รีวิว The Rig พยายามเป็น The Mist เวอร์ชั่นเว่อร์วัง แต่งบไม่มีจะทำอะไรได้แบบนั้นจนดูแย่
The Rig
Summary
ซีรีส์ที่เหมือนเอาพล็อต The Mist มาใช้ให้เว่อร์วังถึงขั้นหายนะล้างโลก แต่ทุนสร้างไม่พอจนทำให้ตัวเรื่องแทบไม่มีอะไรให้เห็นแบบนั้นเลย หลายฉากใช้โมเดลจำลองจนดูปลอมๆ อย่างน่าเกลียด ทุกอย่างถูกนำเสนอแบบวนเวียนกระมิดกระเมี้ยนทั้งตัวละครเดินเรื่อง ทั้งสิ่งลึกลับในเรื่อง ไม่ให้รู้ ไม่ให้เห็นอะไรมาก ตั้งแต่ต้นจนจบ แล้วก็ยังจบแบบค้างทิ้งเรื่องไว้กับปริศนามากมายอีก แนะนำว่าข้ามได้ข้ามไปเลย หรือถ้าอยากดูก็กรอๆ ข้ามๆ ไปดูแค่ตอนท้ายๆ ก็ยังรู้เรื่องครับ
Overall
4/10User Review
( vote)Pros
- แนวทริลเลอร์ลึกลับเหนือธรรมชาติ
- มีซับไทย
Cons
- ทุนสร้างน้อยไม่สมกับโครงเรื่องที่วางไว้จนทำให้แทบไม่มีอะไรให้เห็น
- ตัวละครน่ารำคาญหลายตัวมาก
- เนื้อเรื่องวนเวียนแทบไม่ไปไหน
The Rig มฤตยูปริศนา ซีรีส์ Amazon prime แนวทริลเลอร์ลึกลับเหนือธรรมชาติ 6 ตอนจบ งานสร้างของอังกฤษ เรื่องของกลุ่มคนงานแท่นขุดเจาะน้ำมัน ที่ต้องพบเจอกับหมอกปริศนาและพาความตายมาสู่ทีม
รีวิว The Rig มฤตยูปริศนา (ไม่สปอยล์)
ซีรีส์ที่เหมือนเอาพล็อต The Mist มฤตยูหมอกกินมนุษย์ มาผสมกับแนวไซไฟกลายเป็นพล็อตเรื่องระดับเว่อร์วังถึงขั้นหายนะล้างโลก ซึ่งไอ้ความที่โครงสร้างเรื่องมันเว่อร์มากนี่แหละ เลยทำให้ซีรีส์เรื่องนี้เป็นผลงานที่คิดได้ แต่ฝืนทำอะไรเกินตัวเกินงบ จนทำให้ฉากต่างๆ มองเห็นเลยว่านี่เป็นงานทุนต่ำ อย่างการใช้โมเดลจำลองฉากแท่นขุดเจาะน้ำมันหลายครั้งในเรื่อง ที่ดูยังไงก็เห็นชัดถึงความปลอมตรงนี้ และการเล่าเรื่องแบบกระมิดกระเมี้ยนไม่พยายามให้ผู้ชมได้รู้ได้เห็นอะไรมาก เพราะงบก็ไม่มีสร้างอะไรแปลกๆ เหนือธรรมชาติเว่อร์ๆ ได้ด้วย ยิ่งทำให้เรื่องดูแย่ลงจากการพยายามทำให้ดูเหมือนจะมีอะไร แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรให้เห็นเลย ตั้งแต่ตัวอย่างมีแค่ไหน ในเรื่องก็มีแค่นั้น สิ่งที่เหนือธรรมชาติในเรื่องก็แทบไม่ได้ออกโรงมาให้เห็นอะไร มีแค่แสง สี แม้แต่ฉากหายนะครั้งใหญ่ตอนท้ายก็เห็นเหมือนไม่เห็น เป็นอะไรที่ดูแล้วแย่มากๆ เหมือนโดนหลอกให้ดูทั้งเรื่อง
สิ่งที่แย่เข้าไปอีกคือการใส่ตัวละครที่ชอบหาเรื่องมีปัญหากับเหตุการณ์อยู่ตลอด ทั้งหนุ่มๆ กับแก่ๆ ทำตัวเหมือนเด็กหาเรื่องมาทำให้สถานการณ์ในเรื่องดูแย่ลงแบบดูแล้วงี่เง่า แล้วตัวละครที่รู้คำตอบของเรื่องก็พากันงึมงำๆ รู้แต่ไม่พูดให้เคลียร์ พูดแนวปริศนาแบบรู้เองอยู่คนเดียวตามสไตล์พวกหนังแนวลึกลับๆ แต่คืออันนี้หนักกว่าตรงตั้งใจเพื่อให้เรื่องมันยืดเพราะตัวเรื่องจริงๆ ก็ไม่มีงบไปทำอะไรมากกว่านี้ได้ เลยต้องใช้การเดินเรื่องลักษณะแบบนี้มาแทนที่ทั้งเรื่อง ซึ่งทำให้เหตุการณ์ในเรื่องแทบไม่ไปไหนวนเวียนอยู่กับปัญหาของตัวละครที่น่ารำคาญไม่กี่อย่างจนน่าเบื่อเอามากๆ
นอกจากนี้ตัวเรื่องก็ยังพยายามแทรกเรื่องเกย์มาแบบไม่จำเป็น ให้มีตัวละคร ญ ญ ช ช แล้วใช้ประเด็นตรงนี้แทรกให้มีบทบาทสำคัญแบบดู WOKE ค่อนข้างชัดเจน ซึ่งไม่ใช่สิ่งสำคัญเลยที่เรื่องควรจะไปเน้นให้มี
ตัวเรื่องมี 6 ตอนก็จริง แต่น้ำเยอะจนยืดยาวแล้วก็จบแบบทิ้งค้างเรื่องต่อไปอีก โดยที่ตอนจบเรื่องก็แทบไม่ได้มีเนื้ออะไรมากเลยด้วยซ้ำ ซึ่งดูทรงแล้วไม่น่าได้ไปต่อ แนะนำว่าข้ามได้ข้ามไปเลย หรือถ้าอยากดูก็กรอๆ ข้ามๆ ไปดูแค่ตอนท้ายๆ ก็ยังรู้เรื่องครับ