รีวิว The Recruit SS2 (Netflix) ภาคต่อไปเกาหลีที่กระชับและทำดีขึ้นมาก!
The Recruit SS2
Summary
ซีรีส์สายลับในคราบทนายความที่นำเสนอความบันเทิงที่ชวนติดตาม โดดเด่นด้วยฉากแอคชั่นที่มีมากขึ้นกว่าเดิม ผสานกับเสน่ห์และมุกตลกของนักแสดงที่ยังคงไว้ได้ดี ตัวละครเกาหลีมีบทบาทเด่นทำให้เรื่องดูมีความสัมพันธ์ที่น่าติดตามากขึ้น โดยเฉพาะนางเอกคนใหม่ที่บทน้อยแต่ก็น่ารักมาก การปรับลดจำนวนตอนเหลือเพียง 6 ตอนช่วยกระชับจังหวะการเล่าเรื่องได้ดีกว่าซีซั่นแรก อย่างไรก็ตาม บทยังมีจุดอ่อนในการคลี่คลายสถานการณ์หลายฉากที่ดูง่ายจนเกินความสมจริงในแนวสายลับ
Overall
7/10User Review
( votes)Pros
- เหลือแค่ 6 ตอนทำให้เรื่องกระชับดีขึ้นมาก
- ตัวเอกมีพัฒนาการไปยังภาคสนามเต็มตัว
- ฉากแอ็กชั่นมากขึ้น
- ไปในหลายโลเกชั่นหลายประเทศ
- Shin Do-Hyun น่ารัก
Cons
- หลายสถานการณ์แก้ไขได้ง่ายเกินไป ทำให้ขาดความลุ้นระทึกแบบหนังสายลับจริงจัง
- บทนางเอกคนใหม่น้อยเกินไป
The Recruit SS2 ภาคต่อซีรีส์ทนายสายลับ คราวนี้ต้องไปทำภารกิจในเกาหลีใต้ ปกป้องความลับจากหน่วยข่าวกรองแห่งชาติเกาหลีใต้ NIS ที่ตามล่าพวกเขาอยู่
รีวิว The Recruit ทนายซีไอเอ พอดูขำๆ ได้ แต่ไม่ได้ตอบโจทย์แนวสายลับหรือทนายทั้งคู่ (ไม่มีสปอยล์)
รีวิว The Recruit SS2 (ไม่สปอยล์)
ซีซั่น 2 ที่ลดตอนลงมาเหลือแค่ 6 ตอน หลักๆ ก็คงเป็นนโยบายการปรับลดขนาดความยาวซีรีส์ให้กระชับขึ้นหลายเรื่อง ซึ่งก็เป็นทั้งข้อดีและข้อเสียไปด้วย อย่างเรื่องนี้ภาคแรกเนื้อหาน้ำเยอะมาก แต่ด้วยเสน่ห์ของตัวนักแสดงจึงแบกเรื่องนี้ให้ผ่านได้ ซึ่งก็กลายเป็นซีรีส์ที่ได้รับความนิยมสูงจนได้ไฟเขียวทำต่อ ซึ่งเนื้อเรื่องก็ต่อจากตอนจบซีซั่นแรกเลย ที่ตัวเอกโดนสายลับสาวรัสเซียจับไป แต่เนื้อเรื่องก็รีบตัดบทสรุปจบในตอนแรกสั้นๆ เลยเพื่อจะขึ้นเนื้อเรื่องใหม่ที่เกาหลีใต้ ที่ซึ่งโอเว่นได้รับจดหมายปริศนาจากเกาหลีใต้ จึงต้องเดินทางไปเพื่อตามหาที่มาของมัน แต่กลายเป็นว่าภารกิจนี้ใหญ่กว่าที่คิด เมื่อเจ้าของจดหมายกลายเป็นสายลับ NIS ที่ต้องการแบล็คเมล์ CIA ด้วยหลักฐานความผิดที่ทำเอาล้มได้เลยทันที โดยมีเงื่อนไขให้โอเว่นต้องช่วยเขาตามภรรยาที่โดนรัสเซียจับตัวไปให้ได้
ซีซั่นนี้เรียกว่าสั้นกระชับดูดีขึ้นมาเลย ตัวเรื่องยังคงผสมผสานความตลกและแอคชั่นที่เป็นเอกลักษณ์จากซีซั่นแรกแบบเดิม แต่เพิ่มมิติใหม่ๆ ให้กับเรื่องราวและตัวละคร โอเว่นในซีซั่นนี้แสดงให้เห็นถึงการเติบโตจากเจ้าหน้าที่มือใหม่ที่ไร้ประสบการณ์ ไปสู่การเป็นสายลับภาสนามจริงๆ ที่มีความสามารถมากขึ้น แม้จะบอกทุกคนว่าเป็นแค่ทนาย โดยมีทนายร่วมออฟฟิสในภาคแรกที่ติดร่างแหมาด้วยกันที่กรุงโซล และมีความสัมพันธ์ระหว่างโอเว่นและจางคยุน สายลับเกาหลีใต้ที่มาเป็นทั้งศัตรูและคู่หู (บางครั้ง) รวมถึงตัวละครทุกตัวในซีซั่นแรกก็กลับมาหมด โดยมีบทลึกขึ้นผูกพันกับตัวโอเว่นทุกคน อย่างแฟนเก่าที่ถอนตัวจากการคบหาก็ยังมีบทบาทเกี่ยวกับเรื่องหลักของภารกิจอยู่ รวมถึงตัวละครนางเอกใหม่จากเกาหลี Shin Do-Hyun ซึ่งบทของเธอไม่เยอะ แต่ออกมาทีก็น่ารักมาก เธอเป็นอดีตคนรักคนแรกของโอเว่นสมัยเด็กตอนที่พ่อเสียชีวิต ซึ่งการกลับมาครั้งนี้ก็เป็นบทบาทมาแทนนางเอกคนเก่าเลย ซึ่งช่วยเพิ่มมิติทางอารมณ์ให้กับเรื่องราว ทำให้ผู้ชมรู้สึกผูกพันกับตัวละครมากขึ้น
ตัวภารกิจในเรื่องก็ยังเป็นแนวตลกร้ายที่ตัวเนื้อหาเหมือนจะซีเรียสมากขนาดทำ CIA ล่มได้ แต่จริงๆ เรื่องก็ยังไม่ได้ซีเรียสเลยสักนิด ยังคงชิลๆ ง่ายๆ เน้นผ่านด้วยมุกตลกจังหวะบังเอิญ มีการวางแผนปนอยู่บ้าง แต่มักจะผิดแผนเสมอ สายลับตัวเอกในเรื่องทุกคนก็ฆ่าคนเป็นผักเป็นปลาแล้วเดินจากไปในกรุงโซลกันหน้าตาเฉย ผู้ชมก็อย่าถามหาความสมจริงจากเรื่องนี้ตั้งแต่ภาคแรกแล้วดีกว่าครับ
เรื่องยังเดินหน้าไปหลายโลเกชั่นด้วย ในเกาหลีใต้คือสถานที่หลัก ซึ่งก็ไปถ่ายทำที่นั่นจริงๆ มีฉากขี่มอเตอร์ไซค์ลุยกลางตลาดเกาหลีที่คนเยอะแยะ ตัวละครเกาหลีก็ติดต่อกับตัวเอกก็พูดอังกฤษคล่องปร๋อทุกคน โลเกชั่นอื่นก็ไปญี่ปุ่น ตะวันออกกลาง จากนั้นก็ไปยังรัสเซียโดยเป็นฉากล่องเรือเข้าไปตรงๆ เลย ไม่ต้องสนใจความสมจริง โดยก็เล่นมุกแอบเหยียดตำรวจชายฝั่งรัสเซียว่ายัดเงินดอลล่าห์เข้าประเทศได้ง่ายๆ แต่ที่รัสเซียก็คงไม่ได้ไปถ่ายจริงนั่นแหละครับ
สรุป ซีรีส์สายลับในคราบทนายความที่นำเสนอความบันเทิงที่ชวนติดตาม โดดเด่นด้วยฉากแอคชั่นที่มีมากขึ้นกว่าเดิม ผสานกับเสน่ห์และมุกตลกของนักแสดงที่ยังคงไว้ได้ดี ตัวละครเกาหลีมีบทบาทเด่นทำให้เรื่องดูมีความสัมพันธ์ที่น่าติดตามากขึ้น โดยเฉพาะนางเอกคนใหม่ที่บทน้อยแต่ก็น่ารักมาก การปรับลดจำนวนตอนเหลือเพียง 6 ตอนช่วยกระชับจังหวะการเล่าเรื่องได้ดีกว่าซีซั่นแรก อย่างไรก็ตาม บทยังมีจุดอ่อนในการคลี่คลายสถานการณ์หลายฉากที่ดูง่ายจนเกินความสมจริงในแนวสายลับ