รีวิว The Perfect Couple (Netflix) พล็อตโครงเรื่องซ้ำๆ แต่ได้นิโคล คิดแมน แบกไว้

The Perfect Couple กิ่งทองใบหยก ซีรีส์อเมริกา Original Netflix 6 ตอนจบ เมื่องานแต่งงานหรูหราหนึ่งงานจบลงด้วยหายนะก่อนที่มันจะเริ่มต้นด้วยซ้ำ – โดยมีการพบศพในท่าเรือของครอบครัวเพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนพิธี – ทุกคนในงานแต่งงานจึงกลายเป็นผู้ต้องสงสัยทันที

 

รีวิว The Perfect Couple (ไม่สปอยล์)

ซีรีส์ที่สร้างจากนิยายดังมาเป็นผลงานขนาดสั้น 6 ตอนจบ เรื่องราวฆาตกรรมลึกลับที่เกิดขึ้นในตระกูลเศรษฐีชื่อดังที่ใครๆ ก็มองว่าชีวิตของพวกเขาสมบูรณ์แบบ โดยเฉพาะชีวิตคู่สามีภรรยาที่ภายนอกนั้นเปอร์เฟ็กต์สมบูรณ์แบบมาก นั่นคือเปลือกภายนอกของพวกเขาที่ตั้งใจปกปิดสาธารณะชนไว้ แต่หลังเกิดเหตุฆาตกรรมขึ้นมาในช่วงที่ลูกชายคนรองกำลังแต่งงานกับหญิงสาวธรรมดาคนหนึ่ง และเหยื่อคือเพื่อนเจ้าสาวที่ใกล้ชิดกับตระกูลนี้ ทุกสิ่งที่ถูกปกปิดไว้ก็ค่อยๆ ถูกเปิดเผยออกมา ผ่านการสืบสวนของตำรวจท้องถิ่นที่มองว่าคนร้ายคือ 1 ในคนของตระกูลนี้นั่นเอง 

พล็อตโครงเรื่องของซีรีส์ไม่มีตรงไหนที่แปลกใหม่ เพราะเรื่องราวแบบนี้ถูกเอามาเล่าทำซ้ำหลายรอบแล้วโดยเฉพาะพวกแนวนักสืบดังๆ เพียงแต่เรื่องนี้ตัวเอกที่สืบสวนคือตำรวจท้องถิ่นบ้านๆ ไม่ใช่นักสืบอัจฉริยะ เรื่องจึงเป็นการค่อยๆ เผยให้เห็นความลับที่ปกปิดไว้ของตัวละครแต่ละตามทิศทางการสืบสวนของตำรวจทีละช่วง ซึ่งแน่นอนว่าก็คือการวางกับดักเพื่อชักจูงคนอ่านให้เขวตามว่าใครคือคนร้ายไปทีละคนๆ แล้วก็แสดงเหตุผลหลักฐานหักล้างสิ่งที่วางหลอกคนดูมาก่อนนี้อีกที ซึ่งเรื่องก็ขยันวางกับดักแบบให้กับทุกตัวละคร ต้องมีเลือดติดเสื้อ มีพิรุธทางสายตา หน้าตา คำพูด เยอะแยะไปหมดจนไม่มีตัวละครไหนรอดจากความสงสัยไปได้เลย โดยเฉพาะตัวเอกของเรื่องที่แสดงโดย นิโคล คิดแมน ที่เล่นบทภรรยาของตระกูลนี้หาเลี้ยงทุกคนด้วยการเป็นนักเขียนนิยายดัง แล้วก็ความลับมากมายซ่อนอยู่มากกว่าคนอื่นแบบบทล็อคเป้าให้เธอเป็นผู้ต้องสงสัยเบอร์หนึ่งของเรื่องเลยก็ว่าได้ จนเธอเหมือนเป็นนางเอกมากกว่า Eve Hewson ที่เป็นตัวเอกของเรื่องจริงๆ ซะอีก โดยเรื่องก็ทำให้เห็นว่าเธอนั้นค่อนข้างไม่พอใจกับลูกสะใภ้คนนี้ด้วยเหตุผลส่วนอยู่แล้ว แถมเพื่อเจ้าสาวของลูกก็ดันมาเป็นชู้กับสามีขี้หื่นของเธออีก ตัวเรื่องจึงพยายามชักนำให้เธอเหมือนแกนหลักของเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ ซึ่งแน่นอนว่าเรื่องทำสำเร็จ แต่สุดท้ายเธอคือคนร้ายจริงๆ หรือไม่นั่นคือคำตอบที่เรื่องตั้งใจเฉลยไว้ให้เห็นมากกว่าจากชื่อเรื่อง The Perfect Couple คู่รักที่สมบูรณ์แบบ นั่นเองครับ

ด้วยความที่เรื่องตั้งใจลวงคนดูอย่างหนักในทุกรายละเอียด แน่นอนว่ามันได้ผลดีกับผู้ชมที่ชอบแนวหักมุมเยอะๆ เพราะเรื่องถูกวางไว้ให้เป็นแบบนั้น แต่อีกด้านมันก็มีปัญหาในรายละเอียดระหว่างทางจนถึงตอนที่เฉลยออกมา เมื่อเรื่องต้องพยายามเล่าแฟลชแบ็คอยู่ตลอดตัดสลับกับเหตุการณ์ปัจจุบันเยอะมาก ก่อนถึงช่วงเฉลยเหตุการณ์ที่ถูกวางไว้ให้เหมือนตัวละครนี้เกี่ยวข้องกับการฆาตกรรม อย่างเช่น เลือดที่ติดเสื้อผ้ามา มีบาดแผลที่มือ พอเฉลยกลายเป็นแกะหอยแล้วโดนมีดบาด หรือตัวละครที่อยู่ๆ ก็กลัวอยากหนีด้วยเหตุผลบ้องตื้นมาก เพียงเพื่อให้เกิดฉากไล่จับให้เรื่องตื่นเต้นขึ้นสักหน่อย การใส่ตัวละครลึกลับเข้ามาโดยตั้งใจให้เป็นตัวหลอกก็เยอะไป ซึ่งสุดท้ายพอเฉลยออกมาแทบทั้งเรื่องเลยมีแต่น้ำมากกว่าเนื้อ แล้วก็ดูติดตลกมากกว่าจะจริงจังเข้มข้น ส่วนเนื้อจริงๆ ก็คือตอน 6 ที่ความลับของตัวละครนิโคล คิดแมน ถูกเปิดเผยเท่านั้น ซึ่งผู้ชมสามารถข้ามไปดูได้เลยว่าซีรีส์ต้องการขายอะไร โดยไม่จำเป็นต้องเข้าใจช่วงหลอกทั้ง 5 ตอนแรกได้เลยด้วยซ้ำ เพราะเรื่องจริงๆ คือการเปรียบเทียบชีวิตคู่ของตัวเอกรุ่นลูกกับรุ่นพ่อแม่ ในประเด็นที่คนหนุ่มสาวหวังมีชีวิตสมบูรณ์แบบ แต่จริงๆ แล้วมันก็ไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นได้แค่จากความรักเท่านั้นครับ

จุดเด่นในเรื่องนี้อีกอย่างคือการระดมดารามีชื่อมาขายทั้งเรื่อง ซึ่งมันก็ทำให้ภาพรวมของซีรีส์มีคลาสน่าดูมากขึ้น และทุกคนก็แสดงได้ดีไม่มีปัญหากับบทบาทแนวตัวหลอกฆาตกรรมเลย แต่ว่าตัวนางเอก Eve Hewson หน้าตาเนื้อตัวจะดูโทรมๆ พยายามขายฉากเซ็กซี่แบบยัดเยียดมาก จนดูไม่ค่อยมีเสน่ห์แบบเรื่องก่อนๆ ที่แค่สายตาเธอก็ดูเย้ายวนมาก และพอต้องประกบกับ นิโคล คิดแมน ยิ่งทำให้เธอกลายเป็นบทรองมากขึ้นไปอีกครับ 

 

สรุป ซีรีส์ที่เน้นนักแสดงมีชื่อมารวมกัน แต่พล็อตโครงเรื่องแนวสืบสวนฆาตกรรมไม่แปลกใหม่ มีจุดเด่นที่การวางกับดักให้ทุกตัวละครดูน่าสงสัยเพื่อหักมุมได้เป็นระยะๆ ตลอดเรื่อง เพียงแต่ตอนเฉลยกลับทำได้ไม่ดีพอด้วยเหตุผลบ้องตื้นแทบทุกครั้ง การเล่าเรื่องก็เน้นแฟลชแบ็คมากจนดูไม่ลื่นไหล สิ่งที่ดีสุดของเรื่องคือการเฉลยเรื่องราวความลับของตัวนิโคล คิดแมน ที่เชื่อมโยงไปถึงชื่อเรื่อง The Perfect Couple คู่รักที่สมบูรณ์แบบ ที่ยากจะมีจริง แม้ว่าภายนอกจะดูเป็นเช่นนั้นก็ตามครับ 

รวมรีวิว Netflix คลิกที่นี่