playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว THE TEARSMITH เจ้าแห่งน้ำตา (Netflix) หนังรักวัยรุ่นที่มีเสน่ห์ลงลึกแบบเทพนิยายสมัยใหม่

THE TEARSMITH

Summary

หนังรักวัยรุ่นที่เล่าแบบนิทานเทพนิยายสมัยใหม่ อันเต็มไปด้วยความเจ็บปวดผ่านชีวิตของตัวละครในบ้านเด็กกำพร้า ตัวละครเป็นแนวซึนเดะเระแบบมีเสน่ห์ มีฉากหวาบหวิวหัวใจทั้งเรื่อง โดยมีเหตุผลลงลึกเพิ่มนำ้หนักมิติตัวละครลงไปทำให้เรื่องดูไม่เป็นแค่แนวเพ้อฝันสนองอารมณ์ผู้หญิงทั่วไป แล้วก็จบด้วยบทที่ลงลึกไปถึงอาชญากรรมในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า ซึ่งทำให้เรื่องดูโดดเด่นแตกต่างจากแนวรักวัยรุ่นทั่วไปเลยครับ

Overall
8/10
8/10
Sending
User Review
0 (0 votes)

Pros

  • หนังรักวัยรุ่นที่เล่าแบบนิทานเทพนิยายสมัยใหม่
  • เรื่องราวตัวละครลึกกว่าแค่ความรัก
  • ตัวละครเป็นแบบซึนเดเระ
  • งานโปรดักชั่นการถ่ายทำสวย
  • มีฉากวาบหวิวเยอะ (แต่ฉากเปลือยกายมีสั้นๆ)
  • สร้างจากนิยายดังของ เอริน ดูม
  • มีพากย์ไทย

Cons

  • บทของคู่รักตัวละครอื่นใส่มาสั้นๆ แล้วทิ้งหายไป
  • บทสรุปช่วงท้ายรีบจบแบบง่ายๆ

ADBRO

THE TEARSMITH เจ้าแห่งน้ำตา Original Netflix ภาพยนตร์แนวรักจากอิตาลี Original Netflix สร้างจากนิยายดังของ Erin Doom เรื่องราวของ นิกาและริเกล (นักแสดง Caterina Ferioli as และ Simone Baldasseroni) ที่ถูกรับเป็นบุตรบุญธรรมพร้อมกัน โดยที่พ่อแม่บุญธรรมไม่รู้ชีวิตอันเจ็บปวดของทั้งคู่ที่เกี่ยวพันถึงสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า ซึ่งทำให้ชะตาชีวิตของทั้งคู่ไม่อาจจะอยู่ด้วยกันได้  

The Tearsmith (2024) on IMDb

รีวิว THE TEARSMITH เจ้าแห่งน้ำตา (ไม่สปอยล์)

 

หนังรักวัยรุ่นที่มีความแปลกแตกต่างจากเรื่องอื่นแทบทุกอย่าง ตั้งแต่ชื่อเรื่อง “เจ้าแห่งน้ำตา” ซึ่งถูกเล่าถึงนิทานเทพนิยายในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า เดอะเกรฟ ถึงโลกที่ไม่มีใครร้องไห้ แต่มีเจ้าแห่งน้ำตาที่สามารถทำให้ผู้คนพบกับอารมณ์นี้ได้ ซึ่งเรื่องก็นำมาใช้เปรียบเทียบถึงตัวเอกของเรื่อง ริเกลคือเจ้าแห่งน้ำตาตามที่นิกาเชื่อว่าเขาเป็น โดนที่ริเกลก็มีบุคลิกที่ไม่เป็นมิตรกับใคร มักเล่นเปียโนอยู่ตามลำพัง เรียกนิกาว่าว่า “ยัยแมลง” พยายามทำทุกอย่างให้นิกาเกลียด โดยแทนตัวเองว่าเป็น “หมาป่า” ในเทพนิยายที่นิกาคิดฝันไว้ ซึ่งหมาป่าคอยแต่จะทำร้ายนางเอกเสมอ 

ด้วยความที่เรื่องใช้นิทานมาเป็นส่วนประกอบของเรื่อง ก็ทำให้เรื่องนี้มีวิธีการเล่าเรื่องผ่านเสียงบรรยายของนางเอกถึงฉากความคิดต่างๆ เหมือนเธอเป็นตัวเอกในนิทานนี้เอง โดยที่มีหมาป่าใจร้ายคอยกลั่นแกล้ง แต่นั่นคือ ฉากรักแบบการกระทำไม่ตรงกับใจที่เรียกว่า “ซึนเดเระ” เป็นจุดขายของเรื่องนี้ว่านางเอกต้องโดนกลั่นแกล้งทุกฉากจากพระเอก แต่ก็ละวางจากเสน่ห์ผ่านการกระทำร้ายๆ นั่นไม่ได้ ด้วยความที่ไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไร เพราะนี่ก็เป็นความรักครั้งแรกของทั้งคู่ในวัย 17 ปี ซึ่งเป็นเด็กกำพร้าในสถานรับเลี้ยงมาตลอดด้วย ซึ่งฉากซึนเหล่านี้ออกแบบได้หวาบหวิวใจมาก มีฉากเลิฟซีนอ่อยแบบเย็นชาอยู่ตลอดเวลา ซึ่งผู้ชมก็ต้องรู้สึกว่ามันมีนัยยะบางอย่างที่ริเกลกระทำออกไป อาจจะดูเหมือนหึงหวง แต่ก็รุนแรงและเย็นชาแบบตั้งใจ ทำให้เรื่องทั้งมีเสน่ห์และดูลึกลับเข้าใจยากไปพร้อมกัน

แม้เรื่องจะเป็นแนวสนองอารมณ์ผู้หญิงมาก แต่มันก็ยังใส่เหตุและผลลงลึกไปอีกชั้น โดยเรื่องจะค่อยๆ แฟลชแบ็คกลับไปยังสมัยเด็กของทั้งคู่ ค่อยๆ เปิดเผยบาดแผลของการอยู่ที่นี่ของทั้งสองคน ซึ่งเป็นเหตุและผลก็ทำให้ริเกลมีตัวตนแบบนั้นขึ้นมา แม้อยากรักใครก็รักไม่ได้ หรือสิ่งที่นิกาเชื่อมาตลอดก็ช่วยให้นำ้หนักกับสิ่งที่เธอโดนริเกลกระทำ แต่ก็ยังอยากใกล้ชิดเขา และมองว่าเขาคือเจ้าแห่งน้ำตา ตัวเอกในเทพนิยายนี้ที่ทำให้ผู้คนได้พบกับอารมณ์เจ็บปวดในหัวใจ ซึ่งหนังใส่เหตุผลลงไปได้ลึกเกินกว่าหนังรักวัยรุ่นโดยทั่วไปมาก จนทำให้หนังเรื่องนี้มีมิติที่ลึกลงไปอีกถึงอาชญากรรมกับเด็กในสถานรับเลี้ยงแห่งนี้ ซึ่งก็คือบทสุดท้ายที่ทำให้เรื่องราวนี้จบลง แม้จะค่อนข้างง่ายจนเกินไป แต่จะมองว่านี่เป็นนิทานเรื่องหนึ่งของเด็กกำพร้าเท่านั้นก็ได้ครับ

นอกจากนั้นแล้วหนังยังใส่ความรักลงไปในคู่อื่นอีก ซึ่งเรื่องก็ออกแบบให้บทพ่อแม่บุญธรรมของเธอมีลูกชายที่เสียไป แต่ก็มีคนที่รักลูกชายเธอและมองว่าการรับเลี้ยงลูกบุญธรรมของทั้งคู่คือการทำร้ายจิตใจของเธอ หรือบทรักะหว่างเพื่อในแบบเพศเดียวกัน ผ่านธรรมเนียมความรักแบบให้กุหลาบกันในโรงเรียน ซึ่งแม้จะดูปกติธรรมดา แต่หนังก็ใส่ความลึกลงไปทั้งในสีกุหลาบที่นางเอกและเพื่อนของเธอได้ โดยมีบทเฉลยความรักตรงนี้เล็กๆ แต่ก็เพิ่มน้ำหนักทำให้เรื่องนี้มีมิติตัวละครมากขึ้นเยอะ จนผู้เขียนแอบเสียดายว่าถ้าเรื่องนี้ทำออกมาเป็นซีรีส์น่าจะขยายเรื่องราวพวกนี้ได้ดีกว่านี้มาก

ส่วนฉากเลิฟซีนในเรื่องถือว่าสั้นมาก มีฉากที่นางเอกเปลือยกายส่วนบน แต่ก็สั้นๆ ไม่ได้มีฉากลงลึกไปมากกว่านั้น นอกนั้นคือฉากเล้าโลมสัมผัสตัวทั่วไปเท่านั้น

และด้วยความที่เล่นกับเทพนิยาย หนังจึงมีการถ่ายทำมุมกล้องที่สวย แปลกตา ผ่านสีที่เกรดออกมาเป็นโทนฟ้าหม่นๆ พร้อมกับดนตรีประกอบที่เข้ากันอย่างมาก หนังจึงสวยและมีเสน่ห์ลึกลับตลอดเวลา

สรุป หนังรักวัยรุ่นที่เล่าแบบนิทานเทพนิยายสมัยใหม่ อันเต็มไปด้วยความเจ็บปวดผ่านชีวิตของตัวละครในบ้านเด็กกำพร้า ตัวละครเป็นแนวซึนเดะเระแบบมีเสน่ห์ มีฉากหวาบหวิวหัวใจทั้งเรื่อง โดยมีเหตุผลลงลึกเพิ่มนำ้หนักมิติตัวละครลงไปทำให้เรื่องดูไม่เป็นแค่แนวเพ้อฝันสนองอารมณ์ผู้หญิงทั่วไป แล้วก็จบด้วยบทที่ลงลึกไปถึงอาชญากรรมในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า ซึ่งทำให้เรื่องดูโดดเด่นแตกต่างจากแนวรักวัยรุ่นทั่วไปเลยครับ

 

รวมรีวิว Netflix คลิกที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!