playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว The Terminal List ซีรีส์ทุนสูงของคริส แพรตต์ กับแอ็กชั่นล้างแค้นสุดโหดจากเนวีซีลตัวจริง (ไม่มีสปอยล์)

Summary

ซีรีส์ทูนสูงของ amazon กับ คริส แพตต์ ที่ออกมาเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมมากเรื่องหนึ่งในแนวแอ็กชั่นทริลเลอร์ โดยมีจุดเด่นคือความสมจริงในรายละเอียดทางทหารแทบทุกด้าน เพราะผู้แต่งเรื่องนี้เป็นเนวีซีลประสบการณ์รบในสงครามกว่า 20 ปีตัวจริง ร่วมกับฉากแอ็กชั่นล้างแค้นสุดโหด เกินขีดกว่าเรื่องไหนๆ จนเหมือนพระเอกเป็นผู้ก่อการร้ายในคราบซีล ซึ่งนำไปสู่สเกลการไล่ล่าในเรื่องที่ใหญ่โตระดับประเทศข้ามโลก และยังแฝงด้วยอารมณ์ดราม่าในเรื่องราวแบบเดียวกับหนัง The Equalizer เพราะผู้กำกับคนเดียวกัน ซึ่งทำให้เรื่องนี้ค่อนข้างครบรสมาก แต่ต้องเน้นว่าเรื่องราวใน 2 ตอนแรกอาจจะดูสับสนไปกับอาการทางสมองกับโรค PTSD ของพระเอกเยอะจนอาจจะทำให้ดูงงๆ กับทิศทางของเรื่อง แต่ถ้าผ่านไปตอน 3 ได้แล้วนี่คือความสนุกเริ่มจุดติดต่อเนื่องยาวๆ ด้วยฉากแอ็กชั่นที่เข้มข้นทุกตอนจนจบครับ

Overall
8.5/10
8.5/10
Sending
User Review
0 (0 votes)

Pros

  • รายละเอียดความสมจริงทางทหารจากผู้แต่งที่เป็นซีลตัวจริง
  • ความโหดรุนแรงในวิธีคิดของตัวเอกที่เข้าขั้นผู้ก่อการร้าย
  • ฉากแอ็กชั่นใหญ่มีทุกตอน
  • ลงลึกถึงรายละเอียดของโรค PTSD กับชีวิตครอบครัวของทหาร
  • คริส แพตต์กับ Antoine Fuqua ผู้กำกับ The Equalizer
  • มีพากย์ไทยที่ออกมาดีมาก

Cons

  • 2 ตอนแรกเริ่มเน้นอาการทางสมองพระเอกเยอะจนทำให้เรื่องดูงงๆ ว่าจะไปทิศทางไหน
  • พล็อตเรื่องดูโหลๆ (แต่ตอนเฉลยไม่โหล)
  • ข้ามรายละเอียดการเอาตัวรอดของพระเอกไปในบางจุด

ADBRO

The Terminal List ชื่อไทย ดับมือสังหาร ซีรีส์ทูนสูงงานสร้างเกรด A ของ Amazon Prime จากนิยายชุดเล่มแรกของผู้เขียน Jack Carr ที่เป็นนาวีซีลตัวจริง และได้คริส แพรตต์มาแสดงนำ และเป็นโปรดิวเซอร์ ร่วมกับ Antoine Fuqua ผู้กำกับ The Equalizer มัจจุราชไร้เงา หรือที่คนเรียกเล่นๆ ว่า นักฆ่าโฮมโปร นั่นเอง โดยรับหน้าที่ทั้งกำกับและโปรดิวเซอร์ด้วย  เรื่องราวของผู้กองหน่วยซีลเจมส์ รีช ที่เสียลูกน้องหน่วยซีลของเขาไปทั้งหมดในภารกิจต่างแดน เขากลับมาตามสืบหาความจริงของสิ่งที่เกิดขึ้นในภารกิจนี้ โดยมีอาการบาดเจ็บทางสมองทำให้เขาเริ่มแยกแยะไม่ได้ว่าสิ่งที่เขาเห็นและจดจำได้นั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่

 The Terminal List (2022) on IMDb

ตัวอย่าง The Terminal List

รีวิว The Terminal List (ไม่มีสปอยล์เนื้อหาสำคัญ)

จุดเด่นสุดของเรื่องนี้คือความสมจริงในรายละเอียดทางการทหาร การใช้อาวุธ การวางแผนสืบสวนกับยุทธวิธีการจัดการเป้าหมาย ซึ่งความสมจริงนี้ก็เพราะผู้เขียนเรื่องนี้เป็นเนวีซีลตัวจริงเสียงจริง ประวัติในเว็บของเขาคือนำทีมปฏิบัติการพิเศษในฐานะหัวหน้าทีม ผู้บัญชาการหมวด ผู้บัญชาการกองร้อย และผู้บัญชาการหน่วยเฉพาะกิจ ตลอดระยะเวลา 20 ปี จากนั้นก็เปลี่ยนไปเป็นเปลี่ยนสไนเปอร์ของหน่วยซีล นำทีมจู่โจมและซุ่มยิงในอิรักและอัฟกานิสถาน มาเป็นผู้บัญชาการหมวดฝึกปฏิบัติการต่อต้านการก่อความไม่สงบในฟิลิปปินส์ตอนใต้ มาเป็นผู้บัญชาการหน่วยปฏิบัติการพิเศษในส่วนที่ได้รับอิทธิพลจากอิหร่าน ทางตอนใต้ของอิรัก ตลอดการล่มสลายของกองกำลังสหรัฐฯ ในเวลานั้น

Jack Carr
Jack Carr ผู้แต่งนิยายชุดนี้

จะเห็นเลยว่าผู้เขียนเป็นทหารรบพิเศษที่ปฏิบัติการมาแล้วต่อเนื่องทุกระดับ จนมาเขียนนิยายเพิ่มโดยก็ยังเป็นซีลอยู่ นิยายเล่มแรกคือเรื่องนี้วางขายในปี 2561 (ยังไม่มีแปลไทย) ก็ได้รับคำชมจากทุกสื่อรีวิวอย่างยอดเยี่ยมถึงรายละเอียดความแปลกใหม่ในเรื่องนี้ ซึ่งซีรีส์เขาเองก็ได้มาคุมงานสร้างด้วยช่วยแนะนำรายละเอียดต่างๆ กับคริส ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้แทบจะถอดแบบเคารพในรายละเอียดตรงกับนิยายมากๆ จนเรียกว่าเป็นการสร้างซีรีส์จากนิยายที่เปอร์เฟ็กต์ลงตัวที่สุดเรื่องหนึ่งเลย (จากที่ดูผู้ชมรีวิวในเว็บ imdb ที่อ่านนิยายมาแล้ว) ซึ่งผู้เขียนเองถึงไม่ได้อ่านนิยายมาแต่ก็เห็นถึงรายละเอียดต่างๆ ที่สมจริงของเรื่องนี้ได้ชัดเจน แต่อาจจะเขียนยกตัวอย่างละเอียดไม่ได้เพราะจุดขายเรื่องนี้คือความสมจริงที่ว่านั้น มันจะเป็นการสปอยล์ฉากสำคัญมากไป

ผู้เขียนขอยกตัวอย่างเบาๆ อย่างตัวละครที่จะบุกเข้าห้องเหยื่อเพื่อสืบหาข้อมูล ปกติเรื่องอื่นจะเป็นการงัดหรือแอบเข้าไปปกติ แต่เรื่องนี้พระเอกคือถ่ายรูปตัวกุญแจที่ใช้ของห้องนั้น แล้วมาฝึกสะเดาะกลอนที่บ้านก่อนให้คล่องเพื่อให้ยืนยันว่าจะเข้าไปได้โดยเหยื่อไม่รู้ตัว โดยตัวล็อคนั้นไม่มีร่องรอยผิดปกติไป หรืออย่างการเข้าใช้คอมเป้าหมายเพื่อล้วงข้อมูล ก็ถ่ายภาพโดยใช้แอปล็อคตำแหน่งบันทึกไว้ จากนั้นตอนจบก็วางทุกอย่างให้อยู่ในตำแหน่งเดิมเป๊ะๆ ซึ่งรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้จะมีให้เห็นตลอดเรื่อง โดยที่เป้าหมายพวกนี้ก็ไม่ใช่คนระดับเดียวกับตัวเอกที่จะมองเห็นร่องรอยพวกนี้ด้วย แต่คือตัวละครรีชจะเป็นคนที่ไม่ไว้ใจในอะไรทุกอย่างตลอดเวลา เขาจึงทำทุกอย่างให้รอบคอบสุดไว้ก่อนเสมอครับ

จุดเด่นต่อมาของเรื่องคือความโหดในการล้างแค้นของพระเอก ตัวเรื่องเซ็ตให้พระเอกสูญเสียอะไรมากมาย พร้อมด้วยอาการโรคความจำสับสนร่วมกับอาการ PTSD ที่เกิดกับทหาร ทำให้เขาเป็นตัวละครที่เหมือนกึ่งๆ คนบ้า ไร้สติยั้งคิด ไม่มีจุดยึดเหนี่ยวในชีวิตอีกแล้ว ในเรื่องการตามสืบของเขาคือการไล่ฆ่าเหยื่อไปเรื่อยๆ มากกว่าจะเป็นการสืบสวน โดยที่บางทีก็ยังไม่แน่ใจเลยว่าเหยื่อที่ล็อคเป้านั้นทำผิดจริงตามที่เขาคิดหรือไม่ ซึ่งก็เป็นเรื่องสไตล์เดียวกับพันนิชเชอร์ แต่ความโหดแบบสมจริงต่างกันมาก (เพราะเรื่องนั้นเป็นแนวซูเปอร์ฮีโร่ด้วย) ความโหดของพระเอกในเรื่องนี้ออกแนวผู้ก่อการร้ายมากกว่าจะเป็นฮีโร่ รีชคือคนที่พร้อมทำทุกวิถีให้เป้าหมายตายหรือคายข้อมูล ไม่สนว่าจะมีใครเดือดร้อนหรือถูกลูกหลง ไม่มีมาเสียใจที่ทำลงไป จะมองว่าเป็นแอนตี้ฮีโร่เทาๆ ก็ได้ แต่ไม่ใช่ตัวละครกลางๆ แบบปกติ แต่ค่อนไปทางเกือบดำมากกว่า ซึ่งฉากโหดในเรื่องนี้มีต่อเนื่องทุกตอน รวมถึงฉากที่ไม่คิดว่าตัวละครแบบนี้จะทำก็ยังทำลงไปหน้าตาเฉย เอาว่าระหว่างดูคุณอาจจะรู้สึกเกลียดพระเอกในเรื่องนี้เลยก็ได้จากกการกระทำเลวร้ายของเขา แต่อีกมุมคนดูก็รู้สึกสาสมกับสิ่งที่รีชทำลงไปเช่นเดียวกัน 

ซึ่งการกระทำแบบเกินขีดของตัวรีชก็เป็นสิ่งที่ในเรื่องตั้งปมคำถามใหญ่ไว้ให้กับคนดูตลอดเรื่องด้วยเช่นกัน โดยมีตัวละคร เคธี่ บูราเน็ก (รับบทโดย Constance Wu) นักข่าวสาวชาวจีนที่มาอยู่อเมริกาตั้งแต่เด็กๆ จากที่พ่อท้าทายการปกครองจีนแล้วยืนหยัดสู้ต่อ แต่ส่งแม่กับลูกสาวมาที่อเมริกา ที่เธอกลายมาเป็นนักข่าวสืบสวนเชิงลึกในคดีผิดปกติต่างๆ และได้มาทำสกู๊ปข่าวนี้จากจุดเริ่มที่ลูกน้องพระเอกตายยกทีม จนมาถึงรีชกลายเป็นฆาตกร ทั้งๆ คู่ช่วยเหลือแลกเปลี่ยนกันในจุดที่ต้องการ โดยรีชหยิบยื่นข้อมูลให้และให้เธอไปตามต่อเพื่อนำกลับมาให้เขา แต่กลายเป็นว่ายิ่งถลำลึกลงไปแนวทางของทั้งคู่ต่างกันมาก เคธี่ต้องการหาความจริงเพื่อเปิดเผยลงเป็นข่าวให้กฎหมายจัดการ แต่รีชกลับมองว่าโลกของเธอกับเขาต่างกัน ซึ่งทำให้เรื่องนี้กลายมาเป็นแนวคิดสองขั้วที่ไปกันไม่ได้ แต่เรื่องเลือกเดินในแบบของรีชเป็นหลัก โดยมีการสืบสวนของเคธี่เป็นรอง แต่เธอก็ไม่ใช่บทตัวเสริม จริงๆ คือบทหลักและเป็นนางเอกของเรี่องนี้เลยก็ว่าได้ 

นอกจากนี้ตัวเรื่องยังมีแนวการเดินเรื่องแบบหนัง The Fugitive (ขึ้นทำเนียบจับตาย) หนังดังคลาสสิคของแฮริฟอร์ด ซึ่งทำมาจากนิยายดังเช่นกัน โดยตัวรีชในเรื่องนี้ต้องหลบหนีความผิดที่เขาทั้งก่อและไม่ได้ก่อขึ้น โดยมีหัวหน้าทีม FBI คอยตามล่า จนคดีบานปลายใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ ไปทั้งประเทศ ทำให้สเกลของเรื่องนี้ใหญ่โตมาก ในเรื่องคือเป็นข่าวดังต่อเนื่องทัวประเทศจับตาการล่าตัวรีชมาให้ได้ ซึ่งฉากไล่ล่าในเรื่องนี้ก็เป็นฉากแอ็กชั่นใหญ่ของเรื่องด้วยเช่นกัน แถมยังสนุกและกดดันว่ารีชเองจะฆ่าพวกที่มาตามล่าเขาที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่ด้วย เพราะการกระทำท่ีผ่านมาของรีชเองก็ไม่ต่างจากผู้ก่อการร้ายดีๆ นี่เอง

นอกจากนี้ตัวเรื่องยังไม่ได้คาดเดาง่ายตามสูตรสำเร็จแนวนี้ด้วย สิ่งที่ตัวเอกเชื่อและคิดว่าเป็นจริง ก็อาจจะไม่ได้เป็นแบบนั้น เรื่องนี้ตัวร้ายเองก็ออกเทาๆ สิ่งที่ทำไปก็มีเหตุผลรองรับที่คนดูเองก็ยังต้องรู้สึกเห็นด้วยในระดับที่ปัดความผิดตกไปได้ ซึ่งก็ต้องมาลุ้นกันว่ารีชเองจะตัดสินใจยังไงหลังรู้ความจริงของเรื่องราวทั้งหมด

 

ตัวคริสเองก็เหมาสมกับบทนี้มาก คือดูแล้วเราเชื่อเลยว่าเขาเป็นซีลได้จริงๆ ด้วยหุ่นรูปร่าง ท่าทางการแสดงก็เหมือนมาก คงเพราะได้ผู้เขียนที่เป็นซีลมาควบคุมงานถ่ายทอดรายละเอียดให้ทุกฉาก จึงทำให้งานออกมาดีมาก และบทนี้ยังไม่ได้เน้นแค่แอ็กชั่นความเหมือนซีล แต่บทมีลงลึกถึงรายละเอียดของชีวิตทหารเสี่ยงตายจริงๆ ที่โลกสงครามกลายเป็นเหมือนบ้านหรือที่ทำงานที่ง่ายกว่าการกลับมาชีวิตเรียบง่ายกับครอบครัว ซึ่งในเรื่องจะมีดราม่าแฟลชแบ็คถึงฉากซ้ำๆ ในอดีตระหว่างรีชกับภรรยาและลูกที่ตายไปอยู่เป็นระยะตลอดเรื่อง แถมยังเป็นฉากซ้ำๆ ในเหตุการณ์เดิมแต่มีจุดเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ซึ่งตรงนี้ใส่มาเพื่อตอกย้ำถึงอาการไม่ปกติทางสมองที่รีชเป็นอยู่ และก็เป็นปมสำคัญของเรื่องนี้ด้ววย

 

ซีรีส์ยังมีตัวละครเสริมทีมรีชเพิ่มด้วย อย่าง CIA คู่หูที่คอยทำงานด้านแฮกเกอร์ล้วงข้อมูลต่างๆ มาให้ รวมถึงนักบินที่ช่วยพระเอกไปในที่ต่างๆ กับตัวละครอื่นๆ ที่ดูแล้วตัวเรื่องวางไว้ให้เป็นตัวละครผู้ช่วยรีชในซีรีส์ชุดนี้ต่อไป 

ส่วนจุดด้อยของเรื่องที่อาจจะเป็นปัญหาการรับชมเลย 2 ตอนแรก เรื่องราวยังไม่ได้มาในแนวไล่ล่าล้างแค้น แต่วนๆ อยู่กับภารกิจแรกที่ตัวรีชทำผิดพลาด แล้วก็เรื่องอาการทางสมองของรีชที่ทั้งเรื่องจะเป็นหนัก เป็นทั้งความจำสับสน ลำดับเวลาในเหตุการณ์ผิด มีอาการ PSTD ร่วมด้วย ซึ่งเรื่องเล่นตรงนี้หนักมากจนทำให้ตัวเรื่องจริงๆ ไม่ค่อยไปไหน แล้วก็ทำให้ผู้ชมที่ทดลองดูแรกๆ อาจจะรู้สึกเฟลจับทิศทางของเรื่องไม่ได้ เลิกดูไปก่อน แต่พอผ่านสองตอนไปได้เรื่องจะเคลียร์กระจ่างว่าจะไปต่อยังไง จากนั้นก็คือความมันส์กับโหดที่ทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ ครับ

อีกจุดที่อาจจะมีปัญหานิดๆ คือบางเหตุการณ์ที่คับขันจวนตัวมากๆ ตัวรีชหลุดรอดออกมาได้แบบไม่อธิบายให้เห็นภาพชัดๆ ว่าทำได้ยังไง ซึ่งฉากแบบนี้จะมีอยู่ราวๆ 3 ครั้ง แต่ก็ไม่เชิงว่าจะไม่สมเหตุผล เพียงแต่เรื่องเลือกเล่านิดเดียวแล้วข้ามสเต็ปมารอดเลย ก็เลยเป็นจุดที่ทำให้ผู้ชมคงคาใจอยู่บ้างเช่นกัน

นี่เป็นซีรีส์งานเกรด A ที่สมราคาจริงทั้งบท ความสมจริง นักแสดง ผู้กำกับ ซึ่งสมาชิก Amazon Prime ห้ามพลาดเด็ดขาด แถมยังเซอร์ไพรส์ด้วยการมีพากย์ไทยเรื่องแรกกับซีรีส์คนแสดงที่ไม่ใช่แอนิเมชั่นเด็กด้วย ตัวเสียงพากย์ก็แปลออกมาได้ดีถูกต้องกว่าซับอีกด้วย 

 

อ่านรีวิวหนังซีรีส์ Amazon Prime VIDEO เพิ่มคลิกที่นี่

FB ของผู้แต่งเรื่องนี้ https://www.facebook.com/jackcarrusa/

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!