รีวิว The Neighbor ซูเปอร์ฮีโร่ข้างบ้านที่ต้องช่วยคนกับเก็บขี้หมาไปพร้อมกัน :)
The Neighbor
สรุป
ถ้ารับได้กับหนังซูเปอร์ฮีโร่แบบที่ไม่เน้นพลังวิเศษ ไม่เน้น CG เรื่องราวก็บ้านๆ ออกแนวดราม่าปัญหาชีวิต แค่ต้องการดูหนังตลกเกรียนๆ ที่เรียกเสียงหัวเราะก๊ากได้จริง ไม่ใช่มุกตลกฝรั่งที่ไทยไม่ขำ รับรองว่าได้เสียงฮาตามนั้นแน่ แต่อาจจะต้องทนหนังช่วงแรกที่ยืดๆ กว่าจะได้เปิดตัวเป็นซูเปอร์ฮีโร่ก็ปาไปตอน 4 ครับ
Overall
6.5/10User Review
( votes)Pros
- มุกตลกในเรื่องฮาจริง แบบฮาก๊ากได้หลายครั้งเลย
- เรื่องราวบ้านๆ ที่มีสาระฉีกไปอีกแบบ
- เรื่องราวของน้องหมาพิการมีความสำคัญ แถมสนุก ตลก ซึ้ง
- บทเพื่อนนางเอกความคิดสุดโต่งทำให้มีเรื่องราวสนุกเพิ่มขึ้น
- มุกตลกจากคำหยาบเสียดสีสังคมชายเป็นใหญ่
Cons
- CG แบบตั้งใจให้กากหรืองบไม่พอจริงๆ ก็ไม่แน่ใจ
- ซีรีส์ 10 ตอนเยอะไปจนทำให้เรื่องราวถูกยืดไม่กระชับ
- ประเด็นร้านรับพนันถูกพูดถึงในเรื่องบ่อย แต่กลับไม่ยอมจบในซีซั่นนี้
The Neighbor ยอดมนุษย์ข้างบ้าน ซีรีส์ Netflix จากสเปน 10 ตอน เรื่องราวของชายหนุ่มบ้านๆ ที่บังเอิญได้รับพลังสืบทอดจากผู้พิทักษ์จักรวาลจากต่างดาว เขาเลยต้องกลายมาเป็นฮีโร่ช่วยผู้คนในแบบไม่เต็มใจนัก
ตัวอย่าง The Neighbor ยอดมนุษย์ข้างบ้าน
นี่คือเรื่องราวของซูเปอร์ฮีโร่ในแบบบ้านๆ เหมือนเป็น ชาแซมเวอร์ชั่นโลวบัดเจ็ท งบน้อยทุนต่ำทำเท่าที่พอทำได้ให้ดีที่สุด ซึ่งก็น่าชื่นชมที่ผู้สร้างยังหาทางฉีกเรื่องราวแนว ชาแซมของ DC ที่วางตัวเป็นซูเปอร์ฮีโร่สุดเกรียนบ้านๆ ได้เหนือกว่าซาแซมในด้านความเกรียนบ้านๆ เข้าไปได้อีก
ความบ้านๆ ของเรื่องนี้คือ พระเอกที่เป็นหนุ่มไร้อนาคตที่โคตรเห็นแก่ตัว งานการไม่สนใจโกหกเจ้านายอู้งานเป็นประจำ มีแฟนสาวก็ไม่ได้ดูแลดีอะไรนัก จนต้องเลิกกัน แต่กลับมาได้พลังอันยิ่งใหญ่จากผู้พิทักษ์จักรวาลที่ดันตกลงมาตายที่โลก เมื่อได้พลังมาก็ไม่รู้จะทำยังไงกับมัน คู่มือการเป็นฮีโร่ก็ไม่มีแนบมาให้ด้วย เขาเลยกลายเป็นฮีโร่แบบที่นึกคิดเอาเอง ซึ่งมันก็ออกมาแบบเห่ยๆ แบบที่เราต้องร้องเฮ้ย! ว่ามันเชี่ยจริงๆ 555
หนังใช้ความบ้านๆ ตามโจทย์ชื่อเรื่องเลยว่าเป็น “ฮีโร่เพื่อนบ้าน” ในเรื่องนี้ไม่มีตัวร้ายคู่ปรับ ไม่มีการกู้โลก ไม่มีอะไรที่ดูแล้วจะทำให้ฮีโร่ตัวนี้ยิ่งใหญ่ได้เลย แต่ในความบ้านๆ หนังก็นำเสนอพล็อตที่เข้าท่าแบบโลวบัดเจ็ทได้ คือการที่พระเอกต้องพยายามใช้ชีวิตสองด้านให้ได้ดี ก็อาจจะคล้ายๆ ปีเตอร์ปาร์กเกอร์ที่เป็นสไปเดอร์แมน แต่เรื่องนี้แย่กว่าตรงที่พระเอกนิสัยแย่ เห็นแก่ตัว ไม่เอาไหน ไม่มีความฉลาด คิดทำอะไรออกไปก็กลายเป็นเรื่องเห่ยๆ ไม่เข้าท่าซะทุกที ทำให้ชีวิตที่มีพลังวิเศษเพิ่มมาก็ไม่ได้ดีเด่อะไรนัก และกลายเป็นว่าแฟนที่เลิกไปกลับเกลียดซูเปอร์ฮีโร่ในนาม “ไททัน” (ที่เขาคิดตั้งเองสดๆ หลังปรากฎตัวครั้งแรกแล้วโดนถาม) นั่นทำให้เขายิ่งต้องปกปิดความลับว่าตัวเองคือไททันเข้าไปอีก เพื่อหาโอกาสพิชิตใจเธอกลับมา
พลังวิเศษของพระเอกในเรื่องที่เห็นในตอนนี้คือ บินได้ ฟื้นตัวได้ในพริบตา มีพลังมหาศาล แต่ต้องกินยาเม็ดสีแดงถึงจะมีพลังชั่วเวลาหนึ่ง (ไม่กี่ชั่วโมง) ส่วนชุดใช้ล็อคเก็ตที่ห้อยคอกดสับเปลี่ยนแปลงร่างได้เหมือนพวกไอ้มดแดงแบบนั้นเลย หนังวางเรื่องราวให้พระเอกต้องมีคู่หู ซึ่งก็เป็นเพื่อนข้างห้องที่พึ่งย้ายเข้ามาใหม่ แล้วบังเอิญรู้ความลับของพระเอก แล้วก็ให้เพื่อนพระเอกเป็นคนคอยสอนบอกการเป็นฮีโร่ต่างๆ จากต้นแบบในการ์ตูน ซึ่งเป็นฮีโร่ตามสูตร แต่ก็ใช่ว่าพระเอกจะเชื่อฟัง แถมยังตั้งคำถามกวนๆ กลับมา อย่าง ทำไมฮีโร่ต้องใส่หน้ากากปกปิดตัวเอง แบบนี้จะทำความดีไปทำไมถ้าคนไม่รู้ว่าเป็นใคร? ซึ่งพวกนี้ที่กลายเป็นมุกฮาแบบชวนให้คิดได้จริงๆ ว่าถ้ามีฮีโร่จริงๆ เขาจะทำตามแบบในการ์ตูนจริงหรือ?
หนังมีเรื่องความยุติธรรม ประเด็นปัญหาสังคมหลายๆ อย่างเข้ามาในเรื่องเยอะมาก แต่ก็ไม่ได้วางให้พระเอกไปข้องเกี่ยว เพราะพระเอกโง่จริง ไม่มีความคิดพอที่จะไปแก้ปัญหาพวกนี้ได้ หนังเลยใช้ตัวละครสมทบอย่างเพื่อนสาวนางเอกที่มีความคิดสุดโต่งมาเป็นผู้ผดุงความยุติธรรมในย่านนั้น หลังได้แรงบันดาลใจจากที่พระเอกปรากฎตัว เธอพยายามตั้งกลุ่มผดุงความยุติธรรมในแบบบ้านๆ กับลุงในแมนชั่น เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมในสังคมกลับมา หนังให้ตัวละครนี้ขับเคลื่อนเรื่องราวปัญหาสังคมหลายอย่างที่ถูกละเลยมาเติมเรื่องราวในซีรีส์นี้ ซึ่งจริงๆ ก็ถือว่าเป็นส่วนเกินของเรื่องราว แต่ด้วยความที่เพื่อนนางเอกเล่นดีมากๆ บทที่ใส่ความสุดโต่งของเธอก็เด่นจนแทบจะมากกว่านางเอก ยกตัวอย่างการเอาคืนคนที่พ่นสีรูป ค ว ย ใส่ผนังด้วยการไปพ่นรูป ห อ ย แทน เพื่อนำเสนอความเป็นเฟมินิสต์ ซึ่งความคิดแก้เผ็ดสุดโต่งของเธอก็เลยกลายเป็นเรื่องตลกฮาๆ สนุกเสริมเรื่องราวที่ใช้ได้เลย
พล็อตเสริมเรื่องราวอีกอันที่หนังใส่มาได้ดีมากแบบไม่คาดคิดคือ “น้องหมาพิการติดล้อรถเข็น” ที่พระเอกทำผิดพลาดเขวี้ยงตู้คอนเทรนเนอร์ไปทับน้องหมาในตอนซ้อมทดสอบพลัง แล้วพาไปหาหมอ ก่อนรับมาเลี้ยงดูแล และติดค้างค่าหมอไม่มีเงินจ่าย หนังใช้น้องหมาตัวนี้ในการเดินเรื่องที่คุ้มค่าหลายอย่าง ทั้งการที่ให้พระเอกเริ่มกลายเป็นคนดีได้โดยไม่ต้องมีพลังวิเศษ รวมถึงการที่ต้องเลือกระหว่างทำงานปกติหาเงินจ่ายค่าหมอ หรือจะใช้พลังหาเงินทางลัดไปเลยดีกว่า?
ซึ่งเรื่องราวในเรื่องหลายอย่างเดินหน้าไปโดยมีน้องหมาพิการตัวนี้ขับเคลื่อนทำให้เกิดเรื่องราวสนุกๆ บ้านๆ ฮากระทั่งการเก็บขี้หมา หนังทำออกมาน่ารักใช้ได้เลย แถมยังเป็นตัวสำคัญกับการเปิดเผยตัวตนของพระเอกที่เป็นไททันในตอนท้ายเรื่องได้อย่างดีงามอีกด้วย (ถ้าใครรักหมาต้องชอบบทน้องหมาในเรื่องนี้แน่นอน)
The Neighbor ยอดมนุษย์ข้างบ้าน เป็นซีรีส์ที่รู้ว่าตัวเองไม่มีทุนสร้างพอจะไปทำ CG หรือแอ็กชั่นตูมตามอะไรแบบหนังซูเปอร์ฮีโร่ปกติได้ ก็เลยเลือกที่จะเล่นเรื่องราวชีวิตในแบบบ้านๆ ของการที่มีพลังวิเศษแบบคนธรรมดา ที่ขอแค่อยากได้แฟนกลับมา มีงานทำปกติก็พอแล้ว ซึ่งถ้ามองในมุมนี้ซีรีส์ทำออกมาได้ดีเลย และก็มีความ “ฮาของจริง” แบบหลายครั้งต้องหลุดก๊ากออกมาได้เลย แต่สิ่งที่แย่ในเรื่องไม่ใช่งบน้อยหรือ CG ทุนต่ำอะไร เพราะเรารู้อยู่แล้วว่าหนังวางตัวมาแบบนี้ แต่เป็นการที่เดินเรื่องราวยาวไปหน่อยถึง 10 ตอน (ตอนละ 30 นาที) ทั้งๆ ที่ประเด็นในเรื่องทั้งหมดสามารถยุบมาให้กระชับได้มากกว่านี้ แล้วก็จะออกมาสนุกเพลินมากกว่าถ้าหนังเหลือสัก 6 ตอน (ขั้นต่ำของซีรีส์ปกติ) ซึ่งพอทำยาวก็ต้องใส่ประเด็นอื่นเสริมมาจนล้นมากเกินไป แถมบางประเด็นที่ปูมาตลอดเรื่องอย่าง ปัญหาร้านรับพนันถูกกฎหมายที่เข้ามาตั้งในชุมชน ซึ่งหนังเน้นบ่อยมากจนแอบคิดว่าตอนสุดท้ายอาจจะได้บู๊กับร้านพวกนี้ แต่เปล่าเลย หนังไม่ปิดประเด็นเรื่องนี้แถมตั้งใจเอาไปต่อซีซั่น 2 จนทำให้รู้สึกว่าไม่แฟร์กับคนดูที่หนังกั๊กประเด็นเรื่องราวไว้แบบนี้ เผลอๆ อาจจะโดนแคนเซิลจาก Netflix ไม่ได้ทำต่อก็จบเห่เลย ซึ่งถ้ามีต่อก็ยังน่าติดตามอยู่ เพราะหนังเปิดประเด็นแฟมินิสต์กับฮีโร่ได้อย่างน่าสนใจ
สุดท้ายถ้ารับได้กับหนังซูเปอร์ฮีโร่แบบที่ไม่เน้นพลังวิเศษ ไม่เน้น CG เรื่องราวก็บ้านๆ ออกแนวดราม่าปัญหาชีวิต แค่ต้องการดูหนังตลกเกรียนๆ ที่เรียกเสียงหัวเราะก๊ากได้จริง ไม่ใช่มุกตลกฝรั่งที่ไทยไม่ขำ รับรองว่าได้เสียงฮาตามนั้นแน่ แต่อาจจะต้องทนหนังช่วงแรกที่ยืดๆ กว่าจะได้เปิดตัวเป็นซูเปอร์ฮีโร่ก็ปาไปตอน 4 ครับ ซึ่งหลังจากนั้นก็จะเป็นความสนุกกับการพยายามเป็นซูเปอร์ฮีโร่และปกปิดความลับตามสูตร แต่เป็นแบบบ้านๆ ฮาๆ สมกับชื่อเรื่องครับ