playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว The Strays ดราม่าระทึกขวัญชนชั้นคนดำที่เล่าเรื่องดีพอตัว แต่ดันพังตอนจบ! (ไม่มีสปอยล์)

Summary

ถือเป็นหนังที่หลายอย่างทำได้ค่อนข้างดีแล้วแท้ๆ ทั้งพล็อต บทวิธีการเล่าเรื่อง ปมปัญหาคนผิวดำผิวขาวกับดารานักแสดงที่เล่นได้ดี ฉากระทึกขวัญแบบเบาๆ ไล่ระดับไปจนถึงหนักๆ แบบกดดันมากกว่าจะเป็นฉากสยองตรงๆ แต่กลับมาตกม้าตายเอาตอนจบแบบพังทั้งเรื่อง จนน่าผิดหวังมากพอสมควร แต่ก็ยังนับว่ามีความน่าสนใจในแนวทางของงานผู้กำกับผิวดำหน้าใหม่ที่ดูจะพยายามตามรอยจอร์แดนพีลให้ได้ครับ

Overall
6.5/10
6.5/10
Sending
User Review
4.5 (2 votes)

Pros

  • ระทึกขวัญแบบเงียบๆ
  • ปมปัญหาคนผิวดำ
  • มีพากย์ไทย

Cons

  • ตอนจบที่แทบจะพังทั้งเรื่องได้เลย

ADBRO

The Strays คนหลงทาง หนัง Netflix มีพากย์ไทย ความ 1 ชั่วโมง 37 นาที ชีวิตที่สมบูรณ์แบบ… คำโกหกที่สมบูรณ์แบบ… ชีวิตของผู้หญิงชนชั้นกลางระดับสูงคนหนึ่งเริ่มเผยความจริงออกมา ด้วยการมาถึงของหนุ่มสาวผิวดำ 2 คนในเมืองของเธอ

The Strays (2023) on IMDb

ตัวอย่าง The Strays Netflix

รีวิว The Strays (ไม่มีสปอยล์)

หนังดราม่าทริลเลอร์ Netflix จากอังกฤษ ที่สร้างโดยนักแสดงผิวดำ Nathaniel Martello-White ที่ผันตัวมากำกับและเขียนบทเรื่องนี้เรื่องแรก และด้วยมู๊ดโทนเรื่องแนวคนผิวดำลึกลับระทึกขวัญ ก็ทำให้คิดว่านักแสดงท่านนี้น่าจะได้แรงบันดาลใจมาจากจอร์แดนพีล ผู้กำกับดังจาก Get Out ที่มาจากนักแสดงเหมือนกัน แล้วก็มาเอาดีทางการกำกับเขียนบทเล่าเรื่องหนังของตัวเอง ในพื้นที่ของหนังระทึกขวัญที่ยังมีอะไรให้เล่าได้อีกมากมาย โดยเฉพาะมุมมองเรื่องราวของคนผิวดำกับคนผิวขาว ที่แม้โลกจะหมุนเปลี่ยนไปแค่ไหน แต่ลึกๆ แล้วสังคมในปัจจุบันก็ยังมีปมเหยียดซ่อนไว้ในใจอยู่ แค่เปลี่ยนแปลงไปตรงที่มันถูกกดทับไว้รอวันระเบิดเท่านั้น ซึ่งเรื่องนี้เองก็หยิบเอาปมปัญหาตรงนี้ขึ้นมาเล่า ในรูปแบบที่แม้จะเป็นเรื่องแต่ง แต่เรื่องจริงก็เคยมีเหตุการณ์ทำนองนี้เกิดขึ้นมาจริงๆ 

ตัวเรื่องถูกถ่ายทอดเป็นแชปเตอร์ แบ่งองค์เรื่องไว้ 4 แชปเตอร์จากมุมของตัวละครหลักสลับไปมา โดยเริ่มจากเนฟ (นักแสดง Ashley Madekwe) คุณแม่ผิวดำ ที่เปลี่ยนแปลงตัวเองจนเหมือนคนผิวขาว มีตำแหน่งงานดี เธอเริ่มพบเห็นคนผิวดำชายหญิง 2 คน มาป้วนเปี้ยนในเมือง ใกล้ๆ กับครอบครัวเธอ ซึ่งเมืองนี้มีเพียงแค่เธอที่เป็นคนผิวดำมาก่อน ตัวหนังนำเสนอให้เห็นว่าเธอเริ่มมีอาการผิดปกติหลายอย่าง อาการเกาหัวคัน สติแตกเอาง่ายๆ โดยทิ้งปมความสงสัยมากมายให้กับคนดูตลอดเวลา หนังเล่าแชปเตอร์ของเนฟยาวครึ่งชั่วโมงแรก ก่อนที่จะเฉลยความลับสำคัญของเรื่อง แล้วก็ตัดไปแชปเตอร์ 2 เป็นเรื่องราวอีกมุมของสองพี่น้องผิวดำที่เนฟเห็น และคนดูก็จะได้เห็นอีกด้านของเรื่องราวในแชปเตอร์แรก สิ่งที่เนฟเห็นและคิดความจริงคืออะไร ก่อนตัดกลับมาที่เรื่องราวของเนฟอีกครั้งด้วยการเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เราเข้าใจ  และทำให้เห็นตัวตนที่แท้จริงของเนฟ ซึ่งเป็นเหตุผลให้องค์สุดของเรื่องคือฉากระทึกเขย่าขวัญในบ้านที่น่ากลัวแบบเงียบๆ ไม่โฉ่งฉ่าง ไม่มีเลือดสาด แต่ก็ให้อารมณ์ระทึกแบบที่รู้สึกว่าเรื่องร้ายจะมาแน่ๆ แค่นาทีไหนเท่านั้น…

แต่สิ่งที่เรื่องนี้พลาดไปมากคือตอนจบของเรื่องที่มาในแนวบทสรุปเสียดสีตัวละครจากการตัดสินใจของเนฟตัวเอก เป็นฉากจบแบบปลายเปิด ไม่ใช่ฉากจบที่เคลียร์ทุกอย่าง แม้ผู้ชมจะเก็ทไอเดียของตอนจบว่าผู้กำกับต้องการอะไร สอดคล้องไปกับที่มาที่ไปของเหตุการณ์ในเรื่องและตัวตนที่แท้จริงของเนฟ และด้วยความแรงของเหตุการณ์ที่บานปลายไปมาก ผู้ชมก็ย่อมคาดหวังตอนจบที่มีกึ๋นฉลาดในการหาทางออก หรือแม้แต่ทางออกแบบเลวร้ายสุดๆ ที่ตัวเรื่องจะทำก็ทำได้ แต่ผู้กำกับเลือกที่จะให้ตอนจบของเรื่องมันเป็นแบบนี้เอง ซึ่งมันส่งผลให้เรื่องทั้งหมดดูพังๆ เหมือนหนังติสไปมากกว่าจะเป็นหนังทริลเลอร์ระทึกขวัญอย่างแท้จริง

ถือเป็นหนังที่หลายอย่างทำได้ค่อนข้างดีแล้วแท้ๆ ทั้งพล็อต บทวิธีการเล่าเรื่อง ปมปัญหาคนผิวดำผิวขาวกับดารานักแสดงที่เล่นได้ดี ฉากระทึกขวัญแบบเบาๆ ไล่ระดับไปจนถึงหนักๆ แบบกดดันมากกว่าจะเป็นฉากสยองตรงๆ แต่กลับมาตกม้าตายเอาตอนจบแบบพังทั้งเรื่อง จนน่าผิดหวังมากพอสมควร แต่ก็ยังนับว่ามีความน่าสนใจในแนวทางของงานผู้กำกับผิวดำหน้าใหม่ที่ดูจะพยายามตามรอยจอร์แดนพีลให้ได้ครับ

ติดตามรีวิวหนัง Netflix เรื่องอื่นคลิกที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!