รีวิว The Puppet Master: Hunting The Ultimate Conman สารคดีตามล่ามิจฉาชีพสายไซโคจิตสุดร้ายกาจ
The Puppet Master: Hunting The Ultimate Conman
สรุป
สารคดีตามล่าอาชญากรสายจิตวิทยาที่ร้ายกาจมากๆ ตัวเรื่องสั้นกระชับเล่าเรื่องไว มีการตัดสลับเหตุการณ์ในอดีตกับปัจจุบันจากคนละประเทศมาบรรจบกันได้อย่างเหมาะเจาะ เรื่องราวอาจจะดูเหลือเชื่อมากกว่าเหยื่อโดนหลอกนานนับสิบปีได้ยังไง แต่ก็เป็นเรื่องจริงที่เป็นอุทาหรณ์ให้คนดูได้รู้ว่าเคสแบบนี้มีจริงๆ รวมถึงความบกพร่องของกระบวนการยุติธรรมด้วยทำให้เกิดคดีแบบนี้ขึ้นมาได้
Overall
7.5/10User Review
( votes)Pros
- สารคดีอาชญากรสายไซโคจิตวิทยาที่ไม่ได้มีบ่อย
- เป็นสารคดีที่ช่วยในการตามล่าตัวอาชญากรในปัจจุบันต่อไปด้วย
- เรื่องราวตัดสลับอดีตกับปัจจุบันคนละประเทศจนมาบรรจบกัน
- คดีเกิดขึ้นทั่วยุโรปและอเมริกามีคนตกเป้นเหยื่อมากมายนับไม่ถ้วน
Cons
- ความเหลือเชื่อว่าเหยื่อโดนหลอกไปได้ไงนานนับสิบปีอาจจะทำให้ดูตะหงิดติดใจตลอดการรับชม
The Puppet Master: Hunting The Ultimate Conman ล่ายอด 18 มงกุฎ สารคดี Netflix 3 ตอนจบ ตามล่ามิจฉาชีพสายจิตวิทยาที่ปลอมตัวเป็นสายลับ MI6 ได้ร้ายกาจสุดๆ นานหลายสิบปีจนถึงปัจจุบัน เรื่องราวดูเหลือเชื่อมาก แต่ก็เป็นเรื่องจริงของคดีอาชญากรรมสะท้านโลกคดีหนึ่งที่เกิดขึ้นในหลายประเทศพร้อมกันเลย
ตัวอย่าง The Puppet Master: Hunting The Ultimate Conman
สารคดีขนาดสั้น 3 ตอนจบ (ตอนแรกความยาว 48 นาที ตอน 2 ยาว 29 นาที ตอน 3 ยาว 50 นาที) ที่เล่าเรื่องของมิจฉาชีพระดับท็อปของโลก ที่ปั่นหัวผู้คนมากมายที่ตกเป็นเหยื่อด้วยวิธีการทางจิตวิทยามาอย่างยาวนานหลายทศวรรษ และก็ยังติดตามจับกุมตัวไม่ได้ในปัจจุบัน
เนื้อเรื่องในสารคดีเริ่มจากคดีในปัจจุบันเมื่อปี 2020 ที่สารคดีนี้เข้าไปถ่ายเรื่องราวจากปากคำของสองพี่น้องชาวอเมริกันที่แม่ตกเป็นเหยื่อของชายคนหนึ่งที่ชื่อเดวิด ซึ่งเขายอมถ่ายทำสารคดีนี้เพื่อหวังว่าจะได้เบาะแสตามหาแม่ที่หายตัวไปเกือบสิบปีกับชายคนนี้ เรื่องราวที่เล่าก็จะเป็นแนวมิจฉาชีพหลอกให้รักจากการหาคู่ผ่านโลกออนไลน์ ซึ่งดูเผินๆ เหมือนจะปกติที่ผู้หญิงวัยกลางคนที่หย่าร้างกับสามีต้องการคนรักใหม่ แต่ที่มันไม่ปกติคือคนๆ นี้มีวิธีการปั่นหัวแม่ของพวกเขาให้ห่างเกินกับลูก รวมถึงพยายามบีบด้วยวิธีการทางอ้อมให้ทั้งคู่พ้นไปจากบ้าน เพื่อเขาจะได้ครอบครองเธอเพียงคนเดียว ก่อนที่ทั้งคู่จะหายตัวไปจนถึงทุกวันนี้
เรื่องราวในเคสแรกถูกเล่าออกมาทีละนิดๆ ก่อนตัดสลับไปอีกเคสในอดีตที่อยู่ในช่วงปี 1993 ซึ่งเป็นเรื่องเล่าจากชายคนหนึ่งในปัจจุบัน ที่ช่วงวัยรุ่นเขาโดนชายคนหนึ่งหลอกว่าตัวเองเป็นสายลับ MI6 ของรัฐบาลอังกฤษ โดยช่วงนั้นมีเหตุก่อการร้ายแบ่งแยกดินแดนจากพวก IRA (กองทัพสาธารณรัฐไอร์แลนด์) เป็นจุดเริ่มต้น ที่ทำให้ชายคนนี้ที่เรียกตัวเองว่าร็อบหลอกเขาว่ากำลังเกี่ยวพันตกเป็นเป้าของ IRA และให้เขามาช่วยทำงานสายลับ ก่อนที่จะหนีไปจากพ่อแม่เพื่อนๆ แล้วยังไปชวนแฟนสาวกับเพื่อนอีกคนหนีตามไปด้วย โดยให้เหตุผลหลอกว่ากำลังตกเป็นเป้าของ IRA แล้วรัฐบาลส่งเขามารับตัวทั้งหมดไปยังโครงการคุ้มครองพยาน จนกลายเป็นพวกเขาต้องซ่อนตัวอยู่ในความคุ้มครองของเดวิดที่รีดไถเงินจากพวกเขาด้วยนานนับสิบปี
ทั้งสองเรื่องราวนี้จะตัดสลับกันไปมา ก่อนที่จะเชื่อมโยงกันในภายหลัง ซึ่งสารคดีตัดต่อเรื่องราวสลับไปมาได้ดี อาจจะงงนิดว่ามันจะเกี่ยวกันได้ยังไง แต่เรื่องก็สามารถมาเชื่อมกันได้เมื่อรู้ว่าตัวจริงของคนๆ นี้คือ โรเบิร์ต ฟรีการ์ด มิจฉาชีพชื่อกระฉ่อนที่มีคดียาวเป็นหางว่าว ซึ่งตัวเรื่องก็จะเข้าสู่การตามล่าร่องรอยของฟรีการ์ดจากคดีในอดีตที่จบไปแล้ว มีการตัดสินโทษ ซึ่งต้องใช้ทั้งหน่วยตำรวจจาก สก็อตแลนด์ยาร์ด กับ FBI สองประเทศร่วมมือกัน เพราะหมอนี่คืออาชญากรสายจิตวิทยาที่เข้าขั้นอัจฉริยะในการบงการชีวิตจิตใจผู้คนให้เชื่อตามที่สิ่งที่เขาพูด ทำให้เหยื่อที่หายตัวไปหลบซ่อนตัวอยู่ตลอดเวลา ทำให้ตำรวจตามไม่เจอมาตลอด ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดอาจจะดูเหลือเชื่อมากว่าเขาครอบงำได้อย่างไรขนาดนั้น แต่ทั้งหมดนี่คือเรื่องจริงจนเขาได้รับฉายา The Puppet Master หรือผู้ชักใย อารมณ์แนวมาสเตอร์มายด์จอมวางแผนที่สุดท้ายคดีที่เผยออกมาทั้งหมดในเรื่องนี้ไม่ใช่แค่สองเคส แต่มีอีกมากมายที่หมอนี่หลอกเหยื่อไปพร้อมๆ กันในหลายประเทศทั่วยุโรป บราซิล อเมริกา ซึ่งเรื่องราวการตามล่าอาชญากรซ่อนเร้นตัวแบบนี้ถือว่าแปลกมาก และสารคดีนี้ก็เหมือนเป็นสื่อหนึ่งที่ทำออกมาเพื่อเป็นเครื่องมือช่วยกระจายเรื่องนี้ออกไป ไม่ให้คนมาตกเป็นเหยื่อหมอนี่ในปัจจุบัน ซึ่งคดียังไม่จบ และเหยื่อที่สูญเสียคนรักไปยังมีหวังว่าจะได้คนในครอบครัวกลับคืนมา
สิ่งที่สารคดีตีแผ่อีกอย่างคือการทำงานของตำรวจท้องที่ไม่ใส่ใจกับเคสแบบนี้เท่าไหร่ เพราะผู้คนที่หมอนี่หลอกลวงให้หายตัวไปบรรลุนิติภาวะ พ้นวัยที่ต้องมีผู้ปกครองดูแลแล้วทั้งหมด (เกิน 18 ปี) ทำให้แม้พ่อแม่จะเข้าแจ้งความก็ถูกมองว่าไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน คงหนีตามกันเพราะความรัก การทำงานของตำรวจที่มองคดีเหล่านี้เป็นเรื่องทั่วไปไม่ใช่มิจฉาชีพหลอกลวง ทำให้คดีถูกหน่วงออกไปนานกว่าจะรู้ว่าเป็นเรื่องร้ายแรงก็เมื่อมีหน่วยสอบสวนคดีพิเศษเข้ามาสนใจ แต่ก็เหมือนสายไปแล้วเพราะมาในตอนหลังที่การตามหายากเย็นมากจากการหายตัวไปหลายปีแล้วของเหยื่อ อีกทั้งช่องว่างทางกฎหมายก็ทำให้ฟรีการ์ดสามารถหลุดจากอำนาจของศาลออกมาลอยนวลและก่ออาชญากรรมต่อไปได้อย่างชิลๆ ซึ่งสารคดีเรื่องนี้ตีแผ่จุดนี้ออกมาให้เห็นว่าเป็นหนึ่งในกระบวนการยุติธรรมที่มีปัญหามาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งเหตุผลที่ฟรีการ์ดหลุดออกมาได้แม้มีหลักฐานมัดตัวเขามากก็แทบไม่น่าเชื่อ แต่ก็ต้องจำยอมเพราะเป็นช่องว่างทางตัวบทกฎหมายที่เอาผิดเขาไม่ได้จริงๆ (คิดว่าทุกที่ทั่วโลกก็น่าจะยังไม่สามารถเอาผิดในกรณีแบบนี้ได้ด้วยเช่นกัน)
สรุป The Puppet Master: Hunting The Ultimate Conman สนุกและดีไหม
เป็นสารคดีสั้นๆ ที่เล่าเรื่องสนุก บทกระชับไว เรื่องราวดูเหลือเชื่อมาก แต่ก็มีอ้างอิงข้อมูลจริงอยู่ตลอด เป็นสารคดีที่ดีมากเรื่องหนึ่งในเน็ตฟลิกซ์ที่แนะนำว่าแตกต่างและควรค่าแก่การรับชมเลยครับ