รีวิว THE VILLAGE ไม่ใช่แนวระทึกขวัญ แต่เป็นดราม่าชีวิตสิ้นหวังล้วนๆ
THE VILLAGE
Summary
โดยรวมหนังมีประเด็นน่าสนใจ หลอมรวมเรื่องปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นเข้ากับผู้คนในหมู่บ้านชนบทห่างไกลได้เสมือนเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นที่ไหนสักที่ได้ดี แต่การเล่าเรื่องค่อนข้างเยิ่นเย้อไม่กระชับ แล้วยังทำให้เหมือนเป็นแนวลึกลับระทึกขวัญ ทั้งๆ ที่จริงๆ ไม่ใช่ ก็ทำให้หลายคนที่หลงดูน่าจะผิดหวังได้ง่ายๆ ครับ
Overall
6.5/10User Review
( vote)Pros
- แนวดราม่าชีวิตหดหู่สิ้นหวัง
- ปัญหาทุจริตคอรัปชั่น
Cons
- การเล่าเรื่องเยิ่นเย้อไม่กระชับ
- การแสดงติดมีโอเวอร์แอ็คติ้งอยู่บ้าง
THE VILLAGE หนังญี่ปุ่น Original Netflix เรื่องราวของชายหนุ่มยากจนที่ติดอยู่ในหมู่บ้านที่มีโรงงานกำจัดขยะ เขาสิ้นหวังไม่สามารถมีชีวิตที่ดีกว่านี้ได้ จนกระทั่งเพื่อนสาวสมัยเด็กได้กลับมาที่นี่ และเริ่มสนับสนุนให้เขาไปสู่เส้นทางชีวิตใหม่ แต่ความลับดำมืดในอดีตของเขากำลังย้อนกลับมาทำลายความฝันนั้นไป
รีวิว THE VILLAGE
สำหรับเรื่องนี้หน้าหนังดูเหมือนแนวหมู่บ้านญี่ปุ่นลึกลับ แนวหนังก็ระบุว่าเป็นแนวระทึกขวัญ แต่ความจริงเรื่องราวไม่ได้มีส่วนที่ทำให้ระทึกขวัญอะไรเลย ซ้ำยังเป็นแนวดราม่ารันทดหดหู่อีก เนื่องจากประเด็นของหนังก็คือการสะท้อนภาพปัญหากลไกการทุจริตคอรัปชั่นของผู้มีอำนาจในท้องถิ่นไปจนถึงระดับชาติ ด้วยการตั้งโรงงานกำจัดขยะในหมู่บ้านชนบทห่างไกลที่มีธรรมชาติสวยงาม ด้วยการหลอกชาวบ้านเรื่องการสร้างงานให้ชุมชน แต่ลึกๆ เบื้องหลังของโรงงานกลับเป็นที่ทิ้งขยะอันตราย ซึ่งสุดท้ายก็กลายเป็นสิ่งที่มาทำลายหมู่บ้านในภายหลัง
ตัวเอกของเรื่อง Yu Katayama เป็นคนหนุ่มที่เกิดและเติบโตมากับหมู่บ้านมีฐานะยากจน และยังถูกคนในหมู่บ้านรุมเกลียดจากสิ่งที่พ่อของเขาทำไว้ตอนที่คัดค้านการก่อสร้างโรงงานอยู่เพียงคนเดียว ตัวเรื่องแสดงให้เห็นถึงชีวิตประจำวันที่โรงแยกขยะชั้นล่างสุด เขาเป็นแค่คนทำงานไปวันๆ และตกดึกก็มักจะถูกตามให้ไปรับงานเสริมพิเศษ เป็นการลักลอบขุดหลุมฝังขยะอันตราย ที่มีเจ้าของโรงงานกับลูกชายดูแลอยู่ แม้จะรู้ว่านี่เป็นสิ่งที่ผิด แต่ก็ต้องยอมทำเพื่อใช้หนี้แทนแม่ที่ติดการพนัน ซึ่งตัวเรื่องแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นคนดีที่ไร้ทางออก จนกระทั่งการมาของเพื่อนสาวในวัยเด็ก ที่เห็นใจและพาเขาออกจากจุดตกต่ำที่อยู่ด้วยการเสนองานไกด์ทัวร์โรงงานขยะที่มีขึ้นเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ให้เห็นภาพด้านดีของโรงงาน ซึ่งต่อมาก็กลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวได้สำเร็จ เปลี่ยนวิถีชีวิตไม่ใช่แค่ของตัวเอก Yu เพียงคนเดียว แต่คนทั้งหมู่บ้านก็ได้รับไปด้วย และ Yu กลายเป็นคนที่ทั้งหมู่บ้านยอมรับ
แต่หนังไม่ได้เล่าเรื่องโดยให้เห็นแต่ด้านที่สวยงามเพียงอย่างเดียว ตัวเรื่องก้าวกระโดดจากจุดต่ำสุดของ Yu มาจุดสูงสุดในพริบตาแค่เปลี่ยนฉาก ก่อนที่จะค่อยๆ เล่าเรื่องช่วงที่ขาดหายไป ที่ส่งผลกระทบมายัง Yu ตรงๆ จากคนดีที่ไร้ซึ่งทางออกในวันนั้น กลับกลายเป็นหนึ่งในคนแบบเดียวกันกับเจ้าของโรงงานที่เขาเกลียด อาชญากรรม ความรุนแรง การทุจริต ความลับในอดีตทั้งหมดถูกเปิดเผยขึ้นในภายหลัง หนังพลิกขยะใต้พรมที่ซุกไว้ออกมาจนสิ้น ซึ่งนี่คือเรื่องราวที่เป็นเสมือนเรื่องจริงที่เกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลา ตราบใดที่ต้นทางยังมาจากการทุจริตคอรัปชั่นในแวดวงการเมือง
ตัวหนังมีช่วงที่น่าเบื่ออย่างหนึ่งคือ การใส่เรื่องละครโน ซึ่งเป็นศิลปะการแสดงเก่าแก่ของญี่ปุ่นที่นักแสดงต้องใส่หน้ากากแล้วร่ายรำ ซึ่งหนังใส่ไว้เพื่อแสดงให้เห็นว่าหมู่บ้านแห่งนี้มีการอนุรักษ์วัฒนธรรมเก่าแก่เหล่านี้ไว้ จนกระทั่งการมาของโรงงานกำจัดขยะที่ทำให้สิ่งนี้ถูกบดบังไป ซึ่งความน่าเบื่อก็คือเรื่องพยายามยัดเยียดฉากเหล่านี้มาไว้ในเรื่องค่อนข้างมาก ทั้งๆ ที่ไม่ได้จำเป็นต้องย้ำขนาดนี้ในเมื่อปมหลักของเรื่องคือการทุจริตก่อตั้งโรงงานกำจัดขยะมากกว่า
โดยรวมหนังมีประเด็นน่าสนใจ หลอมรวมเรื่องปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นเข้ากับผู้คนในหมู่บ้านชนบทห่างไกลได้เสมือนเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นที่ไหนสักที่ได้ดี แต่การเล่าเรื่องค่อนข้างเยิ่นเย้อไม่กระชับ แล้วยังทำให้เหมือนเป็นแนวลึกลับระทึกขวัญ ทั้งๆ ที่จริงๆ ไม่ใช่ ก็ทำให้หลายคนที่หลงดูน่าจะผิดหวังได้ง่ายๆ ครับ