playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว The Recruit ทนายซีไอเอ พอดูขำๆ ได้ แต่ไม่ได้ตอบโจทย์แนวสายลับหรือทนายทั้งคู่ (ไม่มีสปอยล์)

The Recruit

Summary

เป็นซีรีส์ที่พอดูได้ แต่ก็ไม่ได้สนุกหรือตอบโจทย์แนวสายลับหรือทนายแบบที่คาดหวังไว้ทั้งคู่ ฉากการใช้ความรู้กฎหมายแบบผิวๆ ฉากการดำเนินเรื่องสายลับก็ขาดแอ็กชั่น มีแต่บทสนทนาเยอะทั้งเรื่อง พร้อมแทรกชีวิตหลังเลิกงานพระเอกทำให้เรื่องดูยืดมีน้ำมากไป แต่ถ้าใครชอบนักแสดงโนอาร์ก็เรียกว่าดูได้เลยเพราะเขามีเสน่ห์ช่วยแบกเรื่องนี้ไว้จริงๆ ครับ

Overall
6/10
6/10
Sending
User Review
4 (2 votes)

Pros

  • แนวโลกของทนาย CIA ที่ไม่ได้ทำหน้าที่ในศาล
  • เคสในเรื่องออกแนวเสียดสีวีรกรรมชั่วๆ ของ CIA
  • พระเอกมีเสน่ห์ตัวแบกเรื่อง
  • มีพากย์ไทย

Cons

  • น้ำเยอะอ้อมไปอ้อมมากว่าจะเข้าเรื่องหลักตอนท้ายๆ
  • แนวออกขำๆ มากกว่าจริงจังอย่างที่คิด
  • ใส่บทรูมเมตมายืดเรื่องมากไป
  • แทบไม่ได้มีฉากแอ็กชั่นในเรื่อง

ADBRO

The Recruit: ทนายซีไอเอ” ซีรีส์ Netflix เรื่องใหม่นำแสดงโดยโนอาห์ เซนติเนโอ ทนายมือใหม่ของซีไอเอเข้าไปพัวพันกับการเมืองเรื่องอำนาจระหว่างประเทศสุดอันตราย เมื่ออดีตสายสืบข่มขู่ว่าจะเปิดโปงความสัมพันธ์ระยะยาวที่เธอมีกับซีไอเอ เว้นแต่องค์กรจะช่วยให้เธอพ้นจากความผิดฐานก่ออาชญากรรมร้ายแรง

 The Recruit (2022) on IMDb

รีวิว The Recruit: ทนายซีไอเอ (ไม่มีสปอยล์)

ซีรีส์ทนายที่แตกต่างจากเรื่องอื่นๆ ด้วยการเล่าเรื่องในองค์กร CIA ที่ทนายไม่ได้มีหน้าที่ขึ้นศาล หรือมีฉากเล่าเรื่องต่อสู้คดีในศาล แต่เป็นหน้าที่ทนายที่พยายามไม่ให้เรื่องราวความลับของ CIA ที่ส่วนใหญ่ก็คือเรื่องชั่วๆ ไม่ดีนั่นแหละต้องไปถึงศาลหรือเข้ากระบวนการตามกฎหมาย ซึ่งก็คือการตัดตอนกลบร่องรอยต่างๆ ประหนึ่งเป็นเจ้าหน้าที่สายลับแบบหนึ่ง พระเอกของเรื่องคือหนุ่มพึ่งจบมหาวิทยาลัยกฎหมาย แล้วก็ถูกดึงตัวมารับงานนี้ ก่อนที่จะเริ่มงานด้วยเคสจดหมายร้องเรียนขู่กรรโชกองค์กรที่มาจากอดีตสายลับคนหนึ่งของ CIA ที่ติดคุกอยู่ ซึ่งตัวเรื่องก็จะพาผู้ชมเข้าสู่โลกของทนายหน้าใหม่ที่ต้องเรียนรู้การเอาตัวรอดในดงสายลับเพื่อให้หน้าที่การงานยังอยู่รอดได้ไม่โดนไล่ออก

แน่นอนว่านี่ไม่ใช่แนวทำจากเรื่องจริง เพราะตัวเรื่องค่อนข้างชัดว่าทำออกมาแนวติดตลกเสียดสีองค์การ CIA ด้วยการให้พระเอกหน้าใหม่ที่เล่นโดยโนอาร์ นักแสดงที่พึ่งเล่นในแบล็คอดัม ออกแนวอ๊องๆ เปิ่นๆ เหมือนเป็นเด็กใหม่ที่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวว่า CIA เขาทำงานกันยังไง ก็เลยโดนเพื่อนร่วมงานรุ่นพี่ค่อยแกล้งหาทางตัดขาไม่ให้เติบโต แบบว่าทุกคนที่ทำงานคือศัตรูของพระเอกได้หมด เพราะที่นี่ใครอยากเติบโตก็ต้องหาทางกำจัดคู่แข่งไปให้หมด ก็เลยทำให้เรื่องราวไม่ได้ออกแนวซีเรียสจริงจังอะไรมากมาย ออกแนวเบาๆ พอขำๆ กับความผิดพลาดที่พระเอกต้องไปเจอแล้วหาทางเอาตัวรอดแบบทุยๆ มาจนได้ 

ตัวเคสคดีในเรื่องมีหลักๆ เคสเดียวคือช่วยสายลับในเรื่องให้ออกจากคุกอเมริกากลับประเทศได้ ซึ่งตัวเรื่องก็ค่อยๆ จากเบาๆ เหมือนเคสที่ไม่มีอะไรก่อนพัวพันกับคนใหญ่โตมากมาย ซึ่งเรื่องก็วางไว้ให้เหมือนเป็นแนวสายลับทรยศซ่อนอยู่ในองค์กร โดยมีพระเอกที่เข้าไปติดอยู่ท่ามกลางปัญหาแบบตกกระไดพลอยโจน มีการเดินทางไปหลายประเทศต่างโลเกชั่น เจอกับทีม CIA  ในประเทศต่างๆ พร้อมกับมีเคสย่อยๆ จากรุ่นพี่ที่ทำงานมาเกี่ยวข้องด้วยให้พระเอกเข้าไปช่วยนิดหน่อยพอเป็นน้ำจิ้มระหว่างที่เคสหลักค่อยๆ เปิดเผยเรื่องราวลึกขึ้นเรื่อยๆ แต่ทั้งนี้ถ้าใครคาดหวังว่าจะมีฉากแอ็กชั่นสายลับอะไรเยอะแยะนี่ลืมไปได้เลย เพราะแทบทั้งเรื่องมีน้อยมาก ส่วนใหญ่คือบทสนทนาพูดคุยกันเท่านั้น

ด้วยความที่ตัวเรื่องก็ไม่ได้ทำแนวซีเรียสก็เลยมีช่วงพักเบรคอยู่เรื่อยๆ เป็นเรื่องราวของพระเอกกับรูมเมตอีก 2 คน ที่คนหนึ่งคือแฟนเก่าคนล่าสุดของพระเอก ซึ่งในเรื่องทุกตอนจะมีช่วงพระเอกกลับมาบ้านแล้วก็พยายามปรึกษาสนทนากับเพื่อนโดยไม่สามารถบอกได้ว่าเขากำลังทำอะไร แล้วก็อารมณ์ดราม่ารักๆ ถ่านไฟเก่ากลับคุพอเป็นพิธี ให้เหมือนว่าเป็นแนวดราม่าชีวิตของทนาย CIA หลังเลิกงานเพิ่มเข้ามาอีก

ตัวเรื่องมีไอเดียเรื่องราวที่ดี แต่ปัญหาคือการเล่าเรื่องที่ดูน้ำเยอะ คือแทนที่จะเป็นเคสเด่นๆ น่าสนใจให้พระเอกทำปิดจ๊อบไป กลับเลือกเล่าเคสเดียวทั้งเรื่องแบบน้ำท่วมทุ่งอ้อมไปอ้อมมานานมากกว่าจะเผยว่าจริงๆ แล้วคืออะไร ซึ่งก็ไม่ได้มีอะไรมากด้วย แล้วยังเสียเวลาเล่าเรื่องความสัมพันธ์ชีวิตเพื่อนๆ รูมเมตอยู่เรื่อยด้วย โดยที่แทบไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องหลักที่พระเอกทำสักเท่าไหร่ มีไว้ก็เพื่อคั่นเวลาให้เห็นโลกอีกด้านชีวิตหลังการทำงานกับการใส่บทนางเอกเข้ามาในเรื่องนิดๆ เท่านั้น แต่ก็ไม่ได้ทำให้อินอะไรมาก เพราะพระเอกในเรื่องก็คั่วสาวไปตั้ง 2 คนแล้ว (ทำหยั่งกะเจมส์บอนด์)

ตัวเรื่องจบแบบทิ้งปมเริ่มเรื่องใหม่ ดูน่าสนใจ แต่ก็เหมือนจะหลุดจากแนวเรื่องทนายตอนแรกๆ ไปแล้วกลายเป็นแนวสายลับ จนดูเหมือนหมดมุก (จริงๆ ช่วงหลังของเรื่องพระเอกก็แทบจะไม่ได้ทำงานทนายแล้ว ออกแนวสายลับมากกว่า)

ถือว่าเป็นซีรีส์ที่พอดูได้ แต่ก็ไม่ได้สนุกหรือตอบโจทย์แนวสายลับหรือทนายแบบที่คาดหวังไว้ทั้งคู่ แต่ถ้าใครชอบนักแสดงโนอาร์ก็เรียกว่าดูได้เลยเพราะเขามีเสน่ห์ช่วยแบกเรื่องนี้ไว้จริงๆ ครับ

 

ติดตามรีวิวหนัง Netflix เรื่องอื่นคลิกที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!