playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว The Silent Service (Prime) งานฟอร์มยักษ์ญี่ปุ่นที่จัดเต็มทั้งฉากสงครามและการเมืองสะเทือนโลก!

The Silent Service SS1

Summary

ซีรีส์งานสร้าง Original Amazon Prime ฟอร์มยักษ์ที่จัดเต็มมากของทางญี่ปุ่น โดยหยิบเอามังงะดังในอดีตมาปรับปรุงสร้างใหม่ได้ดียิ่งกว่าเก่า ทั้งฉากการรบทางน้ำที่คุณภาพงาน CG ออกมาในระดับภาพยนตร์ ใส่มาตลอดทุกตอน สกิลตัวเอกมีความโม้เกินจริงมากสุดๆ แต่ก็สนุกเพราะยังอิงกับความเป็นจริงได้อยู่ โดยมีเรื่องราวการเมืองโลกระหว่างญี่ปุ่นกับอเมริกาเป็นจุดเริ่มความขัดแย้งที่อิงจากความจริงในใจของคนญี่ปุ่นที่เก็บกดไว้ลึกๆ  ซึ่งเรื่องนี้ได้ปอกเปลือกอเมริกาออกเป็นชิ้นๆ ให้เห็นถึงความร้ายกาจของการเมืองอเมริกาได้อย่างถึงแก่นมากครับ แนะนำเลยว่าห้ามพลาด แล้วยังมีเสียงพากย์ไทยทำให้อยู่ประเทศเดียวในโลกอีกด้วยครับ

Overall
8.5/10
8.5/10
Sending
User Review
0 (0 votes)

Pros

  • ดัดแปลงจากมังงะชื่อดังในอดีตได้ดีขึ้นมาก
  • เนื้อเรื่องซับซ้อนเดาได้ยากมีความน่าติดตาม
  • สะท้อนการเมืองโลกที่อเมริกาเป็นตัวร้ายแบบจัดเต็ม
  • ฉากสงครามสนุกและคุณภาพดีถึงระดับภาพยนต์
  • อัดแน่นด้วยศัพท์เทคนิคสงคราม
  • ดารานักแสดงเกรด A
  • มีพากย์ไทย

Cons

  • สกิลตัวเอกโม้สุดๆ
  • เรื่องโปรญี่ปุ่นค่อนข้างมาก

ADBRO

The Silent Service SS1 ยุทธการใต้สมุทร ซีรีส์ Amazon Prime 8 ตอนจบซีซั่น 1 สร้างจากมังงะชื่อดังในอดีต เรื่องราวของเรือดำน้ำพลังนิวเคลียร์จากญี่ปุ่นเพียงลำเดียวที่สร้างปรากฏการณ์สะเทือนโลก 
The Silent Service Season One - The Battle of Tokyo Bay (2024) on IMDb

 

รีวิว The Silent Service SS1 (ไม่สปอยล์)

ซีรีส์จากมังงะดังในอดีตของผู้เขียน Kaiji Kawaguchi (ปัจจุบันอายุ 75 ปีแล้ว) ค่าย Kodansha ตั้งแต่ปี 1988 – 1996 ได้ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์เมื่อปี 2023 โดยผู้กำกับ Kohei Yoshino และก็ยกทีมจากภาพยนตร์มาทำเป็นฉบับซีรีส์ต่อเนื่องกันในปี 2024 โดยมีทุนสร้างจาก Amazon Prime และโตโฮ เจ้าของสิทธิ์ก็อดซิลล่า มาร่วมกันผลิต ทำให้ผลงานซีรีส์เรื่องนี้เป็นงานทุนสูงฟอร์มยักษ์ของญี่ปุ่นมากกว่าซีรีส์ทั่วไป ซึ่งผู้ชมจะเห็นได้ชัดตั้งแต่แค่เปิดตอนแรกด้วยงานโปรดักชั่นฉากสงครามเรือดำน้ำ เรือรบ เครื่องบิน ที่ภาพและ CG ฉากรบ ดีเกินคาดมากกับงานซีรีส์ ในระดับที่ทัดเทียมพวกหนังเรือดำน้ำชื่อดังอย่าง The Hunt for Red October กับ u-571 ซึ่งฉากพวกนี้คือจุดขายของเรื่องที่มีทุกตอน ไม่ใช่แค่เปิดมาตอนแรกแล้วก็ทิ้งช่วงหายไป ซึ่งก็คงเพราะเป็นผลงานต่อเนื่องจากภาพยนตร์ที่น่าจะลดงบประมาณการสร้างได้ แล้วก็ยังใช้วัตถุดิบเดียวกันได้อีก ทำให้สเกลงานสร้างเรื่องนี้ใหญ่โตมาก

 

นอกจากนี้แล้วฉากรบพวกนี้ก็ยังอัดแน่นด้วยเทคนิคทางสงครามที่อิงกับความจริง โดยให้มีตัวเอกเป็นกับตันเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ที่ทันสมัยที่สุดในโลกพร้อมกับสกิลสั่งการควบคุมที่โม้แบบเหนือมนุษย์มากๆ ซึ่งแม้จะดูแล้วขัดใจตรงนี้อยู่ตลอด แต่ก็ยอมรับว่าเรื่องนี้โม้ได้สนุกมากเช่นกัน อย่างการไม่ยิงอาวุธออกไปในช่วงแรก แต่ใช้เทคนิคหลอกล่อสู้กันด้วยจิตวิทยากับการวางแผนจัดการศัตรูได้โดยไม่ต้องใช้อาวุธ ซึ่งลุ้นระทึกและน่าติดตามมากกว่าใช้อาวุธจริงซะอีก แต่ในเรื่องก็มีการใช้อาวุธและอุปกรณ์ป้องกันของเรือดำน้ำจริงที่มีความแปลกใหม่อย่าง จรวดคลื่นเสียง เครื่องกำเนิดฟองไว้ต้านมิสไซล์และรบกวนการจับตำแหน่งเสียง ส่วนการใช้ตอปิโดหรือจรวดถล่มเรือรบก็มีครบจัดเต็มให้เห็นกันชัดๆ โดยในเรื่องมีฉากรบอยู่ทุกตอน แต่ในช่วงแรกจะเป็นแค่การลองเชิงก่อนรบจริงในครึ่งหลัง แล้วก็ไปจัดเต็มในตอนจบที่อ่าวโตเกียว ซึ่งเป็นพาร์ทแรกของเรื่องนี้ ก่อนจะไปต่อที่อเมริกาในพาร์ทต่อไป 

 
แต่เรื่องก็ไม่ได้มีแค่ฉากใต้น้ำ ยังมีฉากบนบกผ่านสงครามการเมืองดุเดือดของรัฐบาลญี่ปุ่นที่นายกรัฐมนตรีกลับอยู่ใต้อำนาจผู้อาวุโสอีกคน แต่เขาเองก็ต้องพยายามหาทางออกของเหตุการณ์เรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ลำแรกของญี่ปุ่น ที่ชื่อ “ซีแบต” ถูกกัปตัน ไคเอดะ ชิโระ คนที่ญี่ปุ่นไว้ใจให้คุมเรือยึดไป โดยเรือลำนี้เป็นความลับของประเทศญี่ปุ่นร่วมมือกับอเมริกา ซึ่งทำให้สถานการณ์ระหว่างประเทศพันธมิตรทั้งคู่เริ่มร้าว แต่เรื่องก็ทำออกมาได้กล้าหาญมาก โดยให้อเมริกาเป็นตัวร้ายหลักของเรื่องนี้ที่บ้าสงครามใช้กำลังทหารกดขี่ข่มเหงโดยอ้างเพื่อรักษาสันติภาพโลก ซึ่งเรื่องก็เอามาจากเรื่องจริงที่ญี่ปุ่นโดนอเมริกากดขี่ไว้ตลอดหลังจบสงครามโลก แม้จะบอกว่าเป็นพันธมิตรก็จริง แต่ญี่ปุ่นก็เสียเปรียบมาตลอด เป็นปมลึกๆ ในใจที่คนญี่ปุ่นพูดออกมาไม่ได้ โดยมีเรื่องการครอบครองนิวเคลียร์ที่เป็นประเด็นสำคัญสุดในเรื่องนี้ โดยไม่ใช่แค่ญี่ปุ่น แต่เป็นสเกลระดับโลกที่เป็นปัญหาร่วมกัน ซึ่งเรื่องแม้จะไม่ใช่ช่วงยุคปัจจุบัน แต่สถานการณ์ในเรื่องก็ยังไม่แตกต่างจากที่เป็นในตอนนี้เลย โดยเฉพาะเรื่องการเข้ามายุ่งกับสงครามทุกที่ในโลกของอเมริกา ในฐานะพี่ใหญ่ที่บอกว่าต้องการหยุดยั้งห้ามปราม แต่ก็เป็นวิธีการปกครองโลกนี้ในแบบของตัวเอง ซึ่งเรื่องนี้สะท้อนความเลวร้ายของอเมริกาในด้านนี้ออกมาตรงๆ จัดเต็มมาก โดยใช้นักแสดงอเมริกาเป็นทีมประธานาธิบดีสั่งการและมีฉากการพูดคุยในระดับรัฐบาลต่อรัฐบาลกันอย่างสมจริง อย่างการพูดคุยผ่านล่ามแปลอีกที เป็นญี่ปุ่นสลับอังกฤษ และเรื่องนี้ก็มีทำพากย์ไทยอยู่ภาษาเดียวที่ทำออกมาในโลกด้วย 

ตัวเรื่องยังมีบทพระรอง ฟุคามาจิ ที่เป็นกับตันเรือดำน้ำดีเซล อดีตลูกเรือของกับตัน ไคเอดะ ชิโระที่เป็นตัวเอกหลัก โดยทั้งคู่มีความขัดแย้งกันมาในอดีตและก็ต้องมาเผชิญหน้ากันหลัง ไคเอดะ ทรยศญี่ปุ่นเอาเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ไปโดยอ้างว่าจะทำให้โลกมีสันติภาพด้วยเรือนี้เพียงลำเดียว ซึ่งเขาไม่เห็นด้วยกับแนวคิดวิธีการทำงานของไคเอะดะมาตลอด และก็ร่วมตามล่าเพื่อหยุดยั้งโดยใช้เรือพลังงานดีเซลที่ด้อยกว่า แม้จะสู้ตรงๆ ไม่ได้ แต่ก็มีฉากรบระหว่างทั้งสองลำนี้ รวมถึงฉากที่ต้องร่วมมือกันในเรื่องด้วย

สรุปเป็นซีรีส์งานสร้าง Original Amazon Prime ฟอร์มยักษ์ที่จัดเต็มมากของทางญี่ปุ่น โดยหยิบเอามังงะดังในอดีตมาปรับปรุงสร้างใหม่ได้ดียิ่งกว่าเก่า ทั้งฉากการรบทางน้ำที่คุณภาพงาน CG ออกมาในระดับภาพยนตร์ ใส่มาตลอดทุกตอน สกิลตัวเอกมีความโม้เกินจริงมากสุดๆ แต่ก็สนุกเพราะยังอิงกับความเป็นจริงได้อยู่ โดยมีเรื่องราวการเมืองโลกระหว่างญี่ปุ่นกับอเมริกาเป็นจุดเริ่มความขัดแย้งที่อิงจากความจริงในใจของคนญี่ปุ่นที่เก็บกดไว้ลึกๆ  ซึ่งเรื่องนี้ได้ปอกเปลือกอเมริกาออกเป็นชิ้นๆ ให้เห็นถึงความร้ายกาจของการเมืองอเมริกาได้อย่างถึงแก่นมากครับ แนะนำเลยว่าห้ามพลาด แล้วยังมีเสียงพากย์ไทยทำให้อยู่ประเทศเดียวในโลกอีกด้วยครับ


 

including other English reviews

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!