playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว The Umbrella Academy SS4 ซีซั่นจบที่ไม่น่าประทับใจ ขาดความแปลกใหม่ มีแต่น้ำมากกว่าเนื้อ

Summary

ซีซั่นสุดท้ายทำมาเพื่อจบโดยเฉพาะ แต่ฉากจบไม่น่าประทับใจ มุกต่างๆ ในภาคนี้ก็รีรันรูปแบบเดิมมาหมด เป็นดราม่าทะเลาะกันพี่น้องคั่นเวลาวิกฤตวันสิ้นโลกรอบใหม่ (อีกแล้ว) โดยซีรีส์มีเพียง 6 ตอน แต่ใส่น้ำมาเยอะกว่าเนื้อ ฉากแอ็กชั่นก็น้อยมาก แต่ข้อดีก็คือมันสั้น ถ้าใครดูมาตลอดก็ยังควรดูให้จบครับ 

Overall
6/10
6/10
Sending
User Review
0 (0 votes)

Pros

  • ซีซั่นจบสุดท้ายไม่มีต่อแล้ว
  • เคลียร์ปมเล็กๆ หมดแล้ว
  • 6 ตอนสั้นๆ

Cons

  • เนื้อเรื่องวนลูปเดิมไม่มีความแปลกใหม่
  • ฉากจบหาทางออกง่ายๆ ไม่น่าประทับใจ

ADBRO

The Umbrella Academy SS4 6 ปีหลังจากการรีเซ็ต ตระกูลฮาร์กรีฟส์ที่ไร้พลังก็ต้องต่อกรกับสมาคมลับ ก่อนจะล่วงรู้ว่ามหันตภัยที่อันตรายที่สุดกับจักรวาลอาจเป็นตัวเอง

The Umbrella Academy SS4

ซีซั่นจบที่มีเพียงแค่ 6 ตอน จากปกติ 10 ตอน ซึ่ง ไม่น่าจะเกี่ยวกับความนิยมลดลงเพราะตัวยอดการรับชมของ Netflix ก็ยังอยู่สูงต้นๆ มาตลอด ลดลงมาทำ 8 ตอนปกติก็ยังได้ แต่ซีซั่นนี้กลับเป็นเหมือนมินิซีรีส์ที่มาเพื่อแค่จบๆ เรื่องนี้ไปเท่านั้น เหตุเพราะหมดมุกในการเล่าเรื่องใหม่อีกแล้ว ทั้งๆ ที่ซีซั่น 3 มีความฉีกแปลกแหวกแนวออกไปด้วยการให้ทุกตัวละครไปติดอยู่ในโรงแรมต่างมิติ พอตอนจบได้กลับมาโลกปกติแต่โดนรีเซ็ตพลังหายไปหมด เรื่องก็กลายเป็นการย้อนรอบรูปแบบการเล่าเรื่องเหมือน 2 ซีซั่นแรกอีกครั้ง ด้วยการเริ่มจากจุดที่ทุกคนไม่มีพลัง แล้วก็หาทางดึงพลังกลับมาได้ ซึ่ง ณ จุดนี้ตัวบทก็เริ่มกลับเข้าร่องรอยเดิมคือ ตัวละครก็หาเรื่องทะเลาะกันระหว่างทางไปกู้วันสิ้นโลกด้วยดราม่าครอบครัวแบบเดิมๆ ไม่เคยจบสักที มีเพียงแค่คู่ของไล่ล่ากับดิเอโก้ที่มีปมเพิ่มมากับ 5 กลายเป็นความสัมพันธ์รัก 3 เส้า ที่ช่วยเพิ่มมิติตัวละครให้ 5 ขึ้นมาหน่อย หรือประเด็นของเคล้ากับอัลลิสันที่ต้องช่วยเลี้ยงลูกสาวของเธอให้จนกลายเป็นครอบครัวเล็กๆ ที่ตบตีกันไปด้วย แต่ก็แยกขาดกันไม่ได้ แต่มันก็เป็นเพียงดราม่ายืดถ่วงเวลาในซีรีส์มากกว่าจะทำให้น่าสนใจ เพราะซีซั่นนี้มีเพียงแค่ 6 ตอนก็ยังไม่สามารถเล่าแบบเนื้อๆ เน้นๆ เรื่องการปิดฉากปมปัญหาเวลา ได้เลยด้วยซ้ำ

ซีรีส์นำเอาเรื่องเส้นเวลาแตกขยายมาเป็นประเด็นแบบเดียวกับซีรีส์ Loki ของดิสนีย์เปี๊ยบ เป็นความยุ่งเหยิงที่พัวพันกันจนแก้ไม่ได้  โดยการให้เบนที่มีหนวดปลาหมึกยักษ์ได้มาพบกับตัวละครใหม่เจนนิเฟอร์ที่มีความลับเรื่องพลังพิเศษมาเจอกัน แล้วกลายเป็นจุดเริ่มของวันสิ้นโลกในรอบใหม่ มีองค์กรใหม่เกิดขึ้นมาในเรื่องเป็นตัวร้ายที่เกิดจากผลกระทบของการแตกแขนงของเวลา โดยที่ 5 ก็ไปเจอกับสถานีรถไฟใต้ดินที่พาไปยังเส้นเวลาต่างๆ ได้ แล้วก็พยายามหาทางแก้ไขโดยการหาเส้นเวลานี้ให้เจอเพื่อขัดขวางการพบกันของทั้งคู่ ในขณะที่คู่อื่นๆ ก็แยกย้ายกันไปหาทางหยุดยั้งทั้งสองคนนี้แตกต่างกันไป แต่คนอื่นๆ ก็ไม่ได้มีสาระประเด็นสำคัญอะไรเลย ไม่มีการคลายปมให้มาเกี่ยวข้องกัน  สุดท้ายก็กลายเป็นการตื่นรู้ของ 5 เพื่อพาไปยังฉากจุดจบแบบง่ายๆ  เน้นโชว์วิชวลสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์ แต่ก็ไม่มีฉากต่อสู้กัน แล้วก็ตัดจบทุกอย่างไปหมด ซึ่งไม่น่าประทับใจเท่าไหร่ แต่ก็เป็นทางเดียวที่จะแก้ปัญหาเส้นเวลาที่ยุ่งเหยิงทั้งหมดได้ ไม่งั้นเรื่องนี้ก็จบไม่ลงสักทีแบบที่ 5 ในเรื่องได้ตื่นรู้เข้าใจเช่นกัน 

 

ตัวเรื่องมีการเคลียร์ปมความรักของพ่อของพวกเขากับภรรยา ที่เรารู้แล้วว่าเป็นเอเลี่ยนลงมายังโลก แต่จุดนี้ก็เบาบางมากเป็นการอธิบายช่วงท้ายก่อนจบเพียงนิดเดียว โดยมีการเคลียปมของวิคเตอร์กับพ่อที่ไม่ลงรอยกันซึ่งจุดนี้ก็ถือว่าเป็นจุดดีที่ทำให้เราได้รู้ว่าเนื้อแท้แล้วเรจินัลฮากรีฟก็ไม่ใช่คนไม่ดีอย่างที่ปูเรื่องมาตลอด

 

สรุป ซีซั่นสุดท้ายทำมาเพื่อจบโดยเฉพาะ แต่ฉากจบไม่น่าประทับใจ มุกต่างๆ ในภาคนี้ก็รีรันรูปแบบเดิมมาหมด เป็นดราม่าทะเลาะกันพี่น้องคั่นเวลาวิกฤตวันสิ้นโลกรอบใหม่ (อีกแล้ว) โดยซีรีส์มีเพียง 6 ตอน แต่ใส่น้ำมาเยอะกว่าเนื้อ ฉากแอ็กชั่นก็น้อยมาก แต่ข้อดีก็คือมันสั้น ถ้าใครดูมาตลอดก็ยังควรดูให้จบครับ 

 

รีวิว The Umbrella Academy SS3

รีวิว The Umbrella Academy SS3 เปิดประตูสู่ความเป็นไปได้ใหม่ๆ ให้เป็นซีซั่นที่ดีที่สุด

 

รีวิว Black Doves พิราบเงา (Netflix) ซีรีส์สายลับที่ตัวละครมีเสน่ห์ซับซ้อนคมคายสุดๆ