภารกิจลับสายลับจำเป็น ทุกคนเล่นได้แบบมีเสน่ห์จนไม่ว่าเรื่องตัดไปที่ใครก็น่าติดตามทั้งหมด แม้เรย์นี่จะดูเป็นตัวเอกหลัก แต่บทก็ไม่ได้เทไปที่เขามากมายอะไร กลับกันคนดูน่าจะชอบคอนสแตนซ์ที่สุด เพราะนี่เป็นตัวละครเด็กปากร้ายมากๆ เข้าขั้นปากจัดเลยก็ว่าได้ มีความเห็นแก่ตัวเป็นที่หนึ่ง หลายคนอาจจะคิดว่าบทคงวางไว้ให้คอนสแตนซ์ค่อยๆ ปรับตัวเป็นคนดี แต่ขอบอกว่าเปล่าเลย เธอเป็นยังไงก็เป็นอย่างนั้นไปตลอด (แค่ดีขึ้นนิดนึงในตอนท้ายเรื่อง) นี่คือตัวละครที่ขโมยซีนทุกคำพูดทุกฉากที่ออกมา ซึ่งความร้ายกาจของเธอนี่แหละคือเสน่ห์ของตัวละครนี้ แม้อาจจะดูเห็นแก่ตัวแต่เธอก็มีเหตุผลอธิบายการกระทำในมุมโลกไม่สวยได้ทุกครั้ง ซึ่งแม้ว่าเด็กตัวเอกคนอื่นในเรื่องจะไม่เข้าใจ แต่ก็ต้องยอมรับว่าคอนสแตนซ์มีมุมมองที่พิเศษ ขนาดที่คนดูผู้ใหญ่เองก็น่าจะถูกใจกับมุมมองโลกไม่สวยที่เธอสรรหามาอธิบายได้ตลอดจนต้องยอมจริงๆ

มิลิแกน ขาลุยมือหนึ่งของเบเนดิกท์ที่ออกแนวผู้ชายร่างยักษ์แต่อบอุ่นใจดีกับเด็ก

จุดด้อยของเรื่องก็คงแค่นี่เป็นเนื้อเรื่องแบบเด็กๆ ที่อาจจะดูไม่เร้าใจอันตรายอะไรมากในแบบหนังสายลับเด็ก การแก้ปมวิกฤติต่างๆ ในเรื่องนอกจากการใช้ไหวพริบผ่านแล้วตัวเรื่องยังใช้พวกดวงหรือความบังเอิญมาเกี่ยวข้องบางครั้งด้วย ซึ่งทำให้เรื่องดูไม่เมคเซนส์ในหลายครั้ง แต่เป็นความไม่เมคเซนส์แบบจงใจ แถมยังติดตลกร้ายปนมาด้วยตลอดเรื่อง ซึ่งถ้าเด็กดูเรื่องน่าจะสนุกแบบเพลินไร้ที่ติเลยมากกว่าจะมานั่งจับผิดอะไรแบบนี้ครับ

ตัวเรื่องมีทั้งหมด 8 ตอนจบซีซั่นแรก ตอนละประมาณ 45 นาที เนื้อเรื่องจบแบบเคลียร์ปมหลักของภาคนี้หมด ก่อนจะทิ้งปมตัวร้ายไว้ต่อในซีซั่นต่อไป ซึ่งถ้าตามนิยายตัวร้ายจะเป็นคนเดิมต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งในบทความนี้ไม่ได้สปอยล์ไว้เพราะเป็นความลับสำคัญของเรื่องอย่างหนึ่งเช่นกันที่จะเผยมากลางเรื่องครับ และแน่นอนว่าดิสนีย์ซื้อสิทธิมาทำครบหมดทุกเล่ม คงไม่พลาดที่จะทำต่อไปจนจบแน่นอนครับ แนะนำเลยว่านี่เป็นซีรีส์เด็กที่ผู้ใหญ่ดูได้และสนุกมากๆ เรื่องหนึ่งในโลกเลยก็ว่าได้ครับ

ติดตามอ่านรีวิวเรื่องอื่นในดิสนีย์+ ได้ที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!